อ่านเนื้อหาคุณภาพเรื่องวิธีเขียนบทความคุณภาพทางด้าน SEO สนับสนุน Google Panda 4.2

อ่านเนื้อหาคุณภาพเรื่องวิธีเขียนบทความคุณภาพทางด้าน SEO สนับสนุน Google Panda 4.2

เริ่มโดย belive2528, 03 มกราคม 2016, 06:42:45

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

belive2528

วิธีเขียนบทความคุณภาพทางด้าน SEO สนับสนุน Google Panda 4.2

ประเภทของวิธีเขียนบทความคุณภาพทางด้าน SEO สนับสนุน Google Panda 4.2 สวัสดีผู้อ่านทุกคนที่เข้ามาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับรับทำ SEOอ่านบทความดังกล่าวจากเนื้อหานี้
ขั้นตอนการสร้างบทความ
คุณภาพ


การทำ SEO สิ่งสำคัญมากที่สุด คือ การสร้าง Content คุณภาพ ที่เป็นผลดีต่อผู้เยี่ยมชม หากคุณมัวแต่สร้างแบ็คลิงค์โดยไม่สนเรื่องของการเขียนบทความ
คุณภาพ อันดับเอสอีโอ ของคุณอาจไม่คงทน การกรอก Quality Content เป็นจุดเริ่มต้นของการทำ SEO อย่างแท้จริง ไม่ว่าคุณจะทำอันดับกูเกิลด้วยทราฟฟิค หรือดันอันดับกูเกิลด้วย Links  ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการสร้างบทความคุณภาพ

  ในวงการ SEO รวมไปถึงวงการ Internet Marketing ด้วย มีคำกล่าวยอดนิยมที่ว่า Content is King ซึ่งหมายถึง ให้สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ (Quality Content) ถึงจะช่วยให้ประสบผลสัมฤทธิ์ในการทำ SEO ในการสร้าง Quality Content ที่ดีนั้น ควรจะนึกถึงถึง 2 สิ่งควบคู่กันไป คือ User (ผู้เยี่ยมชม) และ Google Search จากการอัพเดททันสมัยที่สุดของ Google ที่เรียกว่า Google Quality Update (Google Phantom Update) ที่เน้นความมีคุณภาพของ Content เป็นสำคัญ ในการจัดอันดับ Website  ทำให้ ในการรับทำ SEO สมัยนี้นั้น เราจำเป็นต้องมาทำความเข้าใจในเรื่อง Quality หรือ คุณภาพ ในมุมมองของกูเกิลมากกว่าเดิม
Quality Content ในสายตา Google

  หากตั้งคำถามว่าเราจะรู้ได้ยังไงว่า Content ที่มีคุณภาพเป็นยังไง แล้วเราจะส่งเสริมให้เนื้อหาของเรามี Quality ในสายตา Google ได้ยังไง ผมต้องบอกกับผู้เยี่ยมชมก่อนว่าเรื่องของคุณภาพเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากกว่า อีกทั้งกูเกิลก็มีเกณฑ์วัดคุณภาพโดยปรับปรุง Algorithm ใหม่ๆ ออกมาเพื่อ Check คุณภาพของเนื้อหานั่นเอง

  ในวิสัยทัศน์ผู้อ่าน (User) ย่อมเข้าใจว่าเนื้อหาที่พวกเขาอ่านอยู่นั้น เป็นเนื้อหาที่มีประโยชน์หรือไม่ ผู้ติดตามสามารถตัดสินด้วยตนเองได้ว่าบทความที่กำลังอ่านสัมพันธ์กับเรื่องที่เขากำลังค้นหาหรือไม่ และสามารถติดสินได้ว่า ชอบหรือไม่ชอบ เนื้อหานั้นๆ แต่ในสายตาของ Google นักทำ SEO จะทราบได้ยังไงว่า Quality Content ในมุมมองของ Google เป็นยังไง ซึ่งแน่นอนว่าหากเราเข้าใจคำว่าคุณภาพในมุมมองของกูเกิลได้ ก็จะส่งเสริมให้เราสามารถทำ SEO ได้อย่างมีประสิทธิผล

  ซึ่งผมจะยิบยกเอาเรื่องของ Quality Rater หรือการประเมินคุณภาพตามแบบฉบับของ Google ซึ่งเว็บ SEO เมืองนอกจะติดตามและให้ความสำคัญเกี่ยวกับประเด็นนี้ค่อนข้างมาก เพราะเป็นพื้นฐานในการปรับปรุงระบบ Algorithm ของกูเกิลก็ว่าได้ การศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Google Quality Raters และ Quality Rater Guidelines จะช่วยสนับสนุนให้เราสามารถทำ SEO ให้สอดคล้องกับระบบ Algorithm ใหม่ๆ ของ Google ได้อย่างมีประสิทธิผล และสามารถทำอันดับอย่างยั่งยืน
มาทำความเข้าใจกับ Google Quality Raters

  หากเราแปลตรงๆ ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเรื่องของ Google Quality Raters คือ การประเมินคุณภาพของกูเกิล แน่นอนว่าถ้าเราทำความเข้าใจกับมันให้มากๆ ย่อมจะส่งผลดีต่อการทำ SEO ของเราอย่างแท้จริงครับ ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ QR (Quality Raters) ของ Google ก็เหมือนกับ QC (Quality Control) ของบริษัททั่วไป จะทำหน้านี่ตรวจตสอบคุณภาพ ซึ่งในมุมมองของกูเกิล คือ การ Check คุณภาพของ Website นั่นเอง และแน่นอนว่าจะมุ่งเน้นไปที่การ Check ที่คุณภาพของบทความเป็นหลัก อาจมีการตรวจสอบปัจจัยอื่นสนับสนุน เช่น การตรวจสอบ Structure เว็บไซต์ว่าสนับสนุน Google Mobile Friendly การตรวจสอบมาตรฐานการปรับปรุง Website ตามหลักของ W3C การออกแบบเว็บ Web Layout ที่รองรับผู้อ่านเป็นหลัก เป็นต้น ซึ่งสถานะของเจ้าหน้าที่ Google สำหรับ Check คุณภาพดังกล่าว เรียกว่า Search Quality Analyze หรืออาจเรียกว่า Search Quality Research and Development ก็ได้ ซึ่งความหมายเหมือนๆ กัน คือการตรวจสอบ ตรวจเช็ค และพัฒนาคุณภาพบน Google Search  Team Work ด้านนี้มีความสำคัญกับการพัฒนาระบบ Algorithm ต่างๆ ของกูเกิลอย่างมาก ก่อนที่จะพัฒนาหรืออัพเดทระบบอัลกอริทึมใหม่ๆ จะต้องมีการกำหนด Quality Guidelines ให้กับ Team Work  Engineer ที่มีหน้าที่ปรับปรุง Google Algorithm และเมื่อระบบอัลกอริทึมปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีการประเมินผลกันภายใน หรือเรียกว่า Offline Testing เพื่อให้ QR แยกแยะว่า Algorithm ก่อนและหลังการปรับปรุงมีคุณภาพในการแสดงผลการค้นหา Search Result Pages ดีขึ้นหรือไม่ การที่เราทำความเข้าใจกับคำว่า คุณภาพ ในสายตากูเกิล ย่อมทำให้เราสามารถทำอันดับบน Google ได้ทุกอัลกอริทึมที่ออกมา และนักทำ SEO ควรเข้าใจและรับทราบว่ายิ่งกูเกิลมีการปล่อยอัลกอริทึมออกมาบ่อยเท่าใด นั่นมีความหมายว่าจะยิ่งเน้นคุณภาพมากขึ้นเรื่อยๆ นักทำ SEO ควรพัฒนาความรู้ ความสามารถ และตามการเปลี่ยนแปลงให้ทัน
เริ่มต้นวิจัยเกี่ยวกับ Google Quality Rater Guidelines
Content ในมุมมองของ Google ประกอบด้วยอะไรบ้าง

1. Main Content (MC) หมายถึง ส่วนหลักของเว็บเพจที่ตอบคำถามของเป้าหมายในการสร้างหน้านั้นขึ้นมา ซึ่งอาจจะเป็น Text ( Message ) , รูปภาพ , วีดีโอ เป็นต้น ซึ่งบางทีอาจจะนับรวมไปถึง คอมเม้นท์จากผู้เยี่ยมชมด้วย MC จะมีคุณภาพมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ Detail ของบทความภายในบทความนั้นๆ ว่าตอบโจทย์ความประสงค์ของผู้เยี่ยมชมได้มากน้อยเพียงใด

2. Supplementary Content (SC) หมายถึง บทความส่วนเสริม ในที่นี้มีขึ้นเพื่อสร้างใช้งานที่ดี (Good User Experience) ในหน้าเพจนั้นๆ แต่ไม่ได้มีส่วนโดยตรงสำหรับให้บรรลุจุดมุ่งหมาย เช่น Navigation (เมนู) , Relate Posts , Sidebar , Footer เป็นต้น

3. Advertisments/Monetization (Ads) หมายถึง Banner โฆษณา Sponsored ต่างๆ ที่วางไว้เพื่อสร้างรายได้ให้กับเว็บ ซึ่งคำว่า Advertise  อาจเป็น Image Ads , Text Ads หรือ Multimedia Ads แม้กระทั่งโฆษณา Youtube ก็เรียกว่า Ads แบบหนึ่งบนเว็บไซต์ของเรา
Quality Content ในสายตา Google มองในแบบ Google Quality Rater Guidelines

  หลักการที่ Google บอกให้ Human Raters ใช้เพื่อประเมินและให้สกอร์ Webpage/Content จะใช้ 2 ปัจจัยหลัก คือ คุณภาพของเพจ (Page Quality Rating) และ คุณประโยชน์ (Utility Rating)

  หากพูดถึงเรื่องของการประเมินทางด้านคุณภาพของ Google จะแบ่งออกเป็น 4 หัวข้อใหญ่ๆ ได้แก่

1. Page Quality Rating

  Page Quality Rating (PQ) คือ Score ที่ให้โดยทีมเวิร์ค Quality Raters ซึ่งวัตถุประสงค์หลักๆของ PQ เพื่อบอกว่า หน้าเพจนั้นๆมีคุณภาพมากน้อยเท่าใด โดยส่วนสำคัญของการประเมินคุณภาพอยู่ที่ หน้าเพจนั้นตอบข้อสงสัยของวัตถุประสงค์ในการสร้างมันขึ้นมามากน้อยเท่าใด

  ซึ่งการให้แต้มจะแบ่งออกเป็น 5 ระดับ  คือ Lowest – Low – Medium – High – Highest  (สามารถแยกย่อยได้อีก 9 ระดับ โดยจะเพิ่ม Low- , Low+ , Medium+ และ Heigh+) ให้ดูภาพประกอบจาก Manual  ซึ่งสามารถค้นหาบน Google Search ด้วยคีย์เวิร์ด google quality rater guidelines pdf แล้วทำการดาวน์โหลดเพื่ออ่านเป็นคู่มือควบคู่กับการอ่านบทความนี้
ลักษณะหน้าเว็บที่จะได้ Score  Page Quality สูง

  Page หรือ Website ที่มีคุณภาพสูงในมุมมองของ Google กล่าวได้ว่ามีเนื้อหาคุณภาพสูงเป็นผลดีต่อผู้อ่าน (High Quality Content) จะมีแต้ม PQ ถูกจัดอยู่ในระดับ High มีลักษณะดังต่อไปนี้

1. Heigh Quality Main Content

  คุณภาพของ MC ถือว่าเป็นหนึ่งใน Factor สำคัญในการชี้วัดคุณภาพของ Page Quality ก็ว่าได้ สำหรับเว็บไซต์ทุก Platform แล้ว การสร้างบทความคุณภาพจำเป็นต้องมีทักษะดังต่อไปนี้ คือ  Time  (time) , ความพยายาม (effort) , ความเชี่ยวชาญ (expertise) และ ความสามารถ/ทักษะ (talent/skill)

  Main Content หรือเนื้อหาหลักมีคุณภาพสูงและจำนวนเหมาะสม วัตถุประสงค์ของหน้าเพจจะเป็นตัวช่วยในการประเมินคุณภาพของ Main Content ยกตัวอย่างเช่น

1.1 Main Content สำหรับ สารานุกรม (encyclopedia) ควรที่จะให้ข้อเท็จจริง ถูกต้อง กระจ่างแจ้งและครอบคลุม

1.2 Main Content สำหรับ Shopping ควรที่จะง่ายต่อการค้นหาผลิตภัณฑ์ หรือ สั่งซื้อ

1.3 Main Content สำหรับ การอ้างอิง (Referral) ควรที่จะมีหัวข้อและเนื้อหาคลอบคลุมเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ทั้งหมด

2. A High Level of Expertise/Authoritativeness/Trustworthiness (E-A-T)

E-A-T ย่อมากจาก Expertise/Authoritativeness/Trustworthiness ตามลำดับ

Expertise หมายถึง ความเชี่ยวชาญ (การแชร์ประสบการณ์ส่วนตัว เป็นความเชี่ยวชาญในรูปแบบหนึ่ง)
Authoritativeness หมายถึง ความมีพาวเวอร์ (เป็นศูนย์กลางของเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นที่พอใจ เป็นที่รู้จัก)
Trustworthiness หมายถึง ความน่าเชื่อถือ (ผู้ที่อ่านได้รับความรู้  Data ที่ถูกต้อง น่าเชื่อถือ)

  เพจหรือ Website ที่มีคุณภาพสูงจำเป็นต้องดูมีความเชี่ยวชาญ/ความน่าเชื่อถือ ในหัวข้อที่นำเสนอ แต่ไม่มีความจำเป็นว่าทุกเพจต้องมี E-A-T ขั้นสูงโดยทั้งหมด ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ Topic (หัวเรื่อง) ของหน้าเพจนั้น ว่ามีความจำเป็นต้องอาศัยความน่าเชื่อถือสูงมากเท่าใดเพื่อให้ตอบคำถามของจุดมุ่งหมายในการสร้าง

  Page หรือ หน้าเว็บที่มีคุณภาพสูง มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเขียนโดยผู้ชำนาญการที่ทำให้บทความมีความน่าเชื่อถือ ให้จำไว้ว่า Website หมวดควรมีผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องที่ Present  ผู้ง่ายๆ คือ ต้องมีคนที่มี Knowledge เกี่ยวกับบทความที่นำเสนอต่อผู้อ่านนั่นเอง ไม่ว่าคุณจะสร้างเว็บซุบซิบ ข่าวบันเทิง , เว็บเสื้อผ้าแฟชั่น , เว็บไซต์ความรู้สึกขัน ตลก เฮฮา , เว็บบอร์ดหรือหน้าเว็บถาม-ตอบ ,  Data บางอย่างที่เป็นเรื่องเฉพาะเจาะจง หรือหัวข้ออภิปราย มีความจำเป็นต้องมีผู้ชำนาญการให้คำแนะนำหรืออธิบายเรื่องเฉพาะเจาะจงได้ พูดง่ายๆ คือ มีผู้ชำนาญการที่สามารถตอบ Question ในหัวข้อภายในเว็บแบบละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ได้นั่นเอง

2.1 E-A-T เกี่ยวกับคำบอกที่มีคุณภาพในทางการแพทย์ ก็ควรมาจากหน่วยงานหรือหน่วยงานที่มีความรู้ทางด้านการแพทย์ที่สมควรและได้รับการรับประกันอย่างถูกต้อง คำแนะนำทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูง ควรเขียนหรือสร้างในรูปแบบมืออาชีพ และควรได้รับการตรวจสอบ ปรับปรุง ปรับปรุงเป็นประจำ

2.2 E-A-T เกี่ยวกับคำแนะแนวทางด้านการเงิน , ที่ปรึกษาทางด้านข้อบังคับ , คำบอกทางด้านภาษีและอื่นๆ ควรมาจากแหล่งข้อมูลที่มีความเชี่ยวชาญและได้รับการ Check และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

2.3 E-A-T คำกล่าวที่มีคุณภาพในหัวข้อต่างๆ เช่น การปรับปรุงบ้าน (ซึ่งอาจต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงหลายแสนบาท)  หรือคำอธิบายเกี่ยวกับปัญหาการเลี้ยงดู (ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อความสุขในอนาคตของคนใน Family ) ก็ควรมาจากคำบอกของผู้ชำนาญการหรือผู้ที่สามารถไว้วางใจได้

2.4 E-A-T หน้าคุณภาพที่เกี่ยวกับงานอดิเรก เช่น การถ่ายภาพ หรือ การศึกษาการเล่นกีตาร์ ยังต้องมีความเชี่ยวชาญ

  จากแบบอย่างที่นำเสนอสะท้อนให้เห็นว่า Google สามารถเข้าใจคุณภาพของเนื้อหาที่เราสร้างขึ้น นั่นหมายความว่าคุณไม่สามารถเขียนเนื้อหาธรรมดาๆ แม้ว่าจะอ่านรู้เรื่อง เพื่อหวังผลทางอันดับ SEO ที่ดี เว้นแต่คุณจะเขียนบทความอย่างละเอียดและลึกซึ้ง เขียนแบบผู้เชี่ยวชาญ และให้เข้าใจว่ากูเกิลเข้าใจสิ่งที่คุณเขียนว่ามีคุณค่าขนาดเท่าใด แน่นอนว่าคุณอาจเห็นบางเว็บมีเนื้อหาไม่มาก แต่สามารถติดอันดับต้นๆ บนผลการค้นหาของกูเกิล Search Result Pages อย่างที่ผมเคยอธิบายไปในเนื้อหาก่อนๆ ว่า Traffic สามารถทำอันดับเว็บได้อย่างรวดเร็ว ถ้าคุณสร้างเนื้อหาได้ถูกใจผู้ติดตามจำนวนมากๆ เว็บของคุณอาจไม่ต้องมีข้อมูลคุณภาพปริมาณมากก็สามารถทำอันดับได้ แต่ถ้าเว็บคุณยังไม่ดัง สิ่งที่ดีที่สุดคือการกรอก Content ที่มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ

  ในบางครั้งคุณไม่ต้องสร้างเนื้อหาโดยใช้ศัพท์ทางวิชการมากๆ ก็ได้ คุณสามารถเขียนรีวิวการ Trip  การใช้ชวิตประจำวัน ก็สามารถเป็นผู้ชำนาญการในวิสัยทัศน์ของ Google ได้ จากการชี้แจงการท่องเที่ยวและการใช้ชวิตในแบบของคุณ เพราะ Google เข้าใจว่าประสบการณ์ที่คุณพบเจอในชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่ทริปการออกทริปต่างๆ ล้วนเป็นประสบการณ์และปรากฏการณ์ที่ทำให้คุณมีความเชี่ยวชาญได้นั่นเอง ส่วนถ้าหากคุณไม่เข้าใจว่า Google จะรู้ได้ยังไงว่าคุณกำลังสร้างบทความที่มีคุณภาพสูง ปัจจบุันกูเกิลมีข้อมูลมหาศาลและมีข้อมูลเกือบทุกเรื่อง ข้อมูลของคุณจะถูกนำไปเปรียบเทียบ Data ในกลุ่มเดียวกันกับบทความที่คุณเขียน และตรวจเช็คความสันพันธ์ของข้อมูล ถ้าคุณเขียนด้วยความเข้าใจ จากประสบการณ์ หรือการค้นคว้า เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ กูเกิลก็จะเข้าใจสิ่งที่คุณตั้งใจถ่ายทอดให้กับผู้อ่าน

3. Positive Reputation

  หน้าที่มีคุณภาพจะต้องเป็น Page ที่เป็นที่รู้จัก และต้องมีเชื่อเสียงในแง่บวก ชื่อเสียงของเว็บไซต์ มีพื้นฐานจาก Experience ของยูสเซอร์จริง รวมถึงความเห็นเห็นของผู้คน เช่น รีวิว คอมเม้นท์ การพูดถึงเพจของคุณจากผู้ใช้งานคนอื่นๆ บนหน้าเว็บไซต์อื่น หรือแม้กระทั่งจำนวนการค้นหาเกี่ยวกับเพจของคุณบน Google Search สิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนถึงความมีเชื่อเสียงของคุณ ในการทำ SEO ยุคนี้ ยิ่งมีคนกล่าวถึงคุณมากเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลดีต่ออันดับกูเกิล มากเท่านั้น งั้นคุณก็เริ่มสร้างให้เว็บของคุณมีเชื่อเสียงได้แล้ว

4. Helpful Supplementary Content

  Google กล่าวว่า SC (Supplementary Content) อาจเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ทำให้เพจมีคุณภาพสูงที่น่าพอใจตามจุดมุ่งหมายของมัน กล่าวคือ Website มีการจัดวาง SC ที่ดี สะดวกต่อการใช้งานของ Audience  (เช่น พวก เมนู Sidebar Footer ต่างๆ) และพากเพียรอย่างสร้าง Spam Link หรือ Spam Content ใน Position ดังกล่าว ให้มุ่งเน้นการนำเสนอที่น่าสนใจ ตลอดจนสามารถนำทางผู้ใช้งานออย่างมีประสิทธิผล

5. Functional Page Design

  กูเกิลได้ให้ความหมายโดยรวมของ Function Page Design ไว้ว่า หน้าที่มีคุณภาพสูงนั้นได้รับการดีไซน์มาเพื่อบรรลุเป้าหมายของผู้เขา (เจ้าของ Website ) เพจจะต้องมีการบริหารที่ดี สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล มีรูปแบบการดำเนินงานโดยรวม ในขณะที่ทุกหน้ามีความแตกต่างกัน หน้าที่มีคุณภาพควรมีลักษณะดังต่อไปนี้

5.1 MC (Main Content) หรือ บทความหลัก ควรแสดงอย่างเด่นชัดในบริเวรณด้านหน้าและตรงกลางเพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน ส่วน SC และ Ads ควรวางในสถานะที่สมควร

5.2 บทความหลัก MC ควรมองเห็นได้ทันทีที่เปิดหน้าเว็บไซต์

  การออกแบบเพจที่เอื้อต่อการใช้งาน (User Experience) ในการ Design ให้เว็บสนับสนุนผู้ใช้งานให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิผล เข้าถึง Data ที่ถูกต้อง จะช่วยทำให้หน้าเว็บของเรามีคุณภาพในมุมมองของกูเกิลด้วย

6. A Satisfying Amount of Website Information

  เพจที่มีคุณภาพสูงควนมีข้อมูล Website ครบถ้วนถูกต้องชัดเจน เช่น หน้า Support , About Us , Contact Us , Service Information , Product Information เป็นต้น ยังไงก็ตามเพจของคุณอาจมีข้อมูลที่มากกว่านี้ หรืออาจแสดง Data ที่สัมพันธ์ให้ผู้อ่านสามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดยิ่งดี รวมไปถึงบทความที่เขียนลงในเว็บไซต์ด้วย หากมีการ Present  Content คุณภาพ ที่อธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่นำเสนอได้ทั้งหมด จะส่งเสริมให้ Google ชอบเพจของคุณขึ้นมาทันที และจะนำเพจของคุณไปแสดงร่วมกับคำค้นที่มี Competition ระดับไม่มากก่อน เมื่อผู้ใช้งานเข้าอ่านบทความของคุณเป็นระยะเวลานานๆ อีกทั้งเว็บของคุณมีทราฟฟิคคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เพจของคุณจะสามารถติดอันดับใน Keywords ที่มีการแข่งขันระดับสูงได้ไม่ยาก เพราะ Page Quality และ User จะ Drive อันดับ Google ของคุณให้ขยับไปอยู่อันดับต้นๆ โดยไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องของแบ็คลิงค์ด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากๆ ในการทำ SEO ยุคนี้

7. A Well Cared for Maintenance and Updates

  อีกปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุนให้ Page ของเรามีคุณภาพในมุมมองของ Google คือ การดูแล ตรวจเช็คสภาพเว็บ และการอัพเดทเว็บอย่างต่อเนื่อง จะช่วยเพิ่มคุณภาพของ Website มากยิ่งขึ้น เพียงแต่เว็บหลักที่คุณต้องหมั่นตรวจสอบคุณภาพของเว็บและพากเพียรอัพเดทบทความอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น คุณยังต้องทำสิ่งเหล่านี้กับเว็บรอง หรือแม้กระทั่งเว็บที่ทำหน้าที่เป็นแบ็คลิงค์ใหักับเว็บหลักด้วย ซึ่งมันจะส่งเสริมให้อันดับ SEO ของคุณขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างที่ผมเคยกล่าวไว้ในบทความก่อนๆ ว่า ปัจจุบันเราสามารถทำ SEO โดยอาศัยทราฟฟิคและการทำเว็บเพื่อยูสเซอร์อย่างเดียวก็ได้ โดยไม่มีความจำเป็นต้องหา Links เข้าเว็บ ก็สามารถดันอันดับบนกูเกิลได้ ในขณะเดียวกันเราก็ยังสามารถสร้างลิงค์คุณภาพดันอันดับบน Search Engine ได้เหมือนกัน แต่ Time Line และความยั่งยืนของการทำ SEO โดยไม่เน้นการสร้าง Links จะดีกว่า ไม่ว่าเรื่องของช่วงเวลาในการดันอันดับ รวมไปถึงความยั่งยืนของอันดับที่ได้
3 อันดับของ Factor ที่ใช้ไตร่ตรองและประเมินการให้คะแนน Page Quality ในฐานะ Human Rater มีดังนี้
Page Quality Factor อันดับที่ 1 คือ Quality and Quantity of Main Content

  แน่นอนว่า Quality and Quantity of Main Content มีผลต่อการจัดอันดับคุณภาพของเพจหรือเว็บไซต์ เป็นอันดับต้นๆ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดของการสร้างเว็บไซต์ คือ Content คุณภาพที่มีประโยชน์ต่อผู้เยี่ยมชมนั่นเอง ยิ่งเว็บมีปริมาณบทความคุณภาพปริมาณมากๆ ยิ่งส่งผลดีต่ออันดับเอสอีโอ อย่างรวดเร็ว
Page Quality Factor อันดับที่ 2 คือ Level of E-A-T of the page and the website

   Factor ที่ส่งผลต่อคุณภาพของ Page รองลงมา คือ เรื่องของระดับคุณภาพของ E-A-T หรือการวัดคุณภาพของเพจ ด้วยการวิเคราะห์ Content ที่สร้างขึ้น ว่ามีความน่าไว้วางใจมากน้อยเพียงใด รวมทั้งบทความเหล่านั้นเขียนโดยผู้เชี่ยวชาญหรือไม่ แน่นอนว่า Google สนใจเว็บที่เขียนโดยผู้ชำนาญการ ที่มี Knowledge และ Experience เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ติดตามได้รับประโยชน์จากการเข้าอ่านบทความเหล่านั้นนั่นเอง
Page Quality Factor อันดับที่ 3 คือ Reputation of the website

  อันดับสุดท้ายที่จะชี้วัดว่า Page มีคุณภาพ นั่นก็คือ Reputation of the website หรือ ชื่อเสียงของเว็บไซต์ และต้องเป็นชื่อเสียงในด้านบวกอีกด้วย ซึ่ง Google จะ Check ชื่อเสียงของเว็บไซต์ ส่วงหนึ่งมาจากการอ้างอิง Referral จากเว็บที่มีคุณภาพที่มีความสัมพันธ์กัน และไม่จำเป็นต้องอ้างอิงด้วย Links เสมอไป อาจเป็น ชื่อเว็บไซต์ แบรนด์ผลิตภัณฑ์ หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเราก็ได้
2. Utility Rating

วัตถุประสงค์หลักของหน้าที่ Google Raters ก็เพื่อช่วยปรับปรุงให้ Google Search Engine มีคุณภาพมากกว่าเดิม Google พยายามจะแสดงผลการค้นหาที่ดีที่สุด และเป็นผลดีมากที่สุดต่อผู้ค้นหา (ตามภาษาและตำแหน่งที่อยู่) ดังนั้น นอกเหนือจาก Page Quality Rating แล้ว อีก Factor ที่สำคัญก็คือ Utility Rating (แต้มคุณประโยชน์)

โดยค่าของคุณประโยชน์จะถูกประเมินออกมาในลักษณะที่ อ้างอิงกับ

1. คำที่ใช้ในการค้นหา (Search Query)
2. ความพยายามของ Searcher  (User Intent)

และโฟกัสไปที่หน้าของ Serps (หรือที่ทาง Google เรียกว่า
รูปที่เกี่ยวข้อง
รูปภาพที่เกี่ยวข้องวิธีเขียนบทความคุณภาพทางด้าน SEO สนับสนุน Google Panda 4.2
วิธีเขียนบทความคุณภาพทางด้าน SEO สนับสนุน Google Panda 4.2
อ้างอิงจาก: รับทำ SEO
แท็ก: รับทำ SEO
อ้างจาก: รับทำ SEOวิธีเขียนบทความคุณภาพทางด้าน SEO สนับสนุน Google Panda 4.2
หมวดหมู่: Search Engine Optimization
หน้าหลัก: http://www.cmseogroup.com
รายละเอียดสินค้า: http://www.cmseogroup.com/SEO-Services
ติดต่อเรา: http://www.cmseogroup.com/Contact-Us
ชื่อ: CM SEO Group (ซีเอ็ม เอสอีโอ กรุ๊ป)
ที่อยู่: เชียงใหม่
เบอร์โทรติดต่อ: 062-3639429
อีเมล์: cmseogroup@gmail.com
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
บริการ seo รับทำ seo รับโปรโมทเว็บติดอันดับ google ด้วยเทคนิคคุณภาพ ติดต่อ cmseogroup@gmail.com
บริการ seo , รับทำ seo , ทำ seo