สัตววัตถุ เเรด

สัตววัตถุ เเรด

เริ่มโดย watamon, 24 พฤศจิกายน 2017, 08:16:24

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

watamon


เเรด
แรดเป็นสัตว์กินนมกลุ่มหนึ่ง จัดอยู่ในสกุล Rhinocerotidae เป็นสัตว์ป่าใกล้สิ้นพันธุ์  ทั้งโลกมีสัตว์พวกนี้คงเหลืออยู่เพียงแต่  ๕  จำพวก สมุนไพร เป็นแรดที่เจอในทวีปเอเชีย  ๓  ชนิดเป็นกระซู่ แรดชวา และก็แรดอินเดีย เจอในทวีปแอฟริกา ๒ ชนิด คือ แรดขาวและก็แรดดำ
ชีววิทยาของแรด
๑.กระซู่
มีชื่อวิทยาสาสตร์ว่า Dicerorhinus sumatrensis (fischer)
มีชื่อสามัญว่า asian two-horned  rhinoceros  หรือ  Sumatran  rhinoceros
เป็นสัตว์กีบคี่  คือ  มีเล็บ  ๓  เล็บ  ทั้งเท้าหน้ารวมทั้งเท้าหลัง  มี  ๒  นอ  เมื่อโตเมที่มีความสูงที่ไหล่  ๑-๑.ค๐  เมตร  น้ำหนักราว  ๑  ตัน  มีหนังหนารวมทั้งมีขนปกคลุมทั่วตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตัวที่แก่น้อย  ขนนี้จะลดน้อยลงเมื่อแก่เพิ่มมากขึ้น  โดยทั่วไปลำตัวสีเทาเหมือนสีเถ้าหรือสีน้ำตาลเข้ม  ด้านหลังของลำตัวมีรอยพับของหนังเพียงแค่พับเดียวอยู่ที่รอบๆด้านหลังของขาคู่หน้า  กระซู่  ๒  เพศมมีนอ  ๒  นอ  นอหน้ายาวราว  ๒๕  เซนติเมตร  ส่วนนอข้างหลังมักยาวไม่เกิน  ๑๐  ซม.  หรืออาจเป็นเพียงแค่ตุ่มนูนขึ้นมาในตัวเมียกระซู่เป็นสัตว์ที่ตะกายเขาเก่ง  มีประสาทรับกลิ่นดีเลิศ  หาเลี้ยงชีพเวลากลางคืน กินใบไม้  กิ่งไม้  แล้วก็ผลไม้ป่าเป็นอาหาร  เหมือนปกติดำรงชีวิตอย่างโดดเดี่ยว  เว้นเสียแต่ในช่วงฤดูสืบพันธุ์  หรือตอนที่ตัวเมียเลี้ยงลูกอ่อน  คลอดลูกครั้งละ  ๑  ตัว  ระยะท้อง  ๗-๘  เดือน  มีอายุยืน  ๓๒  ปี
กระซู่มีเขตการกระจายจำพวกตั้งแต่รัฐอัสสัมของประเทศอินเดีย   และก็ในบังกลาเทศ  เมียนมาร์  ไทย  เวียดนาม  มาเลเซีย  แล้วก็อินโดนีเซีย  มักอาศัยตามชายเขาสูงที่มีหนามรกทึบ  แต่ว่าลงมาอยู่ในป่าที่ราบต่ำตอนปลายหน้าฝน  ซึ่งมักมีปลักและก็น้ำอยู่ทั่วๆไป  ในปัจจุบันกระซู่จัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน  ๑๕  ประเภทของไทย
๒. แรดชวา  (เขมรเรียกระมาด)
มีชื่อวิทยาศาสตร์  Rhioceros  sondaicus  Desmarest
มีชื่อสามัญว่า  lesser  one-horned  rhinoceros  sinv  Javan  rhinoceros
เป็นสัตว์กีบคี่ หมายถึง มีเล็บ  ๓  เล็บ  ทั้งเท้าหน้าแล้วก็เท้าหลัง  มีนอเดียว  เมื่อโตเต็มกำลังมีความสูงที่ไหล่  ๑.๖๐-๑.๘๐  เมตร  น้ำหนักตัว  ๑.๕-๒  ตัน  มีหนังครึ้มและก็มีขนขึ้นห่างๆ ลำตัวสีเทาออกดำ  ด้านหลังของลำตัวมีรอยพับของหนัง  ๓  รอย  ตรงแถวๆหัวไหล่  ข้างหลังของขาคู่หน้า  แล้วก็ข้างหน้าของขาคู่หลัง  แรดตัวผู้มีนอเดียว  มีความยาวไม่เกิน  ๒๕  เซนติเมตร  ส่วนตัวเมียนั้นมองเห็นเป็นเพียงแต่ตุ่มนูนขึ้นมา แรดชวาเคยเป็นสัตว์ที่หาเลี้ยงชีพอยู่รวมกันเป็นฝูง  แต่ปัจจุบันพบหาเลี้ยงชีพโดดๆ หรืออยู่เป็นคู่ในช่วงฤดูสืบพันธุ์  รับประทานใบไม้  ก้านไม้  และผลไม้ป่าที่ตกอยู่บนพื้นดินเป็นอาหาร  คลอดลูกครั้งลพ  ๑  ตัว  ระยะตั้งท้องนาน  ๑๖  เดือน มีเขตผู้กระทำระจายประเภทตั้งแต่ในประเทศบังกลาเทศ  ประเทศพม่า  ไทย  เวียดนาม  เขมร  มาเลเซีย  และก็อินโดนีเซีย  พบได้มากในป่าดงดิบชื่นที่มีน้ำสมบูรณ์บริบูรณ์  หรือป่าทึบริมฝั่งทะเล  โดยมากทำมาหากินอยู่ตามป่าที่ราบ  ไม่พบอยู่ตามเทือกเขาสูง  เดี๋ยวนี้แรดชวาจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน  ๑๕  ประเภทของไทย
๓. แรดอินเดีย
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Rhinoceros  unicornis  Linnaeus
มีชื่อสามัญว่า  Indian  rhinoceros
เป็นแรดใหญ่จำพวกนอเดียว  สูงราว  ๒  เมตร  หนัก  ๒-๓  ตัน  ตามตัวมีหนังดกเหมือนโล่ที่ไหล่  ที่ตะโพก  หนังเป็นปุ่มนูนกลมเห็นได้ชัด  ไม่มีขนมากนักนอกเหนือจากที่ขอบหูแล้วก็ปลายหาง  มีหนังพับผ่านข้างหลัง  ๒  แห่ง  คือ  ที่ด้านหลังของไหล่และก็ที่ข้างหน้าของตะโพก  แต่ไม่มีพับหนังข้ามคอ  หางสั้นอยู่ในหลืบพักของสะโพก  ท้องนานราว  ๑๙  เดือน  อายุยืนราว  ๕๐  ปี  แรดอินเดียอาศัยอยู่ในป่าลุ่มริมน้ำ  เคยพบได้บ่อยในหุบเขาแม่น้ำสินธุ  ที่ราบลุ่มแม่น้ำคงคา  ช่องเขาแม่น้ำพรหมบุตร  และก็รอบๆเชิงเขาหิมาลัยตั้งแต่ประเทศปากีสถานถึงเมืองอัสสัมประเทศอินเดีย
๔. แรดขาว
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Ceratotherium  simum  Burchell
มีชื่อสามัญว่า  white  rhinoceros  หรือ  square-lipped  rhinoceros
มีขนาดใหญ่กว่าแรดอื่นๆ สูงราว  ๑.๖๐-๒  เมตร  ขนาดวัดจากหัวถึงโคนหาง  ๓.๖๐-๕  เมตร  หนัก  ๒.๓ – ๓  ตัน  มีนอ  ๒  นอ  นอหน้ายาวราว  ๖๐  เซนติเมตร  แต่ว่าบางตัวนอยาวถึง  ๑.๕๐  เมตร  หัวยาว  ปากกว้าง  หูยาวกว่าแรดดำ  และปลายหูแหลม  หน้าผากลาด  รวมทั้งมนกว่าแรดดำ  หัวไหล่นูนเป็นก้อน  ผิวหนังเป็นตุ่มนูนน้อยกว่าแรดดำ  ผิวสีน้ำตาลอมเหลืองหรือสีเขา  ผิวหนังทั่วตัวไม่มีขน  นอกจากขนที่ปลายหูและขนหาง  ริมฝีปากบนมีรูปร่างเหมือนสี่เหลี่ยมจัตุรัส  แรดประเภทนี้ถูกใจกินหน้ามากยิ่งกว่าใบไม้  มีหัวยาวเพื่อให้ก้มตัวรับประทานต้นหญ้าได้ง่าย  บนไหล่มีโหนกสูง  มีจมูกดี  แต่ตารวมทั้งหูไม่ดี  ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็กๆ ราว  ๔—๕  ตัว  แม้กระนั้นบางทีอาจพบได้ถึงฝูงละ  ๑๘  ตัว  ไม่ดุมากแรดขาวเคยอาศัยอยู่บริเวณภาคตะวันตกของทวีปแอฟริกา  รอบๆหุบเขาลุ่มแม่น้ำไนล์  แต่ในขณะนี้ได้สิ้นซากไปจากรอบๆนี้  เจอในแอฟริกากึ่งกลางรอบๆทะเลสาบชาดกับแม่น้ำไนล์ขาว  และก็ในแอฟริกาใต้  ทางตอนใต้ของแม่น้ำออเรนจ์ไปทางด้านตะวัยตก  จนกระทั่งภาคตะวันออกของประเทศนามิเบีย  แรดขาวโตถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุ  ๗-๑๐  ปี  ตั้งท้องนาน  ๑๘  เดือน  ตามปรกติคลอดลูกเพียงแต่ตัวเดียว  เมื่ออายุ  ๑ เดือนก็เดินตามแม่ได้แล้ว  อายุ   ๑  สัปดาห์เริ่มกินหญ้า  แก่ยืน   ๓๐-๔๐  ปี
๖.แรดดำ
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Diceros  bicornis  Linnaeus
มีชื่อสามัญว่า  hook-lipped rhinoceros  หรือ   African  black  rhinoceros
เป็นแรดที่มีรูปร่างใหญ่   เทอะทะหนังดก  สีน้ำตาลอ่อนผสมเทาหรือเทาแก่   ตามลำตัวไม่มีขน  ยกเว้นบริเวณใบหูรวมทั้งปลายหาง  ไม่มีต่อมเหงื่อ  ตาเล็ก  ริมฝีปากบนเป็นติ่งหรือจะงอยแหลมเล็กน้อย  ยืดหดได้  ใช้เหนี่ยวกิ่งไม้เข้าปากได้  มี  ๒  นอ  นออันหน้าใหญ่ใจโตและยาวกว่าอันข้างหลัง  หางสั้น  แข็ง  ใบหูกลม  ไม่มีฟันตัดและฟันเขี้ยว  เท้ามี  ๓  เล็บ  ขนาดลำตัวยาวราว  ๓.๓๐  เมตร  ความสูงถึงไหล่ราว  ๑.๗๐  เมตร  น้ำหนักราว  ๒  ตัน  ตัวเมียมีเต้านม  ๒  เต้า  เหมือนเคยแรดดำถูกใจอยู่ตัวผู้เดียว  จะอยู่เป็นคู่เฉพาะในช่วงเวลาผสมพันธุ์  ออกหากินช่วงกลางคืน  ถูกใจทำมาหากินตามท้องทุ่งแล้วก็รอบๆชายเขา  เกลียดชังเข้าไปหากินในป่าลึก  นิสัยดุ  หูรวมทั้งจมูกไว  แรดดำโตเป็นหนุ่มสาวพร้อมสืบพันธุ์ได้เมื่อมีอายุราว  ๗  ปี  ตั้งท้องนาน  ๑๕-๑๖  เดือน  คลอดลูกครั้งละ  ๑  ตัว  ลูกแรดกินนมแม่อยู่นานราว  ๒  ปี  รวมทั้งอยู่กับแม่นาน  ๓-๔  ปี แรดที่เจอในบ้านเรามีเพียง  ๒  ประเภทแรก  คือ   กระซู่แล้วก็แรดชวา

ประโยชน์ทางยา
หมอแผนไทยเคยใช้นอแรดเข้ามาเป็นเครื่องยาในยาโบราณหลายขนาน  แต่ในตอนนี้ใช้น้อยลง  เพราะว่าหายากรวมทั้งราคาแพงแพง นอแรดเป็นสิ่งแข็งราวกับเขาสัตว์  ตัน  แตกหน่อขึ้นมาเหนือจมูกของสัตว์พวกแรด  นอแรดที่ดีจะต้องมีผิวนอกดำไหม้  สีค่อยจางไปที่โคน  จนกระทั่งเป็นสีเทาอมน้ำตาล  เนื้อในมีสีเทาผสมขาว  มีจุดสีเทาดำ  แบบเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่า  นอแรดมีกลิ่นหอมหวนเย็น  ไม่คาว  มีรสเปรี้ยวเค็มเย็น  มีคุณประโยชน์แก้ไข้สูง  แก้พิษร้อน  แก้อ้วกเป็นเลือด  แก้ถ่ายเป็นเลือด  เป็นยาระงับประสาท  โดยใช้บดเป็นผุยผงผสมกับน้ำกิน  เป็นยาขมเจริญอาหาร  แก้อาการเกร็งเพื่อเป็นการรักษาสัตว์เหล่านี้ไว้  ก็เลยไม่สมควรใช้หรือสนับสนุนให้ใช้  เครื่องยาที่ใช้แทนกันได้เป็นเขากระบือ  (ควาย)  แต่จำเป็นต้องใช้ในปริมาณมากกว่าหลายเท่า
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions