ช็อควงการดนตรีโลก !! “เอมี ไวน์เฮาส์” เสียชีวิตแล้ว

ช็อควงการดนตรีโลก !! “เอมี ไวน์เฮาส์” เสียชีวิตแล้ว

เริ่มโดย etatae333, 24 กรกฎาคม 2011, 13:03:38

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

ช็อควงการดนตรีโลก !! "เอมี ไวน์เฮาส์" เสียชีวิตแล้ว



ศิลปินสาวผู้ได้รับการจดจำทั้งในแง่ของพรสวรรค์ทางดนตรีอันล้นเหลือ และอีกด้านกับชีวิตส่วนตัวที่เต็มไปด้วยปัญหา โดยเฉพาะการใช้ยาเสพติด

"เอมี ไวน์เฮาส" ได้เสียชีวิตลงแล้ว หลังเจ้าหน้าที่พบศพของนักร้องสาวชื่อดัง ที่บ้านของเธอเอง
ในเขตลอนดอนเหนือ แต่ยังไม่มีการยืนยันถึงสาเหตุของการเสียชีวิต

       
  ในแถลงการณ์ของสถานีตำรวจกรุงลอนดอนได้กล่าวถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า เอมี ไวน์เฮาส์ วัย 27 ปี ได้เสียชีวิตที่บ้านของเธอในเขตลอนดอนเหนือ
ในช่วงบ่ายของวันที่ 23 ก.ค. ตามเวลาท้องถิ่น โดยเธอสิ้นลมลงก่อนที่รถพยาบาลจะเดินทางไปถึง และขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้
ถึงสาเหตุของการเสียชีวิต แต่หลายฝ่ายสงสัยว่าอาจมาจากอาการเสพยาเกินขนาด เพราะปัญหาการใช้ยาเสพติดมาอย่างยาวนานของเจ้าตัว
       
สาวมากพรสวรรค์


       
    จากเด็กสาวเชื้อสายยิวที่เติบโตมาในย่านลอนดอนเหนือ มีบิดาเป็นคนขับรถแท็กซี่ และมารดาเป็นเภสัชกร เอมี ไวน์เฮาส์
เริ่มฉายแววความโดดเด่นทางดนตรีมาตั้งแต่อายุประมาณ 10 ขวบหลังตั้งวงดนตรีแร็พกับกลุ่มเพื่อน ๆ หลังจากนั้นจึงได้เข้าเรียนที่
Sylvia Young Theatre School สถาบันที่เปิดสอนวิชาดนตรีสำหรับเด็ก ๆ กระทั่งได้ศึกษาต่อที่ Brit School สถาบันศิลปะ
,ดนตรี และการแสดง ชั้นนำของอังกฤษในเวลาต่อมา

       
   เส้นทางในวงการเพลงของ ไวน์เฮาส์ เด่นชัดขึ้นมาเมื่อเธอได้เซ็นสัญญาเพื่อออกผลงานเพลงกับ 19 Management
บริษัทของ ไซมอน ฟุลเลอร์ ผู้ริเริ่มรายการประกวดร้องเพลงสุดฮิต Pop Idol
       
   แต่อัลบั้มเดี่ยวชุดแรก Frank ที่ออกวางจำหน่ายในปี 2003 นั้นเรียกว่าแตกต่างจากความเป็นป๊อปไปสิ้นเชิง
อัลบั้มที่มีความยาวประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นส่วนผสมของดนตรีหลากหลายแนว สำหรับตัวของ ไวน์เฮาส์ นอกจากจะร้อง
แล้วยังร่วมแต่งเพลงเกือบทั้งหมด กลายเป็นงานที่ได้ชิงรางวัลมากมาย เป็นอัลบั้มที่แจ้งเกิดชื่อของ เอมี ไวน์เฮาส์
สู่วงการเพลงอย่างเป็นทางการ
       
   color=pink]กระทั่งในปี 2006 ขณะที่ ไวน์เฮาส์ มีอายุได้ 22 ปี เธอก็ขึ้นสู่จุดสูงสุดในอาชีพนักร้องเมื่อ
อัลบั้มชุด Back to Black ที่ผสานแนวเพลงทั้ง โซล, แจ๊สส์, ร็อค และคลาสสิกป๊อป กลายเป็นงานฮิตไปทั่วโลก
ขณะเดียวกันก็ได้รับการยกย่องจากเหล่านักวิจารณ์กวาดรางวัลแกรมมีไปถึง 5 สาขาในปี 2007 หญิงสาวที่มีทรงผมและรอยสัก
เป็นเอกลักษณ์จึงกลายเป็นดาวเด่นในวงการดนตรีระดับนานาชาติ โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า Back to Black จะกลายเป็นสตูดิโอ
อัลบั้มชุดสุดท้ายของเธอในเวลาต่อมา[/color]
       
   โดยในตอนที่อัลบั้มชุด Back to Black ผลงานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของเธอออกวางจำหน่าย ไวน์เฮาส์เคยให้สัมภาษณ์
กับเอพีว่าเธอไม่เคยอยากจะโด่งดังมีชื่อเสียงเช่นนี้เลย "ฉันไม่ได้เคยคิดที่จะอยากดังเลย เป็นนักดนตรีเท่านั้นเอง" เธอกล่าว
       
ชีวิตด้านมืด - ปัญหารุมเร้า


       
   แต่แล้วความโด่งดัง, ความสำเร็จและพรสวรรค์ของนักร้องนักแต่งเพลงสาววัย 27 ปี ก็ต้องถูกบดบังด้วยปัญหาการใช้ยาเสพติดหลายประเภท
รวมถึงเฮโรอินด้วย ชื่อของเธอกลายเป็นขาประจำสำหรับสื่อแนวแทปลอยด์ทั้งเรื่องความย่ำแย่ของสุขภาพ, การเข้ารับบำบัดอาการติดยา
ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ดูเหมือนจะแก้ไขปัญหาเรื้อรังนี้ไม่ได้เสียที และทำให้เธอเกือบเสียชีวิตมาแล้ว

       
   มันเป็นเรื่องบ้าๆ มันเป็นช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตฉันเลย ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่รู้สึกตัวเลยจริงๆ
ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองดูเหมือนอะไร ฉันจำแม้กระทั่งตัวเองยังไม่ได้เลย มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก มันน่ากลัวจริงๆ เธอให้สัมภาษณ์
หลังรอดตายมาจากการใช้เฮโรอินเมื่อปี 2009 ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้เลย มันเพิ่งเกิดขึ้น มันทำให้ฉันช็อคมาก ฉันเสียใจ ฉันไม่รู้เลยว่า
อะไรมันเข้ามาสิงฉัน ฉันไม่อยากจะรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว ฉันกลัวตัวเองในเวลานี้ ฉันไปทุกหนทุกแห่ง ฉันรู้ว่ามันกำลังจะเปลี่ยนไป
ฉันกำลังกันตัวเองออกจากสิ่งนั้น
       
   ซึ่งในช่วงหนึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีรายงานว่าแพทย์ได้ออกปากเตือนอย่างจริงจัง ให้เธอหยุดใช้ยา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ก่อนที่มันจะสายเกินไปในตอนนั้น The Sun ได้อ้างคำพูดของแหล่งข่าวถึงเรื่องนี้ว่า มันเป็นโอกาสสุดท้ายของ เอมี แล้ว
หมอต้องพูดจริงจังกับเธอ เพราะสถานการณ์มันรุนแรงแล้ว เป็นความจริงที่เจ็บปวด แต่เธอก็ต้องรับฟัง แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถ
หยุดยั้ง การเดินทางสู่บทสุดท้ายในชีวิตอย่างแสนเศร้า ของศิลปินสาวคนดังได้

       
   ด้านชีวิตรักก็เป็นสิ่งที่นำพาปัญหามากมายมาให้กับ ไวน์เฮาส์ เช่นเดียวกัน ภายหลังเธอแต่งงานกับ เบลค ฟิลเดอร์ ซีวิล ในปี 2007
ทั้งการถูกจับกุมในข้อหายาเสพติด และมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันหลายครั้ง แทปลอยด์ในอังกฤษถึงกับอ้างว่าสามีคนนี้เป็นผู้ชักนำ
ยาเสพติดร้ายแรงอย่าง โคเคน และเฮโรอิน มาให้กับเธอด้วย โดยชีวิตสมรสจบลงในเดือน ส.ค. 2009 เมื่อทั้งสองตัดสินใจที่จะแยกทางกัน
       
  "ฉันยังรัก เบลค และอยากให้เขาได้ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันในบ้านหลังใหม่ ... นี่คือแผนของฉันมาตลอด ...
ฉันจะไม่ยอมให้เขาหย่าจากฉันไปเด็ดขาด เขาเป็นเหมือนกับฉันในแบบผู้ชาย เราเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบที่สุด"

ไวน์เฮาส์ กล่าวถึงอดีตสามีเมื่อเดือน มี.ค. 2009 ก่อนที่ทั้งคู่จะหย่าขาดกันไม่นาน
       
  ปลายเดือน มิ.ย. เรื่องการใช้ยา และดื่มหนัก ก็กลับมาทำร้ายโอกาสกลับคืนสู่วงการเพลงของเธออีกครั้ง
เมื่อศิลปินสาวต้องตัดสินใจยกเลิกการทัวร์คอนเสิร์ตที่ยุโรปทั้งหมด หลังพบกับปัญหาในการแสดงที่เบลเกรด จากการถูกโห่โดยคนดู
หลังเธอเริ่มการแสดงช้าไปประมาณ 1 ชั่วโมง และระหว่างอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตยังมีอาการเดินโซเซ จำเนื้อร้องของเพลงตัวเองไม่ได้
นอกจากนั้นยังทำไมโครโฟนตก และหายตัวไปจากเวทีเสียเฉย ๆ อยู่หลายครั้ง จนต้องปล่อยให้ทีมนักดนตรีแบ็คอัพทำการแสดง
แทนไปพลาง ๆ

ข้อมูลจาก

http://www.manager.co.th/
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions