:: [ "ศิลปะของการเล่นเกมรับ" ริโอ เฟอร์ดินานด์ ] ::

[pheebar]

ศิลปะแห่งการเล่นเกมรับ ริโอ เฟอร์ดินานด์

ริโอ เฟอร์ดินานด์ได้ให้สัมภาษณ์กับ นิค คอพแพ็ค เกี่ยวกับรายละเอียดของการเล่นเกมรับที่จะลงตีพิมพ์ในนิตยสาร FourFourTwo และนี่เป็นส่วนหนึ่งในนั้น


อะไรที่ำสิ่งที่ทำให้กองหลังคนนึงกลายเป็นกองหลังที่ยอดเยี่ยมได้?

"ความคงเส้นคงวาเป็นกุญแจสำคัญของนักเตะทุกคน มีหลายคนที่นานๆ ทีจะโชว์ฟอร์มได้ที่ระัดับ 8 เต็ม 10 พวกนี้เป็นนักเตะที่ดี แต่นักเตะที่ยอดเยี่ยมจะโชว์ฟอร์มในระดับนั้นหรือแม้แต่สูงกว่านั้นได้ทุกๆ สัปดาห์ และนักเตะพวกนี้เองที่จะช่วยทีมคว้าแชมป์ต่างๆ ได้"

"อีกเรื่อง นักเตะที่ยอดเยี่ยมจะสามารถแสดงความสามารถยามที่ทีมต้องการได้ คุณสามารถพึ่งพาพวกเขาได้ยามที่ทีมจำเป็นสุดๆ และพอพูดเฉพาะเจาะจงถึงกองหลัง สิ่งที่ผมพอจะสักเกตได้ก็คือ กองหลังชั้นยอดจะช่วยยกระดับการเล่นของเพื่อนร่วมแผงหลังได้ด้วย บรรดากองหลังชั้นยอด จะสามารถเค้นเอาสมรรถภาพของแผงหลังคนอื่นๆ ออกมาได้ ซึ่งนั่นเป็นคุณสมบัติที่สุดยอดมาก"


แล้วมีความสามารถอื่นๆ อีกไหมที่ทำให้กลายเป็นสุดยอดกองหลังได้?

"ผมคิดว่าคงมีอีกสัก 3 คุณสมบัติหลักๆ ก็คือ ต้องอ่านเกมได้ดี, ต้องมีความมั่นใจ และมีสมาธิที่ดี ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนได้รับผ่านประสบการณ์ทั้งนั้น มันไม่ใช่อะไรที่จะสอนกันได้ง่ายๆ ในสนามซ้อม"


การสื่อสารระหว่างแผงหลังด้วยกันก็คงจะช่วยเพิ่มสมาธิด้วยเหมือนกัน?

"แ่น่นอนที่สุด ผมใช้วิธีนั้นเลยล่ะ ผมพยายามสื่อสารกับเืพื่อนร่วมทีมตลอดทั้งเกม ต่อให้ผมสื่อสารได้ห่วยแตก ซึ่งก็เป็นบ่อยๆ ด้วยก็ตามทีเถอะ! แต่ผมก็ยังพยายามสื่อสารกันไว้ คือมันจะช่วยกระตุ้นสมาธิของตัวคุณและเพื่อนๆ แนวรับด้วยกันได้ คุณต้องคอยตะโกน "ซ้าย", "ขวา", "ดันสูงหน่อย" เหล่านี้ก็เพื่อช่วยเพื่อนร่วมทีมของคุณ แต่ในขณะเดียวกันมันก็ช่วยให้คุณตื่นตัวไปด้วย การเสียสมาธิระหว่างเกมเป็นข้อผิดพลาดที่เจอบ่อยที่สุดในบรรดากองหลังดาวรุ่ง ซึ่งนั่นก็จะนำมาซึ่งข้อผิดพลาดพื้นฐานอื่นๆ อย่าง บอลถูกถ่ายออกไปด้านข้าง พวกเขาวิ่งตามบอลไป เคลื่อนที่ไปผิดตำแหน่งจนลืมตัวประกบของตัวเอง หรือเวลาที่เจอบอลแทงทะลุช่อง แล้วพวกเขามัวแต่เหม่อจนช้ากว่ากองหน้าไปก้าวนึง"

"ในบรรดาคุณสมบัติทั้งหลายที่กองหลังควรจะมี สมาธิ ถือว่าสำคัญที่สุดแล้วล่ะ"


มีเรื่องแปลกอยู่อย่าง คุณไม่จำเป็นต้องเข้าปะทะได้เก่ง เพื่อที่จะเป็นกองหลังที่ดี ใช่มั้ย?

"ใช่ ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ การเสียบสกัดในจังหวะสุดท้ายมันอาจจะดูดี แต่ในความคิดผมนะ ถ้าคุณจำเป็นต้องถลาเข้าเสียบสกัดแบบนั้น ก็อาจหมายถึงว่าคุณจำเป็นต้องทำเพราะคุณหลุดจากตำแหน่ง หรือคุณอ่านเกมไม่ดีพอในจังหวะที่ต้องชิงจังหวะช่วงเสี้ยววินาที ดังนั้นการเสียบสกัดในจังหวะสุดท้ายมักจะเป็นเรื่องของการแก้ไขข้อผิดพลาดมากกว่า"


กันไว้ดีกว่าแก้ว่างั้น?

"ใช่เลย ตอนสมัยที่ผมยังเด็กนั้นมีโค้ชคนนึงเคยบอกผมว่า ถ้ากางเกงของผมไม่เปื้อนเมื่อจบเกม แปลว่าผมยังเล่นได้ไม่ดีพอ แต่ในความคิดของผม มันตรงกันข้ามเลยนะ"

"ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากเดินออกสนามตอนจบเกมด้วยกางเกงที่ขาวสะอาดไม่มีรอยเปื้อนเลย"

"ผมคิดว่าบางครั้งคุณสามารถตัดสินว่ากองหลังคนนั้นเก่งแค่ไหนได้ด้วยการดูที่ความสะอาดของกางเกงของเขาเวลาจบเกม การเข้าตัดบอลหรือชิงจังหวะก่อนนั้นมีประสิทธิภาพกว่าการเข้าปะทะมากนัก เพียงแต่ว่ามันอาจจะไม่ดูหวือหวา ดังนั้นคนจึงไม่ค่อยสนใจ"

"อย่างเช่น หลายๆ คนตัดสิน ไมเคิล คาริค ได้ไม่ตรงกับความเป็นจริง เขาแทบไม่เคยเข้าเสียบสกัดหรือเข้าปะทะด้วยร่างกายเลย ซึ่งทำให้หลายๆ คนตำหนิเขา แต่ความสามารถในการดักทางบอลนั้นกลับไม่มีใครพูดถึง"


คุณสอนวิธีการเข้าตัดบอลหรือดักทางบอลได้ไหม หรือว่าเป็นเรื่องของสัญชาติญานล้วนๆ ?

"หลักๆ แล้วมันเป็นเรื่องของสัญชาติญานและประสบการณ์ นักเตะบางคนดูจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่าควรจะยืนที่ไหนแล้วลูกบอลก็เหมือนจะถูกดึงดูดมาที่พวกเขาเหมือนกับแม่เหล็ก ในบางครั้งคุณสามารถเรียนรู้เรื่องการยืนตำแหน่งได้ แต่โดยส่วนมากแล้วมันเป็นเรื่องของการอ่านเกมและสัญชาติญาน ซึ่งเ็ป็นอะไรที่สอนกันได้ยาก มันต้องมาพร้อมประสบการณ์จริง"

"กองหลังชั้นยอดจะรู้สึกถึงอันตรายได้ก่อนที่มันจะมาถึง พวกเขาจะยืนตำแหน่งที่จะทำให้กองกลางจ่ายบอลทะลุช่องไ้ด้ยาก หรือก้าวแซงหน้ากองหน้าก่อนที่ลูกบอลจะถูกส่งมาเพื่อที่จะสกัดบอลออกจากเท้าของกองหน้าได้"


ทุกวันนี้แค่กระหายในชัยชนะและมีร่างกายแข็งแกร่งไม่เพียงแล้วใช่มั้ย?

"ใช่ ผมคิดว่าอย่างนั้น นั่นไม่ใช่การเล่นเกมรับในแบบที่ผมเล่น และไม่ใช่แบบที่เหล่ากองหลังที่ผมชื่นชอบมาตลอดหลายๆ ปีเล่นด้วย ผมชอบดูพวกกองหลังที่ฉลาด พวกเขาเ่ล่นบอลกับพื้นได้พอสมควรและเล่นได้ปลอดภัย กองหลังที่ผมชื่นชอบม อเลสซานโดร เนสต้า, ฟรังโก้ บาเรซี่, แฟร้ค์ง ไรจ์การ์ด, โรนัล โคมัน พวกเขาเล่นบอลบนพื้นได้ดีและยังรู้สึกถึงอันตรายก่อนที่มันจะเกิด พวกเขาเลยนำหน้าคู่แข่งอยู่ก้าวหนึ่งเสมอ"

"แต่อย่าเข้าใจผมผิด บางครั้งมันก็ยอดเยี่ยมที่มีบางคนยอมพุ่งเอาตัวเข้าปะทะเพื่อสกัดบอล แต่คุณจำเป็นต้องมีความสมดุลในตำแหน่งคู่เซนเตอร์ ซึ่งที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีผมกับ เนมันย่า วีดิช มาตลอดหลายปี แต่ยังไงวิด้าก็เล่นบอลกันพื้นได้นะ คุณจำเป็นต้องมีคุณสมบัติแบบนั้นที่สโมสรเช่นของเรา"


แล้วเกิดอะไรขึ้นกับแท็คติคเก่าที่ว่า "ทำให้กองหน้ารู้ว่าคุณอยู่ตรงนั้น" ในช่วงต้นเกมล่ะ?

"คุณทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว! คุณจำเป็นต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นในเกมสมัยใหม่ ซึ่งแ่น่นอนว่า ในอดีต คุณอาจเข้าบี้ตั้งแต่ต้นเกมเพื่อให้กองหน้ารู้ว่าวันนี้เขาจะเจองานยากแล้ว เขาจะรู้ว่าถ้าเขายังได้บอลเรื่อยๆ คุณก็จะตามไล่บี้เขาตลอด ซึ่งทุกวันนี้ไม่ค่อยอะไรแบบนั้นแล้วนะ"


แต่กองหลังก็ยังจำเป็นต้องแข็งแกร่งนี่ ใช่มั้ย?

"มันก็ช่วยได้แน่นอนล่ะนะ คุณยังจำเป็นต้องใจกล้าด้วย คุณต้องกล้าเหยียดขาหรือแม้แต่หัวเ้ข้าไปแม้ในสถานการณ์ที่คุณอาจจะเจ็บตัวได้ มีหลายๆ โอกาสเหมือนกันที่ผมรู้อยู่แก่ใจว่างานนี้ต้องมีเจ็บตัวแน่ ผมรู้ว่าคงต้องลงไปกองที่พื้น แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ? ยังไงคุณก็จำเป็นต้องเข้าบอลในจังหวะนั้น ผมเองไม่ค่อยเข้าใจเวลาที่บางคนหลีกเลี่ยงการเข้าบอลนะ ผมแค่ไม่เ้ข้าใจจริงๆ ว่าเขาปล่อยตัวเองให้ทำอย่างนั้นได้ไง ผมคงจะรู้สึกขายหน้าถ้าทำนะ ถ้าลูกบอลอยู่ในจังหวะนั้นที่คุณสามารถชิงเอามาได้ ยังไงคุณก็ต้องเข้าไปแย่งมา ทุกๆ ครั้งเลย และถ้าแฟนๆ เห็นคุณไม่ยอมเข้าบอลล่ะก็ พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะตั้งข้อสงสัยในตัวคุณด้วย"


ยอดกองหน้าดูเหมือนจะปรับเปลี่ยนความสามารถในการทำประตูให้เป็นศิลปะ แล้วการเล่นเกมรับสามารถเป็นศิลปะบ้างได้มั้ย?

"แน่นอนที่สุด ซึ่งผมก็มองมันแบบนั้นแหละ การได้เห็นบางคนสกัดบอล หยุดเกมรุกเพียงแค่ยืนถูกที่ถูกเวลา มีไหวพริบที่จะมองทางบอลล่วงหน้าได้ 2 จังหวะและตัดจังหวะอันตราย เหล่านี้ทำให้ผมมีความสุขพอๆ กับการได้ดูทักษะการเล่นที่สุดยอด ผมหลงไหลการได้ดูกองหลังที่เปี่ยมไปด้วยความเยือกเย็นและอำนาจในเกมรับ"


บางทีคุณอาจจะใจเย็นเกินไปมั้ย?

"แน่นอนอีกเหมือนกัน นั่นเป็นปัญหาใหญ่เลยในตอนที่ผมยังอายุน้อยกว่านี้ ในช่วงเริ่มเล่น ผมชอบเล่นบอลกับพื้นมากเกินไป ผมต้องการเอาบอลลงและเริ่มต้นเกมรุกทุกๆ ครั้งที่มีโอกาส ถ้าให้นึกย้อนกลับไป ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมสำหรับผมคงเป็นการแย่งบอลได้ 2-3 ครั้ง เริ่มต้นเกมรุกด้วยตัวเอง และบางทีก็หลอกล่อให้กองหน้าคู่แข่งเสียท่า แต่ผมก็แก้ไขสิ่งเหล่านั้นแล้วหลังจากที่ย้ายออกจาก เวสต์แฮม ผมจำเป็นต้องเปลี่ยนสไตล์การเล่นเพื่อจะเ็ป็นกองหลังที่ดีขึ้นและสม่ำเสมอมากขึ้น"


การเล่นเกมรับจะต่างกันยังไงถ้าเป็นกับ.. เอาเป็น ปีเตอร์ เคร้าช์ กับ ลิโอเนล  เมสซี่?

"แน่นอนเลยว่า เคร้าชี่ ต้องการเล่นบอลกลางอากาศ ดังนั้นสิ่งแรกที่คุณต้องการก็คือให้ฟูลแบ็คและปีกช่วยตามประกบพวกตัวริมเส้นของทีมคู่แ่ข่ง คุณต้องการหยุดไม่ให้มีการครอสบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ ส่วนในฐานะเซนเตอร์ คุณต้องพยายามดันแนวรับให้สูงเข้าไว้ ถ้าคุณสามารถดันแนวรับให้อยู่สูงและนอกกรอบเขตโทษได้ นักเตะสไตล์ เคร้าชี่ ก็มักไม่ค่อยสร้างความอันตราย แต่ถ้าโชคร้าย ถ้าเกิดมีบอลที่ครอสได้เข้าเป้าจริงๆ คุณก็แทบจะทำอะไรไม่ได้เลย เขามีส่วนสูงที่ได้เปรียบและจะชนะลูกโหม่งคุณไ้ด้ 9 จาก 10 ครั้ง"

"ส่วน เมสซี่, คุณไม่สามารถวิ่งไล่ตามเขาไปได้ตลอด เขาจะพยายามดึงคุณออกจากตำแหน่งเพื่อให้เกิดที่ว่างสำหรับคนอื่นได้สอดขึ้นมาแทน เขาจะล่อเซนเตอร์ให้ดันสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดที่ว่างด้านหลังคุณ แต่ถ้าคุณไม่ตามประกบเขา สิ่งที่คุณจะต้องเจอก็คือเขาจะได้บอลและมีเวลาพอจะหันมาเลี้ยงจี้เข้าใส่คุณ ซึ่งทุกคนก็รู้กันดีว่าเขาอันตรายแค่ไหนในสถานการณ์แบบนั้น เขาจะพยายามทดสอบคุณด้วยบทสอบต่างๆ เสมอและทำให้ชีวิตของคุณมันยุ่งยากมาก"


เกมรับในแมตช์ไหนที่คุณคิดว่าทำได้เยี่ยมที่สุดที่ผ่านมา?

"บางทีน่าจะเป็นเกม 0-0 ที่ยูไนเต็ดยันเสมอบาเซโลน่าที่คัมป์นูในรอบเซมิฯถ้วยยุโรปในปี 2008 พวกเราเหลือเชื่อมากในค่ำคืนนั้น ไม่ใช่เฉพาะแผงหลัง แต่ทั้งทีมเลย ซึ่งนั่นเป็นจุดสำคัญ ในการเล่นเกมรับที่ดีนั้นไม่ได้พึ่งพาเฉพาะแผงหลังและผู้รักษาประตูเท่านั้น แต่มันเริ่มตั้งแต่กองหน้า แล้วค่อยๆ กรองลงมาจากจุดนั้น เกมที่บาเซโลน่าก็เป็นแบบนั้น มันเป็นฟอร์มของทีมที่ยอดเยี่ยม"


ที่มา http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S11924470/S11924470.html
แปลจาก manutd.com
ขอขอบคุณคุณ  art_sarawut มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

[GuIlLoTiNe]

ข้อมูลสุดยอดครับ pongz

[cmzaa]

เสียดาย ปีนี้เจ็บเยอะ เพิ่งกลับมาได้ และอายุมากแล้ว...

ไม่งั้นคงช่วยทีมได้อีกหลายปี