ฮาเร็ม สวรรค์ของบุรุษอาหรับ

ฮาเร็ม สวรรค์ของบุรุษอาหรับ

เริ่มโดย etatae333, 12 กุมภาพันธ์ 2016, 13:26:16

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

ฮาเร็ม สวรรค์ของบุรุษอาหรับ




นภาษาอาหรับคำว่าฮาเร็มหมายถึง ต้องห้าม มันจึงเป็นสวรรค์บนดินของผู้ที่เป็นเจ้าของ แต่เป็นดินแดนต้องห้าม
ของชายอื่นอีกร้อยพัน เปรียบไปก็เหมือนโรงอาหารที่เต็มไปด้วยของคาวหวานอุดมสมบูรณ์ แต่มีไว้บำเรอปากท้อง
ของคนเพียงคนเดียว ส่วนชายอื่นต่อให้ปากแห้งจนท้องกิ่วก็ไม่มีสิทธิ์ลิ้มลองเพียงครั้งเดียว


คำว่า ฮาเร็ม เกิดขึ้นนมนานมาแล้ว โดยมีที่มาจากขนบประเพณีของชาวเตอร์กเผ่าหนึ่ง ที่รวมตัวกันก่อตั้ง
อาณาจักรเล็กชื่อ "ออตโตมัน" โดยใช้ศาสนาอิสลามเป็นพื้นฐานการสร้างจักรวรรดิของตน และแผ่อิทธิพลออกไปเรื่อยๆ
ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 จนถึงศตวรรษที่ 15 จึงตั้งศูนย์กลางของอาณาจักรขึ้นที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล
(กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี ในปัจจุบัน) จักรวรรดิออตโตมันแผ่ขยายอาณาเขตออกไปมากที่สุดในยุคสุลต่านสุไลมาน
ราวศตวรรษที่ 16 คือครอบคลุมไปจนถึงฮังการี ภาคใต้ของรัสเซีย อิหร่าน ชายฝั่งปาเลสไตน์ อียิปต์ และแอฟริกาเหนือ
จากการที่ยึดคำสอนของศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัดที่ห้ามไม่ให้คนแปลกหน้าที่ได้เห็นโฉมหน้าของสตรีของตน
บ้านของชาวออตโตมันมันจึงจัดส่วนหนึ่งเป็นที่อยู่บรรดาภรรยา ลูกๆ และทาสผู้หญิงโดยเฉพาะมีรั้วรอบขอบชิด
คนภายนอกห้ามเข้าเด็ดขาด และเรียกพื้นที่ต้องห้ามดังกล่าวนี้ว่า ฮาเร็ม จึงกล่าวได้ว่าในสมัยนั้น ทุกบ้านของ
ชาวออตโตมันต้องมีฮาเร็ม แต่จะกว้างขวางใหญ่โตแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับฐานะและอิทธิพลของผู้เป็นเจ้าของ



ดังนั้นฮาเร็มที่ใหญ่ที่สุดจึงอยู่ในกรุงอิสตันบูลคือ ฮาเร็ม ภายในพระราชวังทอปกาปิ โดยมีพื้นที่ถึง 6,720 ตารางเมตร
ประกอบด้วยตำหนักต่างๆ 8 หลัง ห้องโถงใหญ่ 8 แห่ง ห้องพัก 259 ห้อง และยังมีห้องย่อยๆ (ครัว ห้องเก็บไวน์)
อีกหลายสิบห้อง รวมทั้งอุทยาน สระน้ำ สถานพยาบาล โรงเรียน(สำหรับโอรสธิดา) และเรือนจำ สำหรับคุมขัง
และลงโทษชาวฮาเร็มที่ทำผิดกฎ


ที่มีขนาดใหญ่ขนาดนี้เพราะเวลาสุลต่านทำศึกชนะเมืองไหน ก็จะนำหญิงสาวของเมืองนั้นๆกลับมาด้วย หรือบ้างครั้ง
ขุนนางผู้ใหญ่หรือกษัตริย์ต่างเมืองที่ต้องการจะทำไมตรี จะเสาะแสวงหาหญิงงามจากทั่วโลกมาบรรณาการ บางคน
ถึงขนาดส่งลูกหลานของตัวเองเข้าถวายตัวต่อสุลต่านเพื่อแสดงความจงรักภักดี โดยหวังว่าจะได้เข้ารับใช้สุลต่าน
เพราะถ้าหากสุลต่านเกิดโปรดปราน ยกขึ้นเป็นชายาทั้งครอบครัวก็จะมีชีวิตที่สุขสบายและมั่นคงไปตลอด


ด้วยเหตุนี้ ในบันทึกประวัติศาสตร์ของตุรกีหน้าหนึ่งจึงบอกว่าภายในฮาเร็มของวังทอปกาปิ ไม่เคยมีสตรีอาศัย
อยู่ต่ำกว่า 300 คนสักครั้ง แถมบางสมัยยังมีมากกว่า 900 คนเลยทีเดียวแต่จะไม่มีสาวชาวเตอร์กอยู่ในฮาเร็ม
แม้สุลต่านเองก็ไม่สามารถทำได้ ซึ่งไม่มีบันทึกไว้ว่าเพราะอะไร




เด็กสาวที่จะเข้าไปอยู่ในฮาเร็ม โดยเฉพาะของสุลต่านได้นั้น ไม่ได้อาศัยแค่เพียงรูปร่างหน้าตา หรืออาศัยคนชักนำ
เข้าไปเท่านั้น หากแต่พวกเธอเหล่านั้นต้องรับการฝึกอบรมในการบำรุงบำเรอความสุขให้บุรุษเพศ หรือองค์สุลต่าน
เป็นอย่างดีก่อนจะเข้าไป ชีวิตของนางในอาเร็มเหล่านี้ งานหลักคือคอยปรุงแต่งตัวเองให้สวยงามน่ามองอยู่เสมอ
โดยการแต่งตัวนุ่งน้อยห่มน้อย (หรือบางโอกาสก็ไม่ใส่อะไรเลย) และฝึกฝนกรรมวิธีดูแลปรนิบัติด้วยการอาบน้ำ นวดตัว
เพื่อสร้างความสุขและผ่อนคลายแก่พวกบุรุษเพศทั้งหลาย รวมไปถึงฝึกนาฏศิลป์ ดนตรี วรรณคดี และมารยาทสังคม
ทุกคนต้องมีความรู้ ฉลาดและพร้อมในทุกด้าน เพราะนี่คือใบเบิกทางไปสู่การถวายงานบนบรรจถรณ์ของสุลต่าน
ซึ่งเป็นเป้าหมายสุดยอดของทุกคน แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด



ซึ่งผู้มีอำนาจสิทธิ์ในการปกครองในฮาเร็มนั้นก็คือผู้หญิงเช่นกัน นั่นคือ พระราชชนนีขององค์สุลต่านนั่นเอง
รองลงไปจาก คือ บาส คาดิน อีเฟนด์ หรือมเหสีที่ให้กำเนิดโอรสหรือธิดาองค์แรกของสุลต่าน และอิค บาลเลอร์
หรือสนมที่ให้กำเนิดโอรส-ธิดาองค์ถัดๆ ไป(ทุกคนที่มีทายาทกับสุลต่านจะถูกยกเป็นชายา ซึ่งมีมากกว่า 4 คนได้
แต่ห้ามเกิน 7 คน)

ด้วยเหตุนี้หญิงสาวในฮาเร็มจึงพยายามทำทุกทาง เพื่อให้ตนได้มีทายาทกับสุลต่าน เพราะนั่นหมายถึงอำนาจ
ทางการปกครองด้วยนั่นเอง ตำแหน่งของสตรีในฮาเร็มประกอบด้วย เกดิคลี คาดินลาร์ เป็นตำแหน่งของผู้ที่มี
ประสบการณ์สูง และได้รับการมอบถวายการรับใช้แบบรู้พระทัยสุลต่าน เช่น การสรงน้ำให้สุลต่าน ก็เป็นหน้าที่หนึ่ง
ของพวกเธอ

ต่อด้วย โอดาลิคลาร์ คือ บรรดาหญิงสาวที่สุลต่านทรงเรียกมาถวายงานแบบค้างคืน จนตั้งครรภ์และเตรียมตัวเป็นชายาต่อไป

กอสเด คือ คือทาสสาวที่สุลต่านเรียกตัวไปรับใช้ แต่น้ำยาไม่แรงพอก็เลยค้างเติ่งเป็น
นางบำเรอไปก่อน ท้องเมื่อไร่ถึงจะเลื่อนไปเป็นโอดาลิคลาร์  ซึ่งหญิงสาวส่วนใหญ่อยู่ในประเภทนี้

แต่ถ้าไม่ท้องก็หมายความว่านางทาสคนนั้นจะต้องเป็นนางบำเรอไปจนตาย ยิ่งในฮาเร็มที่มีสาวงามเป็นร้อยๆ คน
ทาสที่ไม่ท้องหลังจากถวายตัวครั้งแรกมักจะถูกลืมไปเลย ทั้งยังต้องกลายเป็นผู้หญิงที่มีราคี จะออกจากวังไป
แต่งงานก็ไม่มีผู้ชายคนไหนรับเป็นเมีย อยู่ในวังต่อไปก็ไม่มีอนาคต กอสเดจึงเป็นตำแหน่งที่อาภัพที่สุดแล้ว
ในบรรดานางบำเรอทั้งหมด



และอันดับสุดท้ายคือ คาริเยเลอร์ คือข้ารับใช้ทั่วๆไปในฮาเร็ม ซึ่งถ้าหากคนมีคุณสมบัติครบถ้วน คือรูปร่างดี และสวย
ก็อาจได้เลื่อนอันดับขึ้นเป็นกอสเดได้ แต่ก็มีบางรายที่ตลอดเวลาที่อยู่ในฮาเร็ม เคยเข้าถวายการรับใช้เพียงครั้งเดียว
หรือที่ร้ายกว่านั้นคือไม่เคยเข้าถวายการรับใช้แม้เพียงครั้งเดียว ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยเลย ดังนั้นสมาชิกหน้าใหม่ในฮาเร็ม
จึงมีเป้าหมายอันดับแรกคือทำอย่างไรจึงจะสะดุดพระเนตรสุลต่านโดยเร็วที่สุด และโอกาสเช่นนั้นก็ใช่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ
เพราะนอกจากจะมีให้เลือกมากมายแล้ว องค์สุลต่านก็มักจะไม่แสดงปฏิกิริยาว่าชอบสตรีแบบใด

บางครั้ง สุลต่านก็ไม่ได้เป็นผู้เลือกสาวเข้าไปรับใช้ด้วยตนเอง แต่เป็นยูนัค หรือขันทีที่ทำหน้าที่โดยเฉพาะ ที่จะสังเกต
รู้ได้จากแววพระเนตรว่าสุลต่านทรงโปรดสตรีคนไหน(ช่างรู้ใจกันเหลือเกิน) แล้วเขาจะรีบแจ้งต่อหัวหน้าของตนคือ
คิซลารากาซี(ขันทีที่เป็นชาวแอฟรกา ตัวดำ ท่าทางน่ากลัว ทำหน้าที่คล้ายตำรวจ)ต่อทันทีเพื่อจัดเตรียมส่งเธอผู้โชคดี
คนนั้นขึ้นถวายงานต่อไป ซึ่งการเตรียมนั้น เริ่มต้นด้วยการส่งเธอเข้าห้องเตอรกิช บาธ ให้ข้ารับใช้ผู้รู้งานขัดสีฉวีวรรณ
ทุกสัดส่วน ทุกซอกมุมก่อน (กล่าวกันว่าเส้นขนทุกแห่งของร่างกาย ก็จะถูกชโลมด้วยน้ำมันที่ทำจากขี้ผึ้งให้อ่อนนุ่มเป็นเงาชวนสัมผัส)
พร้อมทั้งประพรมน้ำหอมทุกจุดสำคัญของร่างกาย พอได้เวลาส่งตัวเข้าห้องบรรทม นางในฮาเร็มคนอื่นๆก็จะบรรเลงดนตรี
และขับร้องเหมือนกับช่วยกล่อมหออยู่ตลอดเวลา แล้วเธอผู้โชคดีคนนั้นจะเข้าไปในห้องบรรทมเพียงคนเดียว
โดยคลานไปที่บรรจถรณ์ และขึ้นทางปลายพระบาทของสุลต่านที่บรรทมรออยู่แล้วเท่านั้น ซึ่งพิธีรีตองการเข้าถวายงาน
ครั้งแรกจึงไม่ใช่เรื่องธรรมดาเพราะนั่นหมายถึงอนาคตของเธอผู้นั้นว่าจะเป็นคืนแรก หรือแค่คืนเดียวด้วย



ถึงแม้ชีวิตของเหล่านางในฮาเร็มทั้งหลายจะเป็นไปเพื่อสนองกามารมณ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่พวกเธอทุกคน
ต่างมีความทะเยอทะยานแฝงอยู่ด้วยทั้งสิ้น โดยหวังที่จะได้เลื่อนระดับขึ้นไปหากถวายงานเป็นที่โปรดปราน
และสามารถตั้งครรภ์และมีทายาทได้ หรือถึงจะไม่ตั้งครรภ์ แต่ถ้าเป็นที่พอพระทัยแล้วล่ะก็ะได้เป็นสนมคนโปรด
ที่ทรงเรียกหาเสมอ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อย่าลืมว่านางในฮาเร็มมีอยู่หลายร้อยคนด้วยกัน และแต่ละคนนั้นล้วนแต่สาว
สวย ในระดับที่ผ่านการคัดกรองมาแล้วทั้งสิ้น

การถูกเรียกตัวครั้งหนึ่งก็เป็นความโชคดีมากพอแล้ว เพราะส่วนใหญ่มีแค่ครั้งเดียวแล้วถูกลืมไป จนกระทั่งหมด
ระยะเวลาและถูกโละทิ้งไป เนื่องจากสุลต่านชอบหญิงงามที่ยังเยาว์วัยเท่านั้น ทุกๆ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี
จะมีการจัดหาหญิงสาวชุดใหม่เข้ามาเพื่อแทนที่ หัวหน้าขันทีจึงมีอิทธิพลเหนือนางในฮาเร็ม เพราะสามารถเพ็ดทูล
เสนอใครเข้าถวายตัวสุลต่านได้ ยิ่งถ้าสาวไหนมีเรื่องมีราวขัดใจกับเหล่าขันทีพวกนี้ นั่นหมายถึง อนาคตเธอ
โดนโละทิ้งแน่นอน




ทุกเช้าเวลาสิบโมงตรง หญิงงามประมาณ 300-900 คนจะเดินเรียงแถวผ่านองค์สุลต่านไปทีละคน ใครมีจริตจะกร้าน
มารยาหญิงแพรวพราวแค่ไหน ก็จะงัดออกมาใช้กันเต็มที่ เพราะนั่นหมายถึงโอกาสที่จะได้ร่วมเรียงเคียงหมอนกับเจ้าชีวิต
ส่วนองค์สุลต่านเองก็จะถือข้อมูลจำเพาะเกี่ยวกับหญิงสาวเช่น อายุ ความสูง ส่วนเว้าส่วนโค้ง นิสัยใจคอ และความ
สามารถต่างๆ ไว้ในมือ ที่ต้องอ่านบันทึกประกอบไปด้วย ก็เพราะจำนวนนางสนมทั้งหมดเยอะแยะยุ่บยั่บเสียจนตาลาย
ถ้าไม่อ่านอย่าหวังว่าสุลต่านจะจำใครได้ ขนาดคนที่เคยถวายตัวนอนกกมาแล้วทั้งคืน ดีไม่ดีสุลต่านอาจจะจำชื่อจำหน้า
ไม่ได้ด้วยซ้ำไป

พอสุลต่านเลือกสาวงามที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนในคืนนั้นเป็นที่เรียบร้อย นวลนางเหล่านั้นก็จะถูกส่งไปยังห้อง "เตอร์กิช บาธ"
เพื่ออาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณและอบผิวทุกซอกทุกมุม เส้นขนทุกเส้นต้องชโลมด้วยนำมันที่ทำจากขี้ผึ้งเพื่อให้อ่อนนุ่มเป็นเงางาม
ไม่ระคายมือเวลาลูบไล้ จบด้วยการพรมน้ำหอมให้หอมฟุ้งไปทั้งตัวเป็นขั้นตอนสุดท้าย ก่อนจะไปแต่งสวยด้วยผ้าแพรบางเบา
และเครื่องเพชรเครื่องทองตั้งแต่หัวจรดเท้า จนได้เวลาสาวงามก็จะคลานชดช้อยเข้าไปหาสุลต่าน โดยต้องเข้าไปทาง
ปลายเท้าเท่านั้น ห้ามไม่ให้โผเข้าไปกอดหรือไปนั่งตักฉอเลาะป๋าคะป๋าขาเป็นอันขาด ใครอุตริทำผิดกฎยูนุคจะถูกเข้ามา
ลากตัวไปทำโทษอย่างทารุณ และจะไม่มีโอกาสได้ถวายตัวอีกเลย

รู้จักชีวิตในฮาเร็มพอคร่าวๆ กันไปแล้ว ทีนี้เรามาดู 3 ฮาเร็มที่จัดว่าเป็นสุดยอดวิมานในฝันของชายกันดีกว่า

อันดับที่ 1 ฮาเร็มของสุลต่าน กียาส อัด ดิน ศตวรรษที่ 15



ฮาเร็มนี้ควรจะได้รับตำแหน่งสุดยอดจริงๆ นั่นแหละ เพราะจุสาว ๆ ไว้ถึง 15,000 นาง เนื่องจากสุลต่าน กียาส อัด ดิน
ทรงเป็นนักรบมาตลอกชีวิต กว่าจะได้ครองบัลลังก์ก็พระชนมายุปาเข้าไปตั้ง 48 ปีเข้าไปแล้ว เลยทรงตักตวงความสุข
เป็นการใหญ่ จนไปๆมาๆ นางบำเรอชักจะล้นฮาเร็ม แต่ครั้นจะโละทิ้งไปบ้างก็ทรงเสียดาย จึงสร้างเมืองใหม่ขึ้นมารองรับ
นางบำเรอโดยเฉพาะ ให้ชื่อว่าเมือง จาฮาซ เมฮัล พอมีเมืองแล้วที่นี้จะมีเมียสักกี่คนก็ไม่ต้องหวั่น ปรากฏว่าตอนที่
สุลต่านกียาสทรงสิ้นพระชนม์ สามารถนับจำนวนนางบำเรอได้ถึง 15,000 คน ประมาณคร่าวๆ ว่าถ้าเสพสม 1 คืนต่อ 1 คน
ไม่เว้นวันหยุด องค์สุลต่านจะต้องกรำศึกเป็นเวลา 41.1 ปี ถึงจะนอนกับนางบำเรอได้ครบทุกคน เล่ากันว่าตอนใกล้สิ้นพระชนม์
สุลต่านกียาสไม่เกรงกลัวความตายเลย ทรงตรัสว่า

"แม้ตายก็ไม่เสียดายชีวิตเพราะข้าได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่แล้ว"


อันดับที่ 2 ฮาเร็มของกุ๊บไลข่าน ศตวรรษที่ 12



กุ๊บไลข่านนั้นเป็นหลานปู่ของเจงกิสข่านและเป็นช่วงที่มองโกลยึดครองประเทศจีนได้สำเร็จ ฮาเร็มของกุ๊บไลข่านมีสาวๆ
สะสมไว้ประมาณ 7,000 นาง โดยมีจักรพรรดินีทั้ง 4 พระองค์เป็นหัวเรือใหญ่ในการเสาะหาเมียน้อยมาประดับบารมี
จักรพรรดิดินีแต่ละองค์จะส่งคนรับใช้เดินทางไปทั่วแผ่นดิน เพื่อหาสาวพรหมจรรย์หลายเชื้อชาติ ทั้งเปอร์เซีย อาหรับ จีน ฯลฯ
กลับมาเป็นนกน้อยในฮาเร็ม ฮาเร็มของกุ๊บไลข่านจึงเหนือกว่าฮาเร็มของสุลต่านกียาส อัด ดิน ตรงที่มีผู้หญิงหลายเชื้อชาติ
หลากสไตล์ เรียกว่ามีรสเผ็ดเปรี้ยวเค็มหวานครบถ้วน อีกทั้งกุ๊บไลข่านไม่ใช่คนขี้เสียดาย เลยโละสาวที่ใช้งานแล้วทิ้งทุกๆ 2 ปี
ครั้งหนึ่งก็ประมาณ 400-500 คน

มีการแอบนับกันเล่นๆ ว่านี่ถ้าไม่โละทิ้งเลย กว่ากุ๊บไลข่านจะสิ้นพระชนม์ตอนอายุ 79 ปี พระองค์น่าจะมีสนมประมาณ
20,000 คนชนะสุลต่านกียาสอย่างแน่นอน


อันดับที่ 3 ฮาเร็มของจักรพรรดิเยอเฮนเจอร์ แห่งอินเดีย ปลายศตวรรษที่ 15



ในฮาเร็มของจักรพรรดิเยอเฮนเจอร์แห่งราชวงศ์โมกุล มีพระสนมที่สืบสายเลือดมาจากราชวงศ์ชั้นสูงประมาณ 300 นาง
ลูกชาวบ้านที่คัดสรรแล้วว่ายังเป็นสาวบริสุทธิ์และเซ็กซี่สุดใจขาดดิ้นอีก 5,000 นาง แต่ถึงขนาดนี้แล้วองค์สุลต่าน
ก็ยังไม่พอใจ เลยต้องไปกว้านเอาเด็กหนุ่มเนื้อเนียนมาเป็นนายบำเรออีก 1,000 นาย เป็นการเปิดศักราชการเสพถั่วดำ
ขึ้นในอาณาจักร ทำให้เศรษฐีในกรุงอิสตันบูลพลอยเอาอย่าง ไปเสาะหาเด็กหนุ่มมาบำเรอกันอย่างออกหน้าออกตาบ้าง



สรุปแล้ว จักรพรรดิเยอเฮนเจอร์ทรงมีนายและนางบำเรออยู่ในโควต้าทั้งหมด 6,300 คน เป็นลำดับสามในด้านจำนวน
แต่กินขาดเรื่องความวิตถาร ชนิดที่ถ้าไปเจอกันในยมโลกสุลต่านกียาสและกุ๊บไลข่านอาจต้องค้อนคนละหลายๆ วงเลยทีเดียว


ที่มานิตยสาร LIVE
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

Little Tiger

friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

gogorin

friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions