ตำนานเพกาซัส(Pegasus)

ตำนานเพกาซัส(Pegasus)

เริ่มโดย etatae333, 26 ธันวาคม 2013, 16:34:19

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

ตำนานเพกาซัส(Pegasus)



เพกาซัส (Pegasus) มีลัษณะเป็นม้าที่ลำตัวสีขาวสะอาด มีปีกขนาดใหญ่เหมือนนกสีขาว แต่ก็มีบางทีก็มีคนวาดปีกเพกาซัสเป็นสีทอง
เพกาซัสเป็นม้าที่มีความฉลาดปราดเปรือง เป็นเครื่องหมายแห่งความบริสุทธิ์ ความสว่าง พลังแห่งดวงอาทิตย์ และแน่นอนว่าเป็นพาหนะ
ของพวกพระเอกเท่านั้น!(อิอิ) นอกจากนี้ความหมายของชื่อเพกาซัสคือความไว การสร้างน้ำพุและยังแข็งแรงขนาดที่ฝ่าพายุขนาดบินอยู่
บนท้องฟ้าได้อย่างสบายๆ


ตำนานการเกิดของเพกาซัสมีอยู่หลายตำนาน แต่ที่เป็นหลักๆ มีอยู่ 2 เรื่อง คือ

1.ตำนานที่กล่าวว่าเพกาซัสเป็นบุตรของเทพโพเซดอน (Poseidon) กับนางเมดูซ่า (Medusa) ซึ่งในขณะที่โพเซดอนลอบเข้าหา
นางเมดูซ่าได้แปลงกายอยู่ในลักษณะของม้า จึงทำให้ลูกที่เกิดมาเป็นม้าด้วย

2.ตำนานที่กล่าวว่าเพกาซัสเกิดจากหยดเลือดของนางเมดูว่าขณะที่เพอซิอุส(Perseus) ตัดหัวนางออกมา



เริ่มตำนานแรกกันเลย มีเรื่องเล่าว่าโพเซดอนซึ่งเป็นเจ้าแห่งสมุทร หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่าเนปจูน(Neptune) เกิดไปหลงรักสาวน้อยนางหนึ่ง
ชื่อว่า เมดูซ่า โดยเมดูว่าเป็นบุตรของเทพฟอร์ซีส (Phorcys) กับนางซีโต(Ceto) และเป็น 1 ใน 3 พี่น้องกอร์กอน (Gorgons)
โดยเมดูซ่ามีรูปโฉมที่งดงามมาก จนโพเซดอนอดใจไม่ไหวแอบแปลงเป็นมาเข้ามากุ๊กกิ๊กกับเมดูซ่าในบริเวณวิหารของเทพีอาเธน่านั่นแหละ
ซึ่งถือเป็นการลบหลู่กันอย่างแรง เพราะสมญานามของพระนางนอกจากจะเป็นเทพีแห่งปัญญาแล้วก็ยังครองตำแหน่งเทพีแห่งพรหมจรรย์อีกด้วย
จะไม่ให้โกรธได้อย่างไรเมื่อเล่นหยามหน้ากันเข้ามากุ๊กกิ๊กกันในวิหารอันศักดิ์สิทธ์ของพระนางแถมเจ้าหนุ่มนั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นลุงแท้ๆ
ของตัวเองสะอีก เมื่อเอาผิดกับลุงของตัวเองไม่ได้เทพีอาเธน่าจึงหันมาเล่นงานเมดูซ่าแทน




พระนางสาปให้เมดูซ่าที่เคยเป็นสาวงามกลายเป็นอสูรกายหน้าตาอัปลักษณ์ เส้นผมสีดำที่เคยเป็นเกลียวสวยงามก็กลายเป็นงูเต็มหัวไปหมด
และเมื่อนางมองสิงมีชิวิตใดก็ตามสิ่งนั้นก็จะกลายเป็นหินไป จากหญิงสาวธรรมดากลายเป็นปีศาจร้ายที่มีจิตอันชั่วร้าย จากนั้นก็ส่งตัวเมดูว่า
ไปอยู่เกาะกอร์กอน เพื่อตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลย



เมื่อเวลาผ่านไป เพอซิอุส ซึ่งเป็นบุตรของเทพซุส กับนางดาเน่ (Danae) ถูกมอบหมายงานมาให้ตัดศรีษะของนางเมดูว่าโดยกษัตริย์
โพลีเดคทีส (Polydectes) แห่งแคว้นเซริฟอส(Seripos) ซึ่งเคยให้ที่พักพิงแก่เพอซิอุสและเจ้าหญิงดาเน่ผู้เป็นมารดาขณะลอยแพมาติดเกาะ
ที่เมืองนี้ก็เกิดใจคิดจะครอบครองเจ้าหญิงดาเน่ จึงคิดจะกำจัดเพอซิอุสที่เป็นก้างชิ้นใหญ่นี่ไปซะ ก็เลยออกอุบายให้เพอซิอุสไปตัดหัวเมดูซ่ามา
เพราะกษัตริย์โพลีเดคทีส คิดว่ายังไงเพอซิอุสก็คงตายด้วยฝีมือของนางเมดูซ่าอย่างแน่นอน


จากนั้นเพอซิอุสก็ได้ออกตามหาเมดูซ่าโดยได้รับความช่วยเหลือจากเทพีอาเธน่า ทั้งคำบอกใบ้ไปเกาะกอร์กอน แถมให้ยืมโล่ของพระนางอีกด้วย
(แสดงว่าแค้นนี้ยังฝังใจ =w=’) แล้วก็ยังมีดาบที่เทพแห่งการสื่อสารเมอร์คิวรี่ที่ได้มอบไว้ให้ ซึ่งดาบนี้เป็นดาบวิเศษที่ไม่มีวันหักเป็นของแถมให้
อีกต่างหาก แล้วในที่สุดเพอซิอุสก็ได้พบเมดูซ่า เพอซิอุสใช้โล่ที่อาเธน่ามอบให้เพื่อป้องกันตัว และใช้วิธีเหลือบมองเงาของนางเมดูซ่าผ่านโล่วิเศษ
และในที่สุดเพอซิอุสก็ตัดหัวเมดูซ่าได้สำเร็จ เลือดของเมดูซ่าที่หยดต้องน้ำของมหาสมุทรก็บังเกิดกลายเป็นม้าวิเศษขึ้นมาทันที



ซึ่งม้าตัวนั้นก็คือเพกาซัสบินรับเพอซิอุสไปส่งขึ้นฝั่ง แล้วเพกาซัสก็บินตรงไปที่เขาเฮลิคอน(Helicon) ที่มีเทวีแห่งศิลป์ทั้ง9นาง
หรือที่เรียกว่ามิวซิส (Muses) คอยให้การดูแลเพกาซัสต่อมา พูดง่ายๆก็คือเป็นพี่เลี้ยงนั่นเอง (ตรงนี้บางตำนานบอกว่าเทพีอาเธน่า
เป็นผู้นำไปมอบให้เทวีแห่งศิลป์ที่เข้าเฮลิคอนด้วยตัวเอง) จากนั้นเพอซิอุสก็ได้ปราบมังกรทะเลและช่วยเหลือเจ้าหญิงอันโดรเมด้า (Andromeda)
แห่งเมืองเอธิโอเปีย ก็ได้ไปรับพระมารดาและพากันไปตั้งเมืองใหม่ที่ชื่อว่าไมซีเน่ (Mycenae) ส่วนหัวของนางเมดูซ่าเทพีอาเธน่า
ก็นำมาติดบนโล่ประดับไว้


โพเซดอนไม่เกี่ยวข้อง เรื่องนี่มีอยู่ว่าในบรรดาสามศรีพี่น้องกอร์กอน  เมดูซ่าถึงจะไม่ได้เป็นอมตะเหนือพี่สาวทั้ง2 แต่ก็มีความงามเป็นเลิศและนาง
ก็บังอาจท้าทายความงามของนางกับเทพีอาเธน่า จนทำให้พระนางโกรธจึงสาปให้เมดูซ่ามีรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดมีเส้นผมเป็นงูอย่างที่เคยเล่าให้ฟังแล้ว
จากนั้นก็นำตัวสามศรีพี่น้องตัวแสบไปขังไว้ที่เกาะกอร์กอนส่วนเรื่องราวหลังจากนั้นก็ลงท้ายเหมือนกัน



กลับมาที่เรื่องของเพกาซัสกันต่อนะ หลังจากที่มาอยู่ที่เขาเฮลิคอนแล้วเพกาซัสก็ซุกซนเหมือนเด็กๆทั่วไปแต่มันต่างกันตรงที่เพกาซัสเป็นม้าแถมบินได้
เพกาซัสก็เลยชอบไปๆมาๆ ระหว่างโลกมนุษย์และเขาโอลิมปัส(Olympus) ซึ่งเป็นที่อยู่ของเทพทั้งหลายหรือเรียกง่ายๆว่าสวรรค์นั่นแหละ
บางทีก็ชอบบินท่องไปในมหาสมุทร ซึ่งมีอยู่วันหนึ่งคณะเทวีแห่งศิลป์ได้ประกวดร้องเพลงกับพีเอริซ(Pierises) ทำให้เขาเฮลิคอนพองตัว
เทพโพเซดอนจึงให้เพกาซัสใช้กับเท่าแทงเขาเฮลิคอนเพื่อที่จะทำให้เขากลับสู้สภาพเดิม จากนั้นมาจุดที่เพกาซัสใช้ขาแทงเขาเฮลิคอน
ก็กลายเป็นน้ำพุขึ้นมา เรียกว่า ฮิปโปครีน (Hippocrene) หรือน้ำพุอาชา (Horse Spring) ซึ่งเชื่อกันว่าน้ำพุนี้มีพลังวิเศษ หากใครได้ดื่มน้ำ
จากน้ำพุนี้จะทำให้มีพรสวรรค์ในด้านศิลป์ขึ้นมาทันที

หลังจากที่เพอซิอุสปราบเมดูซ่าไม่กี่ปี เทพีอาเธน่าก็ยกเพกาซัสให้กับ เบลเลอโรฟอนโดยมอบบังเยนสีทองให้อันหนึ่ง ซึ่งบังเยนนี้มีความสามารถ
ทำให้เพกาซัสเชื่องได้ แล้วเบลเลอโรฟอนก็ไปดักรอเพกาซัสที่น้ำพุในขณะที่เพกาซัสกำลังดื่มน้ำจากน้ำพุพีเรเนียน น้ำพุนี้เพกาซัสก็สร้างขึ้นเอง
คือใช้กับเท้ากระทุ้งน้ำให้พุ่งขึ้นมา เมื่อเห็นจังหวะเหมาะเบลเลอโรฟอนก็กระโดดขึ้นหลังเพกาซัสปุ๊บ ครอบบังเกียนปั๊บ เพกาซัสก็เลยต้องเป็น
ม้ามีเจ้าของไปโดยปริยาย



หลังจากนั้นเพกาซัสและเบลเลอโรฟอนก็ไปปราบตัวคิเมร่ากัน ซึ่งตัวคิเมร่านี้มีหัวเป็นสิงห์ตัวเป็นแพะ และมีหางเป็นมังกร ซึ่งหลังจากนั้นทั้งเบลเลอโรฟอน
และเพกาซัสก็ได้คู่เคียงบ่าเคียงไหล่มากันตลอด แต่ช่วงสุดท้ายของวีรบุรุษคนนี้กลับน่าเศร้านัก เมื่อการที่เขาทำศึกครั้งใดก็ชนะตลอดเพราะมีม้าวิเศษ
อย่างเพกาซัสทำให้เขาผยองจนลืมตัว คิดจะขึ้นไปพบปะเทพบนสวรรค์โดยขี่หลังเพกาซัสไปยังเขาโอลิมปัส ทำให้ทวยเทพรู้สึกไม่พอใจและแน่นอนว่า
เทพซุส ก็ให้บทลงโทษที่แสนสาหัสกับความโอหังครั้งนี้อย่างสาสม เทพซุสปล่อยแมลงใส่เพกาซัส เมื่อเพกาโดนเหล็กในของแมลงนั้นก็เจ็บปวดจนเผลอ
สะบัดเบลเลอโรฟอนจนตกจากหลังของมัน ถ้าเป็นคนธรรมดาคงตายไปแล้ว แต่ด้วยความเมตตาของเทพีอาเธน่าจึงแค่บันดาลให้พื้นดินตรงนั้นอ่อนนุ่ม
จึงทำให้เบลเลอโรฟอนแค่ขาหักและตาบอดไป ชีวิตช่วงสุดท้ายของวีรบุรุษคนนี้จึงน่าอนาถนักต้องเร่ร่อนไปทั่วแผ่นดินเพื่อจะตามหาม้าวิเศษ
ในที่สุดเขาก็ตายอย่างเดียวดาย


ส่วนเพกาซัสก็กลายเป็นม้ารับใช้ของเหล่าเทพไป โดยเพกาซัสได้ไปที่เขาของเทพธิดาเอ-ออส หรือ ออโรร่า ซึ่งเป็นเทพธิดาในการดูแลของเทพอพอลโล
เทพแห่งดวงอาทิตย์ เพื่อช่วยนางในการทำให้ตะวันตกดิน และก็ช่วยเทพอพอลโลในการทำให้พระอาทิตย์ขึ้น นอกจากนี้บางทีเพกาซัสก็รีบใช้เทพซุสด้วย
โดยจะเป็นผู้นำสายฟ้าซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของเทพซุสส่งให้เมื่อองค์มหาเทพต้องการ



หลังจากนั้น เพกาซัสก็ได้รับการสถาปนาขึ้นบนท้องฟ้าให้กลายเป็นกลุ่มดาวเพกาซัส ซึ่งดาวกลุ่มนี้จะปรากฏขึ้นทางทิศใต้ในฤดูใบไม้ร่วง โดยเรียก
กลุ่มดาวนี้ว่า “Square of Pegasus” หรือสี่เหลี่ยมเพกาซัสซึ่งกลุ่มดาวเพกาซัสนี้มีตำแหน่งอยู่ติดๆกับกลุ่มดาวอันโดรเมด้าอีกด้วย
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่