สัตววัตถุเสือโคร่ง

สัตววัตถุเสือโคร่ง

เริ่มโดย ณเดช2499, 16 พฤศจิกายน 2017, 09:07:18

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ณเดช2499


เสือโคร่ง
เสือโคร่งเป็นสัตว์จำพวกแมวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด รับประทานเนื้อ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Panthera tigris (Linnaeus) ชนิดที่พบในประเทศไทยเป็นประเภทย่อย Panthera tigris corbetti (Mazak) จัดอยู่ในสกุล Felidae เสือลายพิงกลอน ก็เรียก
ชีววิทยาของเสือโคร่ง
เสือโคร่งเมื่อโตสุดกำลังมีความยาวลำตัวราว ๒๑๐ เซนติเมตร หางยาวราว ๑๐๕ ซม. สูงราว ๙๕ ซม. (วัดจากหัวไหล่) น้ำหนักตัว ๑๐๐-๒๑๐ กิโล เพศผู้ที่โตสุดกำลังอาจหนักได้ถึง ๓๐๐ กิโล มีเล็บแหลมคม แอบซ่อนได้ มีเขี้ยวบน ๒ เขี้ยว ล่าง ๒ เขี้ยว หน้าสั้น มีหนวดแข็ง ตากลมโต แวววับ ขมตามตัวเป็นเส้นเล็กละเอียด สีเหลืองคละเคล้าเทา หรือสีเหลืองอมสีน้ำตาลปนแดง ท้องสีขาว มีแถบลายดำพาดผ่านหลังลงมาข้างๆลำตัวตลอดตั้งแต่หัวถึงปลายหาง หางมีบ้องสีดำสลับเหลือง ปลายหางสีดำ ข้างหลังใบหูมีสีดำ รวมทั้งมีจุดสีนวลใหญ่เห็นได้ชัด เสือโคร่งเป็นสัตว์ขี้ร้อน ชอบเล่นน้ำหรือแช่น้ำมากมาย ปีนต้นไม้ได้ อาศัยในป่าได้เกือบทุกชนิดที่มีของกิน น้ำ รวมทั้งแหล่งแอบตัวอย่างพอเพียง ดังเช่น ถ้ำ หลืบหิน ขอนไม้ใหญ่ ป่าที่รกทึบ ออกล่าเหยื่อตั้งแต่ตอนค่ำไปจนกระทั่งรุ่งเช้า ของกินที่กินได้แก่ กวาง เก้ง หมูป่า วัว ควาย และสัตว์อื่นๆเสือโคร่งชอบอยู่สันโดษ เว้นเสียแต่ตัวเมียที่กำลังเลี้ยงลูกอ่อน เหมือนปกติตัวเมียเป็นสัดทุก ๕๐ วัน และเป็นสัดอยู่นาน ๕ วัน ตกลูกครอกละ ๑-๗ ตัว ตั้งครรภ์นาน ๑๐๕-๑๑๐ วัน เสือโคร่งในธรรมชาติ แก่ได้ ๒๐-๒๕ ปี เคยมีผู้ทำนองว่า ในประเทศไทยมีเสือโคร่งหลงเหลืออยู่ในธรรมชาติไม่เกิน ๕๐๐ ตัว พบในแนวเขาตะทุ่งนาวศรี เทือกเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ เขาใหญ่ และก็ในป่าดิบทางภาคใต้ ในต่างถิ่นพบได้ตั้งแต่ในไซบีเรียไปจนกระทั่งทะเลสาบแคสเปียน ในประเทศอินเดียและภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ ในเกาะเกะสุมาตรา ชวา และบาหลี เสือโคร่งที่เลี้ยงกันทั่วๆไปในประเทศไทยเป็นเสือโคร่งเบงกอล อันเป็นเสือโคร่งจำพวกย่อย ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Panthera tigris tigris (Linnaeus) เจอที่อินเดีย เนปาล บังกลาเทศ และเมียนมาร์ ชนิดย่อยนี้ตัวโตกว่าเสือโคร่งจำพวกย่อยที่เจอในธรรมชาติในไทย
คุณประโยชน์ทางยา
แพทย์แผนไทยรู้จักใช้ส่วนต่างๆของเสือโคร่งแทบทุกส่วนเป็นเครื่องยา ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเสือโคร่ง เขี้ยว กระดูก หนัง ดีเสื้อ เอ็นเสือ ตาเสือ ไตเสือ และเนื้อเสือ แต่ว่าที่ใช้มากมายมี
๑. น้ำมันเสือ ตำราเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่า น้ำมันเสือมีรสเผ็ด ใช้ต้มผสมกับสุรา รับประทานแก้อ้วกคลื่นไส้ แก้ผมหงอกก่อนวัย ใน แบบเรียนพระโอสถพระนารายณ์ มียาขนานหนึ่ง คือขนานที่ ๖๙ สีผึ้งบี้พระเส้น เข้า "น้ำมันเสือ" เป็นเครื่องยาด้วย
๒. เขี้ยวเสือ โบราณว่ามีรสเย็น มีคุณประโยชน์ดับไข้พิษ ไข้รอยแดง แก้พิษร้อน พิษอักเสบ พิษตานซาง เขี้ยวเสือเป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในพิกัดยาไทยที่เรียก "นวเขี้ยว" หรือ "เนาวเขี้ยว" เช่น เขี้ยวหมูป่า เขี้ยวหมี เขี้ยวเสือ เขี้ยวแรด เขี้ยวหมาป่า เขี้ยวปลาพะยูน เขี้ยวตะไข้ เขี้ยวเลียงหน้าผา และงาช้าง
๓. กระดูกเสือ ตำรายาโบราณว่ามีรสเผ็ดคาว เป็นยาบำรุงกระดูก บำรุงไขข้อและก็เนื้อหนัง แก้ปวดบวมตามข้อ แก้โรคปวดข้อ เป็นยาระงับประสาท แก้โรคลมหวน แก้ปวดตามข้อ เข่า กระดูก บำรุงกระเพาะอาหาร ยาขนานหนึ่งใน พระหนังสือไกษย ชื่อ "ยาเนาวหอย" เข้า "กระดูกเสือเผา" เป็นเครื่องยาด้วย

กระดูกเสือในยาจีน
กระดูกเสือเป็นเครื่องยาที่ใช้ในยาจีน หายากและมีราคาแพง มีชื่อเครื่องยาในภาษาละตินว่า Os Tigris จีนเรียก หูกู่ (แมนดาริน) ได้จากกระดูกแห้ง (ทุกชิ้น) ของเสือโคร่ง Panthera tigris (Linnaeus) ตำรายาจีนว่า กระดูกเสือมีรสเผ็ด ฤทธิ์อุ่น มีคุณประโยชน์ไล่ "ลม" แล้วก็แก้ปวด ก็เลยใช้รักษาโรคลมจับโปง และมีคุณประโยชน์เพิ่มความแข็งแกร่งของกระดูกและก็กล้มเนื้อ ใช้แก้อาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงของกระดูกรวมทั้งกล้ามเนื้ออันเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากตับและไต "พร่อง" ขนาดที่ใช้คือวันละ ๓-๖ กรัม โดยมักจัดแจงเป็นยาเม็ดลูกกลอน ยาผง และก็ยาดองเหล้า ก่อนนำกระดูกเสือมาใช้เป็นเครื่องยา จำเป็นต้องละเนื้อออกให้หมด ตากให้แห้ง แล้วเลื่อยออกเป็นชิ้นเล็กๆหรือบางทีอาจเอากระดูกชิ้นเล็กๆมาทอดด้วยน้ำมันสิ้นไร้ไม้ตอกแล้วทำให้เย็นก่อนนำมาใช้ ด้วยเหตุว่ากระดูกเสือเป็นเครื่องยาหายากแล้วก็ราคาแพงแพง จึงมีของที่ไม่ใช่ของจริงขายในตลาดมากมาย จำนวนมากเป็นกระดูกวัว
๔. นมเสือ ตำราเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่ามีรสมันร้อน มีคุณประโยชน์บำรุงกำลังแก้หืด ดับพิษร้อน มียาหยอดตาขนานหนึ่งใน พระตำราปฐมจินดาร์ เข้า "น้ำนมเสือ" เป็นเครื่องยาด้วย ดังต่อไปนี้ ยาหยอดตาสำหรับกัน ขนานนี้ท่านให้เอา นอแรด ๑ น้ำนมเสือ ๑ ผลสมอเทศ ๑ รากตำลึงตัวผู้ ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเท่าเทียมกัน บดทำแท่ง ฝนด้วยน้ำค้าง หยอดแก้สารพัดสารพันตานทรางทั้งปวงขึ้นตา แล้วจึงแต่งยาชื่อว่าคุณประโยชน์ลิกานั้น สำหรับแก้ตานมิจฉาชีพ เหล่านี้ถัดไป
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions