สัตววัตถุเสือโคร่ง

สัตววัตถุเสือโคร่ง

เริ่มโดย teareborn, 21 พฤศจิกายน 2017, 13:46:12

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

teareborn


เสือโคร่ง
เสือโคร่งเป็นสัตว์จำพวกแมวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด รับประทานเนื้อ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Panthera tigris (Linnaeus) ประเภทที่เจอในประเทศไทยเป็นจำพวกย่อย Panthera tigris corbetti (Mazak) จัดอยู่ในตระกูล Felidae เสือลายพาดกลอน ก็เรียก
ชีววิทยาของเสือโคร่ง
เสือโคร่งเมื่อโตเต็มที่มีความยาวลำตัวราว ๒๑๐ ซม. หางยาวราว ๑๐๕ ซม. สูงราว ๙๕ ซม. (วัดจากหัวไหล่) น้ำหนักตัว ๑๐๐-๒๑๐ กก. เพศผู้ที่โตสุดกำลังอาจหนักได้ถึง ๓๐๐ โล มีเล็บแหลมคม หลบซ่อนได้ มีเขี้ยวบน ๒ เขี้ยว ข้างล่าง ๒ เขี้ยว หน้าสั้น มีหนวดแข็ง ตากลมโต ระยิบระยับ ขมตามตัวเป็นเส้นเล็กละเอียด สีเหลืองคละเคล้าเทา หรือสีเหลืองอมสีน้ำตาลแดง ท้องสีขาว มีแถบลายดำพิงข้ามหลังลงมาด้านข้างลำตัวตลอดตั้งแต่หัวถึงปลายหาง หางมีปล้องสีดำสลับเหลือง ปลายหางสีดำ หลังใบหูมีสีดำ และมีจุดสีนวลใหญ่เห็นได้ชัด เสือโคร่งเป็นสัตว์ขี้ร้อน ถูกใจเล่นน้ำหรือแช่น้ำมากมาย ขึ้นต้นไม้ได้ อาศัยในป่าได้เกือบทุก สมุนไพร ประเภทที่มีของกิน น้ำ และก็แหล่งแอบตัวอย่างเพียงพอ เช่น ถ้ำ หลืบหิน ท่อนไม้ใหญ่ ป่าที่รกทึบ ออกล่าเหยื่อตั้งแต่เวลาเย็นไปจนถึงรุ่งเช้า ของกินที่กินได้แก่ กวาง เก้ง หมูป่า วัว ควาย แล้วก็สัตว์อื่นๆเสือโคร่งชอบอยู่โดดเดี่ยว ยกเว้นตัวเมียที่กำลังเลี้ยงลูกอ่อน เหมือนปกติตัวเมียเป็นสัดทุก ๕๐ วัน รวมทั้งเป็นสัดอยู่นาน ๕ วัน ออกลูกครอกละ ๑-๗ ตัว มีท้องนาน ๑๐๕-๑๑๐ วัน เสือโคร่งในธรรมชาติ มีอายุได้ ๒๐-๒๕ ปี เคยมีผู้ทำนองว่า ในประเทศไทยมีเสือโคร่งหลงเหลืออยู่ในธรรมชาติไม่เกิน ๕๐๐ ตัว เจอในแนวเขาตะนาวศรี เทือกเขาเพชรบูรณ์ เขาใหญ่ รวมทั้งในป่าดิบทางภาคใต้ ในเมืองนอกเจอได้ตั้งแต่ในไซบีเรียไปจนกระทั่งทะเลสาบแคสเปียน ในประเทศอินเดียและภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ ในเกาะเกะสุมาตรา ชวา แล้วก็เกาะบาหลี เสือโคร่งที่เลี้ยงกันทั่วๆไปในประเทศไทยเป็นเสือโคร่งเบงกอล อันเป็นเสือโคร่งชนิดย่อย ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Panthera tigris tigris (Linnaeus) เจอที่ประเทศอินเดีย เนปาล บังกลาเทศ และก็พม่า จำพวกย่อยนี้ตัวโตกว่าเสือโคร่งประเภทย่อยที่เจอในธรรมชาติในไทย
คุณประโยชน์ทางยา
แพทย์แผนไทยรู้จักใช้ส่วนต่างๆของเสือโคร่งแทบทุกส่วนเป็นเครื่องยา ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเสือโคร่ง เขี้ยว กระดูก หนัง ดีเสื้อ เอ็นเสือ ตาเสือ ไตเสือ รวมทั้งเนื้อเสือ แม้กระนั้นที่ใช้มากมายมี
๑. น้ำมันเสือ แบบเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่า น้ำมันเสือมีรสเผ็ด ใช้ต้มผสมกับเหล้า รับประทานแก้อ้วกคลื่นไส้ แก้ผมหงอกก่อนวัย ใน ตำราพระโอสถพระนารายณ์ มียาขนานหนึ่ง เป็นขนานที่ ๖๙ สีปากบี้พระเส้น เข้า "น้ำมันเสือ" เป็นเครื่องยาด้วย
๒. เขี้ยวเสือ โบราณว่ามีรสเย็น มีสรรพคุณดับไข้พิษ ไข้กาฬ แก้พิษร้อน พิษอักเสบ พิษตานซาง เขี้ยวเสือเป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในพิกัดยาไทยที่เรียก "นวเขี้ยว" หรือ "เนาวเขี้ยว" ดังเช่น เขี้ยวหมูป่า เขี้ยวหมี เขี้ยวเสือ เขี้ยวแรด เขี้ยวสุนัขป่า เขี้ยวปลาพะยูน เขี้ยวตะไข้ เขี้ยวเลียงหน้าผา และงาช้าง
๓. กระดูกเสือ แบบเรียนยาโบราณว่ามีรสเผ็ดคาว เป็นยาบำรุงกระดูก บำรุงไขข้อและก็เนื้อหนัง แก้ปวดบวมตามข้อ แก้โรคปวดข้อ เป็นยาระงับประสาท แก้โรคลมบ้าหมู แก้ปวดตามข้อ หัวเข่า กระดูก บำรุงกระเพาะ ยาขนานหนึ่งใน พระตำราไกษย ชื่อ "ยาเนาวหอย" เข้า "กระดูกเสือเผา" เป็นเครื่องยาด้วย

กระดูกเสือในยาจีน
กระดูกเสือเป็นเครื่องยาที่ใช้ในยาจีน หายากและแพงแพง มีชื่อเครื่องยาในภาษาละตินว่า Os Tigris จีนเรียก หูกู่ (แมนดาริน) ได้จากกระดูกแห้ง (ทุกชิ้น) ของเสือโคร่ง Panthera tigris (Linnaeus) หนังสือเรียนยาจีนว่า กระดูกเสือมีรสเผ็ด ฤทธิ์อุ่น มีสรรพคุณไล่ "ลม" และแก้ปวด จึงใช้รักษาโรคลมจับโปง รวมทั้งมีสรรพคุณเพิ่มความแข็งแกร่งของกระดูกแล้วก็กล้มเนื้อ ใช้แก้อาการเมื่อยล้าของกระดูกแล้วก็กล้ามเนื้ออันมีต้นเหตุมาจากตับแล้วก็ไต "พร่อง" ขนาดที่ใช้เป็นวันละ ๓-๖ กรัม โดยมักเตรียมเป็นยาเม็ดลูกกลอน ยาผง แล้วก็ยาดองสุรา ก่อนนำกระดูกเสือมาใช้เป็นเครื่องยา จำเป็นต้องละเนื้อออกให้หมด ตากให้แห้ง แล้วเลื่อยออกเป็นชิ้นเล็กๆหรือบางทีอาจเอากระดูกชิ้นเล็กๆมาทอดด้วยน้ำมันยากจนแล้วทำให้เย็นก่อนประยุกต์ใช้ เพราะเหตุว่ากระดูกเสือเป็นเครื่องยาหายากและราคาแพงแพง จึงมีของเก๊ขายในท้องตลาดมากมาย โดยมากเป็นกระดูกโค
๔. นมเสือ หนังสือเรียนสรรพคุณยาโบราณว่ามีรสมันร้อน มีคุณประโยชน์บำรุงกำลังแก้หืด ดับพิษร้อน มียาหยอดตาขนานหนึ่งใน พระตำราปฐมจินดาร์ เข้า "นมเสือ" เป็นเครื่องยาด้วย ดังนี้ ยาหยอดตาสำหรับกัน ขนานนี้ท่านให้เอา นอแรด ๑ นมเสือ ๑ ผลสมอเทศ ๑ รากตำลึงเพศผู้ ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเท่าเทียม บดทำแท่ง ฝนด้วยน้ำค้าง หยอดแก้สารพันตานทรางทั้งผองขึ้นตา แล้วจึงแต่งยาชื่อว่าสรรพคุณลิกานั้น สำหรับแก้ตานขโมย พวกนี้ถัดไป
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions