สัตววัตถุ ไก่ป่า

สัตววัตถุ ไก่ป่า

เริ่มโดย watamon, 11 ธันวาคม 2017, 11:00:33

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

watamon


ไก่ป่า
ไก่ป่าเป็นต้นเครือญาติของไก่บ้าน
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gallus gallus (Linnaeus)
อยู่ในวงศ์ Phasianidae
มีชื่อสามัญว่า red jungle fowl
มีถิ่นเกิด แถบทวีปเอเชียใต้ (ศรีลังกาแล้วก็ประเทศอินเดีย) มาทางตะวันออก จนกระทั่งหมู่เกาะมลายู
ไก่ป่าที่พบในประเทศไทยมีเพียงแค่ประเภทเดียวคือ Gallus gallus (Linnaeus) ประเภทนี้มีหน้าสีแดง ไม่มีขน หงอนสีแดง มีเหนียงสีแดงและก็ติ่งหูอย่างละคู่ ขนบริเวณคอ หลัง ถึงสะโพกมีสีส้ม ขนปีกสีเขียวเป็นมันขลิบสีส้มใต้ท้องสีน้ำเงินดำ หางโค้งลาด ปลายพริ้ว สีเขียวแซมดำและสีน้ำเงินเข้มวาว ความยาวของตัววัดจากปลายปากถึงปลายหางราว ๖๐ ซม. ตัวผู้หนัก ๘๐๐ – ๑๓๐๐ กรัม ไก่ป่าเพศผู้มีลักษณะสำคัญที่แตกต่างจากนกอื่นๆเป็น
๑.มีหงอนบนหัวที่เป็นเนื้อ ไม่ใช่หงอนที่เป้นขน
๒.มีเหนียงเป็นเนื้อแขวนลงมาทั้งสองข้างของโคนปากและก็คาง
๓.มีหน้ารวมทั้งคอเป็นหนังหมดจดๆ ไม่มีขน
๔.โดยทั่วไปขนตามตัวมีสีสวยสดงดงาม มีขนหาง ๑๔ – ๑๖ เส้นตั้งเรียงกันเป็นสันสูงกึ่งกลาง คู่กลางยาวกว่าคู่ อื่น ปลายแหลมและก็อ่อนโค้ง เรียก หางกะลวย
๕.ลำแข้งมีเดือยข้างละอันเป็นอาวุธ
ไก่ป่า ตัวเมียมักมีขนาดเล็กกว่าเพศผู้ ขนไม่งดงาม สีไม่ฉูดฉาด แข้งไม่มีเดือย หงอนและก็เหนียงเล็กมากมาย หรือบางตัวเกือบเป็บศูนย์ ไก่ป่าอาศัยตามพุ่มไม้เล็กๆในป่าทั่วๆไป บินได้เร็ว แม้กระนั้นในระดับต่ำๆรวมทั้งระยะทางสั้นๆเป็นประจำอยู่เป็นฝูงใหญ่ทั้งตัวผู้แล้วก็ตัวเมียรวมกันราว ๕๐ ตัว แต่ว่าจะแยกเป็นฝูงเล็กๆในฤดูผสมพันธุ์ ซึ่งตัวผู้จำเป็นต้องต่อสู้กันเพื่อถือครองพื้นที่รวมทั้งแก่งแย่งตัวเมียกันตัวละ ๓ – ๕ ตัว ข้างหลังผสมพันธุ์แล้วตัวเมียจะทำรังเป็นหลุมตื้นๆบนพื้นดินหรือบนกองใบไม้แห้งๆในที่ปลอดภัย  แล้ววางไข่คราวละ ๕ – ๖ ฟอง ไข่สีขาวหรือน้ำตาล ใช้เวลาฟักราวๆ ๒๑ วัน ลูกไก่ป่าอายุ ๘ วันก็เริ่มบินเกาะตามกิ่งไม้ได้ และก็เมื่ออายุราว ๑๐ วัน ก็เริ่มบินได้ในระยะทางสั้นๆ

ไก่ป่าที่พบในประเทศไทยมี ๒ จำพวกย่อย เป็น
๑. ไก่ป่าติ่งหูขาว หรือ ไก่ป่าอีสาน (Cochin Chinese red jungle foml) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gallus gallus gallus (Linnaeus) มีติ่งหูสีขาว พบบ่อยทางภาคตะวันออกและก็ภาคอีสาน
๒. ไก่ป่าติ่งหูแดง หรือ ไก่ป่าพันธุ์ประเทศพม่า (Burmese red jungle fowl) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gallus gallus  spadiceus (Bonnaterre) มีติ่งหูสีแดง พบได้ทั่วไปทางภาคเหนือ ภาคตะวันตก แล้วก็ภาคใต้
คุณประโยชน์ทางยา
สมุนไพร โบราณไทยใช้ตับไก่เป็นของกินรวมทั้งเป็นยา  ตำราสรรพคุณยาโบราณบันทึกไว้ว่า  ตับไก่ใช้แก้โรคตาฝ้าตาพร่า ตอนนี้เพิ่งจะรู้ว่าโรคนี้เกิดจากการขาดวิตามินเอ ซึ่งพบมากในตับไก่ แพทย์แผนไทยรู้จักใช้เปลือกไก่ฟัก ไข่แดง ตับไก่ รวมทั้งเล็บไก่ป่า เป็นเครื่องยามาเป็นเวลายาวนานแล้ว หนังสือเรียนโบราณว่า ไข่แดงมีรสมัน คาว มีคุณประโยชน์ชูกำลังสร้างความก้าวหน้าให้แก่ร่างกาย ตับไก่มีรสมัน คาว มีคุณประโยชน์บำรุงเลือด แก้โลหิตจาง บำรุงร่างกายให้แข็งแรง แก้โรคตาฝ้าตาพร่า และก็เล็บไก่ป่าใช้แก้พิษไข้ ไข้กาฬ ไข้หัวทุกประเภท นอกจากนั้นไข่ขาวยังคงใช้เป็นตัวยาปรุงแต่งทางเภสัชกรรมสำหรับทำยาขี้ผึ้ง ดังที่ปรากฏในยาขนานที่ ๗๙ ใน หนังสือเรียนพระโอสถพระนารายณ์ ดังนี้
ขนานหนึ่ง ให้เอาพิมเสน ๒ สลึง การบูร ๓ สลึง มาตะกี่ ๕ สลึง ชันตะคียน กำยาน สิ่งละ ๗ สลึง ขี้ผึ้งขาว ๑๐ ตำลึง น้ำมันมะพร้าวอันใหม่ดีนั้นครึ่งทนาน เคี่ยวขึ้นด้วยกันให้สุกดี  แล้วกรองกากออกเสีย เอาไว้ให้เย็น จึงเอาไข่ไก่ มัวแต่ไข่ขาว ๒ ลูก เอาสุรากลั่นราวจอกหนึ่ง กวนกับไข่ให้สบกันดี แล้วจึงแบ่งออกให้เป็น ๓ ภาคๆหนึ่งนั้น เอาน้ำทะแลงไซ้ ๓ สลึง การบูร ๓ สลึง กวนเข้าด้วยกันให้สบก็ดีแล้ว เป็นสีปากแดง ก็เลยเอาสีผึ้งขาวภาค ๑ นั้น มากวนด้วยจุณสีพอสมควร เป็นสีผึ้งเขียว ภาคหนึ่งเป็นสีผึ้งขาว ปิดแก้มองดูม์ แสบร้อนให้เย็น
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions