สัตววัตถุ เเรด

สัตววัตถุ เเรด

เริ่มโดย ณเดช2499, 18 พฤศจิกายน 2017, 10:54:54

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ณเดช2499


เเรด
แรดเป็นสัตว์เลือดอุ่นกลุ่มหนึ่ง จัดอยู่ในวงศ์ Rhinocerotidae เป็นสัตว์ป่าใกล้สิ้นพันธุ์  ทั้งโลกมีสัตว์เหล่านี้คงเหลืออยู่เพียง  ๕  ประเภท  เป็นแรดที่พบในทวีปเอเชีย  ๓  ประเภทเป็นกระซู่ แรดชวา และก็แรดประเทศอินเดีย พบในทวีปแอฟริกา ๒ ชนิดเป็นแรดขาวแล้วก็แรดดำ
ชีววิทยาของแรด
๑.กระซู่
มีชื่อวิทยาสาสตร์ว่า Dicerorhinus sumatrensis (fischer)
มีชื่อสามัญว่า asian two-horned  rhinoceros  หรือ  Sumatran  rhinoceros
เป็นสัตว์กีบคี่  คือ  มีเล็บ  ๓  เล็บ  อีกทั้งเท้าหน้าและก็เท้าหลัง  มี  ๒  นอ  เมื่อโตเมที่มีความสูงที่ไหล่  ๑-๑.ค๐  เมตร  น้ำหนักราว  ๑  ตัน  มีหนังหนาและมีขนปกคลุมทั่วตัวโดยยิ่งไปกว่านั้นในตัวที่แก่น้อย  ขนนี้จะน้อยลงเมื่อแก่มากยิ่งขึ้น  โดยธรรมดาลำตัวสีเทาเหมือนสีเถ้าหรือสีน้ำตาลเข้ม  ด้านหลังของลำตัวมีรอยพับของหนังเพียงแต่พับเดียวอยู่ที่บริเวณข้างหลังของขาคู่หน้า  กระซู่ทั้งยัง  ๒  เพศมมีนอ  ๒  นอ  นอหน้ายาวราว  ๒๕  เซนติเมตร  ส่วนนอหลังมักยาวไม่เกิน  ๑๐  ซม.  หรือบางทีอาจเป็นเพียงแต่ตุ่มนูนขึ้นมาในตัวเมียกระซู่เป็นสัตว์ที่ป่ายปีนเขาเก่ง  มีประสาทรับกลิ่นดีมาก  หากินกลางคืน  กินใบไม้  กิ่งไม้  แล้วก็ผลไม้ป่าเป็นอาหาร  เป็นประจำใช้ชีวิตอย่างสันโดษ  เว้นเสียแต่ในฤดูสืบพันธุ์  หรือช่วงที่ตัวเมียเลี้ยงลูกอ่อน  คลอดลูกครั้งละ  ๑  ตัว  ระยะตั้งท้อง  ๗-๘  เดือน  แก่ยืน  ๓๒  ปี
กระซู่มีเขตการกระจายชนิดตั้งแต่เมืองอัสสัมของประเทศอินเดีย   และก็ในบังกลาเทศ  ประเทศพม่า  ไทย  เวียดนาม  มาเลเซีย  แล้วก็อินโดนีเซีย  มักอาศัยตามชายเขาสูงที่มีหนามรกทึบ  แต่ลงมาอยู่ในป่าที่ราบต่ำช่วงปลายฤดูฝน  ซึ่งมักมีปลักและน้ำอยู่ทั่วๆไป  ในขณะนี้กระซู่จัดเป็นสัตว์ป่าสงวนประเภทหนึ่งใน  ๑๕  ประเภทของไทย
๒. แรดชวา  (เขมรเรียกระมาด)
มีชื่อวิทยาศาสตร์  Rhioceros  sondaicus  Desmarest
มีชื่อสามัญว่า  lesser  one-horned  rhinoceros  sinv  Javan  rhinoceros
เป็นสัตว์กีบคี่ หมายถึง มีเล็บ  ๓  เล็บ  เท้าหน้าแล้วก็เท้าหลัง  มีนอเดียว  เมื่อโตสุดกำลังมีความสูงที่ไหล่  ๑.๖๐-๑.๘๐  เมตร  น้ำหนักตัว  ๑.๕-๒  ตัน  มีหนังครึ้มและมีขนขึ้นห่างๆ ลำตัวสีเทาออกดำ  ด้านหลังของลำตัวมีรอยพับของหนัง  ๓  รอย  ตรงบริเวณหัวไหล่  ด้านหลังของขาคู่หน้า  รวมทั้งด้านหน้าของขาคู่หลัง  แรดตัวผู้มีนอเดียว  มีความยาวไม่เกิน  ๒๕  ซม.  ส่วนตัวภรรยานั้นมองเห็นเป็นเพียงแต่ตุ่มนูนขึ้นมา แรดชวาเคยเป็นสัตว์ที่ทำมาหากินอยู่รวมกันเป็นฝูง  แม้กระนั้นปัจจุบันนี้พบหากินกระโดดๆ หรืออยู่เป็นคู่ในฤดูผสมพันธุ์  รับประทานใบไม้  กิ่งไม้  และก็ผลไม้ป่าที่ตกอยู่บนพื้นดินเป็นของกิน  ตกลูกครั้งลพ  ๑  ตัว  ระยะตั้งครรภ์นาน  ๑๖  เดือน มีเขตผู้กระทำระจายพันธุ์ตั้งแต่ในประเทศบังกลาเทศ  ประเทศพม่า  ไทย  เวียดนาม  เขมร  มาเลเซีย  และอินโดนีเซีย  พบมากในป่าดงดิบชื่นที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์  หรือป่าทึบริมฝั่งทะเล  ส่วนมากหาเลี้ยงชีพอยู่ตามป่าที่ราบ  ไม่พบอยู่ตามเทือกเขาสูง  เดี๋ยวนี้แรดชวาจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน  ๑๕  จำพวกของไทย
๓. แรดอินเดีย
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Rhinoceros  unicornis  Linnaeus
มีชื่อสามัญว่า  Indian  rhinoceros
เป็นแรดใหญ่จำพวกนอเดียว  สูงราว  ๒  เมตร  หนัก  ๒-๓  ตัน  เรียกตัวมีหนังครึ้มคล้ายโล่ที่ไหล่  ที่สะโพก  หนังเป็นปุ่มนูนกลมเห็นได้ชัด  ไม่มีขนมากนักนอกจากที่ขอบหูรวมทั้งปลายหาง  มีหนังพับข้ามหลัง  ๒  ที่  คือ  ที่ข้างหลังของไหล่รวมทั้งที่ข้างหน้าของบั้นท้าย  แต่ว่าไม่มีพับหนังผ่านคอ  หางสั้นอยู่ในหลืบพักของก้น  ตั้งท้องนานราว  ๑๙  เดือน  อายุยืนราว  ๕๐  ปี  แรดอินเดียอาศัยอยู่ในป่าลุ่มริมน้ำ  เคยพบได้มากในซอกเขาแม่น้ำสินธุ  ที่ราบลุ่มแม่น้ำคงคา  ช่องเขาแม่น้ำพรหมบุตร  รวมทั้งบริเวณเชิงเขาหิมาลัยตั้งแต่ประเทศปากีสถานถึงรัฐอัสสัมประเทศอินเดีย
๔. แรดขาว
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Ceratotherium  simum  Burchell
มีชื่อสามัญว่า  white  rhinoceros  หรือ  square-lipped  rhinoceros
มีขนาดใหญ่กว่าแรดอื่นๆ สูงราว  ๑.๖๐-๒  เมตร  ขนาดวัดจากหัวถึงโคนหาง  ๓.๖๐-๕  เมตร  หนัก  ๒.๓ – ๓  ตัน  มีนอ  ๒  นอ  นอหน้ายาวราว  ๖๐  ซม.  แม้กระนั้นบางตัวนอยาวถึง  ๑.๕๐  เมตร  หัวยาว  ปากกว้าง  หูยาวกว่าแรดดำ  รวมทั้งปลายหูแหลม  หน้าผากลาด  และก็มนกว่าแรดดำ  หัวไหล่นูนเป็นก้อน  ผิวหนังเป็นตุ่มนูนน้อยกว่าแรดดำ  ผิวสีน้ำตาลอมเหลืองหรือสีเขา  ผิวหนังทั่วตัวไม่มีขน  เว้นเสียแต่ขนที่ปลายหูและขนหาง  ริมฝีปากบนมีรูปร่างเหมือนสี่เหลี่ยมจัตุรัส  แรดชนิดนี้ชอบรับประทานหน้ามากกว่าใบไม้  มีหัวยาวเพื่อก้มตัวรับประทานต้นหญ้าได้ง่าย  บนไหล่มีโหนกสูง  มีจมูกดี  แม้กระนั้นตาและหูไม่ดี  ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็กๆ ราว  ๔—๕  ตัว  แม้กระนั้นบางทีอาจเจอได้ถึงฝูงละ  ๑๘  ตัว  ไม่ดุมากแรดขาวเคยอาศัยอยู่รอบๆภาคตะวันตกของทวีปแอฟริกา  บริเวณซอกเขาลุ่มแม่น้ำไนล์  แม้กระนั้นในขณะนี้ได้สิ้นซากไปจากบริเวณนี้  เจอในแอฟริกากลางบริเวณทะเลสาบชาดกับแม่น้ำไนล์ขาว  และก็ในแอฟริกาใต้  ทางตอนใต้ของแม่น้ำออเรนจ์ไปทางด้านตะวัยตก  จนกระทั่งภาคตะวันออกของประเทศนามิเบีย  แรดขาวโตถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุ  ๗-๑๐  ปี  ท้องนาน  ๑๘  เดือน  เหมือนเคยคลอดลูกเพียงตัวเดียว  เมื่ออายุ  ๑ เดือนก็เดินตามแม่ได้แล้ว  อายุ   ๑  สัปดาห์เริ่มรับประทานต้นหญ้า  มีอายุยืน   ๓๐-๔๐  ปี
๖.แรดดำ
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Diceros  bicornis  Linnaeus
มีชื่อสามัญว่า  hook-lipped rhinoceros  หรือ   African  black  rhinoceros
เป็นแรดที่มีรูปร่างใหญ่   งุ่มง่ามหนังหนา  สีน้ำตาลอ่อนผสมเทาหรือเทาแก่   ตามลำตัวไม่มีขน  เว้นเสียแต่รอบๆใบหูแล้วก็ปลายหาง  ไม่มีต่อมเหงื่อ  ตาเล็ก  ริมฝีปากบนเป็นติ่งหรือจะงอยแหลมนิดหน่อย  ยืดหดได้  ใช้เหนี่ยวก้านไม้เข้าปากได้  มี  ๒  นอ  นออันหน้าใหญ่ใจโตแล้วก็ยาวกว่าอันข้างหลัง  หางสั้น  แข็ง  ใบหูกลม  ไม่มีฟันตัดและก็ฟันเขี้ยว  เท้ามี  ๓  เล็บ  ขนาดลำตัวยาวราว  ๓.๓๐  เมตร  ความสูงถึงไหล่ราว  ๑.๗๐  เมตร  น้ำหนักราว  ๒  ตัน  ตัวเมียมีเต้านม  ๒  เต้า  เหมือนเคยแรดดำถูกใจอยู่ตัวคนเดียว  จะอยู่เป็นคู่เฉพาะในระยะเวลาสืบพันธุ์  ออกหากินช่วงกลางคืน  ชอบหากินตามทุ่งหญ้าและบริเวณชายเขา  เกลียดเข้าไปหากินในป่าลึก  นิสัยดุ  หูและก็จมูกไว  แรดดำโตเป็นหนุ่มสาวพร้อมสืบพันธุ์ได้เมื่อมีอายุราว  ๗  ปี  ท้องนาน  ๑๕-๑๖  เดือน  ออกลูกครั้งละ  ๑  ตัว  ลูกแรดรับประทานนมแม่อยู่นานราว  ๒  ปี  รวมทั้งอยู่กับแม่นาน  ๓-๔  ปี แรดที่เจอในบ้านเรามีเพียงแต่  ๒  ชนิดแรก เป็น  กระซู่แล้วก็แรดชวา

สรรพคุณทางยา
หมอแผนไทยเคยใช้นอแรดเข้ามาเป็นเครื่องยาในยาโบราณหลายขนาน  แม้กระนั้นในขณะนี้ใช้น้อยลง  เพราะเหตุว่าหายากและแพงแพง นอแรดเป็นสิ่งแข็งเสมือนเขาสัตว์  ตัน  แตกออกขึ้นมาเหนือจมูกของสัตว์พวกแรด  นอแรดที่ดีควรมีผิวนอกดำไหม้  สีค่อยจางไปที่โคน  จนถึงเป็นสีเทาอมน้ำตาล  เนื้อในมีสีเทาปนขาว  มีจุดสีเทาดำ  ตำราสรรพคุณยาโบราณว่า  นอแรดมีกลิ่นหอมเย็น  ไม่คาว  มีรสเปรี้ยวเค็มเย็น  มีคุณประโยชน์แก้ไข้สูง  แก้พิษร้อน  แก้อาเจียนเป็นเลือด  แก้ถ่ายเป็นเลือด  เป็นยาระงับประสาท  โดยใช้บดเป็นผงผสมกับน้ำกิน  เป็นยาขมเจริญอาหาร  แก้อาการเกร็งเพื่อเป็นการสงวนสัตว์พวกนี้ไว้  ก็เลยไม่ควรใช้หรือส่งเสริมให้ใช้  เครื่องยาที่ใช้แทนกันได้คือเขาควาย  (ควาย)  แม้กระนั้นต้องใช้ในจำนวนมากกว่าหลายเท่า
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions