สัตววัตถุ งูเห่า

สัตววัตถุ งูเห่า

เริ่มโดย แสงจันทร์5555, 13 ธันวาคม 2017, 14:21:46

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

แสงจันทร์5555


งูเห่า
งูเห่าเป็นงูมีพิษขนาดปานกลางถึงกับขนาดใหญ่
มีชื่อวิทยาศาสตร์ Naja naja kaouthia Lesson
มีชื่อสามัญว่า Thai cobra หรือ common cobra หรือ Siamwse cobra
จัดอยู่ในตระกูล Elapidae งูเห่าหม้อ หรือ งูเห่าไทยก็เรียก
งูเห่าไทยที่โตเต็มที่มีความยาวราว ๑๓๐ เซนติเมตร วัดขนาดผ่านศูนย์กลางของลำตัวราว ๕ เซนติเมตร มีลวดลายสีสันต่างกันออกไปในแต่ละตัว สีที่พบมากเป็นสีเทนดำ  นอกจากนั้นอาจมีสีน้ำตาลเข้ม เขียวหมอง หรืออมเขียว มักมีสีเดียวกันตลอดทั้งลำตัว ลวดลายบนตัวมีความมากมายหลายมาก โดยยิ่งไปกว่านั้นลวดลายที่คอหรือ "ดอกจัน"งูเห่าไทยที่พบได้ทั่วไปมีดอกจันเป็นวงกลมวงเดียว จึงมีชื่อเรียกในภาษษอังกฤษว่า monocellate cobra  บางจำพวกมีดอกจันวขี้ตระหนี่ลมตัดกัน ๒ วงเหมือนแว่นตา เรียกงูเห่าแว่น  บางชนิดมีดอกจันรูโกหกอกส้านหรือลายตาอ้อย เรียกงูเห่าดอกส้าน  บางจำพวกมีลายดอกจันเป็นรูปอานม้า ก็เรียกงูเห่าอานม้า งูเห่าพ้นพิษ งูเห่าอีกกลุ่มหนึ่ง เรียกงูเห่าพ้นพิษ (spitting  cobra) ที่พบในประเทศไทยมี ๓ จำพวก  ตัวอย่างเช่น
๑.งูเห่าด่างพ่นพิษ (black and white spitting cobra)
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Naja naja siamensis Nutphand
ประเภทย่อยนี้มีลักษณะคล้ายงูเห่าไทย  แต่ขนาดเล็กกว่า  ลำตัวยาวราว ๘๐  เซนติเมตร  ว่องไว  ปราดเปรี่ยว  และก็ดุกว่างูเห่าไทย  พ่นพิษได้ไกลราว ๒ เมตร  ลำตัวมีสีไม่แน่นอน  สีด่างถึงขาว  ดอกจันรูปตัวยู (U)  ในภาษาอังกฤษ  บางที่เรียก  งูเห่าโรคเรื้อน  พบได้บ่อยในภาคตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองไทย  เช่นที่จังหวัดกาญจนบุรี  จังหวัดอ่างทอง  สุพรรณบุรี  รวมทั้งตาก  นอกจากยังบางทีอาจพบทางภาคตะวันออกด้วย  เป็นต้นว่า  เมืองจันท์  จังหวัดชลบุรี  งูที่เจอบริเวณนี้มักไม่มีลายด่างขาว
๒.งูเห่าทองคำพ่นพิษ (going  spitting  cobra)
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Naja naja sumatranus Var
งูประเภทย่อยนี้มีลำตัวยาวราว  ๙๐  ซม.  มีสีเหลืองปลอดทั้งตัว  บางตัวอาจมีสีเหลืองอมเขียว  ไม่มีลายสีอื่นๆ ไม่มีดอกจันบนหลังคอและท้องสีขาว  ภาคใต้พูดได้ว่างูเห่าปลวก  งูจำพวกนี้มีน้ย  เจอเฉพาะทางภาคใต้ของเมืองไทย  เป็นต้นว่าที่จังหวัดนครศรีธรรมราช  สุราษฎร์ธานี  จังหวัดพัทลุง  แล้วก็จังหวัดสตูล
๓.งูเห่าอีสานพ่นพิษ (isan  spitting  cobra)
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Naja naja isanensis (Nutphand)
งูประเภทย่อยนี้ลำตัวเล็กมากยิ่งกว่าประเภทย่อยอื่นๆ ยาวราว ๖๐-๗๐ เซนติเมตร  ดุ  ว่องไว  ปราดเปรี่ยว  พ่นพิษเก่งมากมาย  มีสีเขียวอมเทา  เขียวอมน้ำตาล  หรือเขียวหม่นหมดทั้งตัว  ไม่มีลายเด่นชัด  มักไม่มีดอกจัน  แต่บางตัวอาจมีดอกจันรูปตัวยู(U) ในภาษาอังกฤษแจ่มชัดกว่างูเห่าด่างพ่นพิษ  มักพบทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองไทย  บางถิ่นเรียก งูเห่าเป่าตา
งูเห่าอีก  พบได้มากที่จังหวัดสุพรรณบุรี  ชนิดนี้ลำตัวมีสีนวลและไม่มีดอกจัน เรียกงูเห่าสีนวล
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Naja  kaouthia  suphandensis (Nutphand)

ผลดีทางยา
สมุนไพร แพทย์แผนไทยรู้จักใช้คราบงูเห่า กระดูกงูเห่า ดีงูเห่า รวมทั้งน้ำมันงูเห่า ยิ่งไปกว่านั้นหมอตามต่างจังหวัดยังใช้งูเห่าหมดทั้งตัวย่างไฟจนถึงแห้งกรอบ  ดองเหล้ากินแก้ปวดเมื่อย  แก้ปวดหลัง  แล้วก็แก้ผอมในสตรีข้างหลังคลอดบุตร  แล้วก็ใช้หัวงูเห่าสุมไฟให้เป็นถ่าน  ปรุงเป็นยาแก้ชาชักในเด็ก  ลดน้ำหนัก  ว่ามีรสเย็นแล้วก็เมา
๑.รอยเปื้อนงูเห่า  เป็นรอยเปื้อนที่งูเห่าลอกทิ้งเอาไว้ ในพระคัมภีร์ปฐมจินดาร์ให้ยาขนานหนึ่งที่เข้า "คราบงูเห่า" เป็นเครื่องยาด้วย  ดังต่อไปนี้ ภาคหนึ่งยาทาตัวกุมาร   กันสรรพโรคทั้งสิ้น  แลจะไม่สบายอภิฆาฎก็ดีแล้ว  โอปักกะไม่กาพาธก็ดีแล้ว ท่าน ให้เอาใบมะขวิด คราบเปื้อนงูเห่า หอมแดง สาบแร้งสาบกา ขนเม่น ไพลดำ ไพลเหลือง บดทำแท่งไว้ ละลายน้ำนมวัว  ทาตัวกุมาร  ชำระความมัวหมองโทษทั้งมวลดีนัก
๒.กระดูกงูเห่า  มีรสเมา  ร้อน  แก้พิษเลือดลม  แก้จุกเสียด  แก้ษนัย  แก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว  แก้ชางตานขโมย  และปรุงเป็นยาแก้แผลเนื้อร้ายต่างๆ ในพระคู่มือจินดาร์ให้ยาอีกขนานหนึ่งเข้า "กระดูกงูเห่า"  เป็นเครื่องยาด้วย  ดังต่อไปนี้ ยาทาท้องแก้ท้องเฟ้อ   ขนานนี้ท่านให้เอาใบหนาด ๑ ใบคนทีสอ ๑ ใบลูกประคำไก่ ๑ ใบผักเค็ด ๑ ใบผักเศษไม้ผี ๑ เม็ดในมะนาว ๑ เมล็ดในสะบ้ามอญ ๑ มดยอบ ๑ กำยานผี ๑ ตรีกะฎุก ๑ สานส้ม ๑ โปตัสเซี่ยมไนเตรดขาว ๑ น้ำประสานทอง ๑ กระชายกระทือไพล ๑ หอม ๑ กระเทียมขมิ้นอ้อย ๑ กระดูกงูเหลือม ๑ กระดูกงูเห่า ๑ กระดูกห่าน ๑ กระดูกเลียงหน้าผา ๑ มหาหิงคุ์ยาดำ ๑ รงทอง ๑ รวมยา ๒๘ สิ่งนี้  ทำเปนจูณ  บดทำแท่ง  ละลายน้ำมะกรูดทาท้อง  แก้ท้องรุ้งพุงมาร  แก้มาเกลื่อนกลาดระไษยลม  แก้ไส้พองเอาเสมอภาค  ท้องใหญ่  ท้องอืดท้องเขียว  อุจจาระฉี่ไม่ออก  ลมทักขิณคุณ  ลมประวาตคุณ  หายสิ้น
๓.ดีงูเห่า มีรสขม  ร้อน  ผสมยาหยอดตาแก้ตาฝ้า  ตาฟาง  ตาเฉอะแฉะ  ตาต้อ  แล้วก็บดเป็นกระสายยาช่วยทำให้ฤทธิ์ยาแล่นเร็ว  ในพระคัมภีร์ปฐมจินดาร์  ให้ยาขนานหนึ่งเข้า "ดีงูเห่า"  เป็นเครื่องยาด้วย  ดังนี้ ยาชื่ออินทรบรรจบคู่กัน  ขนานนี้ท่านให้เอาชะมดพิมเสน ๑ จันทน์ทั้งสอง๑ กฤษณา ๑ กระลำภัก ๑ ขอนดอก ๑ ว่านกลีบแรด ๑ ว่านร่อนทอง ๑ ผลมะขามป้อม ๑ ยาดำ ๑ มหาหิงคุ์ ๑ กระเทียม ๑ ดีงูงูเหลือม ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง  เทียนดำ ๑ เทียนขาว ๑ เทียนแดง ๑ เทียนเยาวภานี ๑ เทียนสัตตบุษย์ ๑ ผลจันทน์ดอกจันทน์กานพลูกระวาน ๑ เอาสิ่งละ ๒ สลึง รวมยา ๒๓ สิ่งนี้  ทำเปนจุณ  แล้วจึงเอา ดีงูเห่า ๑ ดีจระเข้ ๑ ดีตะพาบ ๑ ดีปลาช่อน ๑ ดีปลาไหล ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง  แช่เอาน้ำเปนกระสาย  บดปั้นแท่งไว้  ละลายน้ำดอกไม้รับประทาน  แก้จนหนทาง  ถ้าไม่ฟัง  ละลายเหล้ากินแก้สรรพตาลทรางทั้งหมด  แลแก้ชักเท้ากำมือกำ  หายดีนัก
๔.น้ำมันงูเห่า  จัดแจงได้โดยการเอาเปลวมันในตัวงูเห่าใส่ขวด ตากแดดจัดๆ จนกระทั่งเปลวมันละลาย  ใส่เกลือไว้ก้นขวดน้อยเพื่อกันเหม็นเน่า  ในตำราพระยารักษาโรค  พระนารายณ์มียาขี้ผึ้งขนานหนึ่งว่า "น้ำมันงูเห่า" เป็นเครื่องยาด้วย  ดังต่อไปนี้ ขี้ผึ้งบี้พระเส้น  ให้เอาชะมดทั้งยัง ๒ ไพล พิมเสน โกฏเชียง  กรุงเขมา  ดีงูงูเหลือม  จันทน์ ๒ กฤษณา  กระลำพัก สิ่งละเฟื้อง  โกฏสอ โกฏเขมา โกฏจุลาลำภา  โกฏกัยี่ห้อ  โกฏสิงคี  โกฏหัวบัว  มัชะกิยวาณี  กระวาน  กานพลู  ลูกจันทน์  ดอกจันทน์  เทียนดำ  เทียนขาว พริกหอม พริกหาง พริกล่อน  ดีปลี ลูกกราย  ฝิ่น  ขี้ผึ้ง สิ่งละสลึง  กะเทียม  หอมแดง  ขมิ้นอ้อย  ๒ สลึง  ทำเป็นจุณ  ละลายน้ำมะนาว ๑๐ ใบ  น้ำมันงาทนาน ๑  น้ำมันหมูหลิ่ง น้ำมันเสือ น้ำมันตะไข้  น้ำมันงูเห่า น้ำมันงูเหลือม  พอควร  หุงให้คงจะแต่ว่าน้ำมัน  จึงเอาชันรำโรง ชันห้อย ชันระนัง ใส่ลงพอเหมาะ  กวนไปก็ดีจึงเอาทาแพรทาผ้าถวาย ทรงปิดไว้ ที่พระเส้นอันแข็งนั้นหย่อนยาน
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions