Richard Loeb & Nathan Leopold แผนที่สมบูรณ์แบบ

Richard Loeb & Nathan Leopold แผนที่สมบูรณ์แบบ

เริ่มโดย etatae333, 09 ธันวาคม 2016, 14:49:33

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

Richard Loeb & Nathan Leopold แผนที่สมบูรณ์แบบ

ในปี 1924 ที่ชิคาโก้ ประเทศสหรัฐอเมริกาฯ
ได้เกิดคดีหนึ่งที่น่าตกตะลึงขึ้นเมื่อเด็กวัยรุ่นสองคนคือ
นาธาน ลีโอโปลด์ (Nathan Leopold) กับ ริชาร์ด โลบ (Richard Loeb) ได้ตัดสินใจลักพาตัว
และทำการฆาตกรรเด็กชายวัย 14 ปี ทั้งที่ไม่เคยมีเรื่องเจ็บแค้นกันมาก่อน และเมื่อทั้งสองถูกจับกุม
พวกเขาก็บอกสาเหตุที่ทำเรื่องเหล่านี้ว่าพวกเขาทำไปเพราะต้องการประสบการณ์ที่ตื่นเต้นเท่านั้น......


 
นาธาน ลีโอโปลด์ กับ ริชาร์ด โลบ (Richard Loeb & Nathan Leopold)




นาธาน ลีโอโปลด์ ยังคงอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดี เมื่อเย็นของวันที่ 10 พฤศจิกายน 1923 เขาได้ตกลงที่จะขับรถให้กับริชาร์ด
โลบเพื่อนและคนรักของเขาจากชิคาโกไปยังมหาวิทยาลัยมิชิแกน การเดินทางกินเวลาหกชั่วโมง เพราะต้องแวะไป
ขโมยของญาติห่างๆ ของโลบแต่พวกเขาขโมยได้แต่เพียงเงิน $80  นาฬิกาหนึ่งเรือน มีดพก และเครื่องพิมพ์ดีด
ถือว่าเป็นรางวัลน้อยมากสำหรับแผนอาชญากรรมที่ยิ่งใหญ่ของเขา  ระหว่างเดินทางกลับชิคาโก ลีโอโปลด์เริ่มบ่น
และโต้เถียง บ่นที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ดีขึ้นในช่วงหลัง


ในที่สุดทั้งสองก็โอบกอดแสดงความรักกันและกันว่าพวกเขาจะผูกพันจนวันตาย และในขณะพวกเขายังคงขับรถไปตามถนน
ในชนบทมุ่งสู่ชิคาโก โลบเริ่มที่จะพูดคุยแผนการก่ออาชญากรรมที่สมบูรณ์แบบอีกครั้ง ที่ผ่านมาพวกเขาร่วมมือกันเป็นหัวขโมย
ลักเล็กขโมยน้อยและวางเพลิงสอง-สามครั้งแต่ไม่มีใครเอาเรื่องที่เขาก่อลงหนังสือพิมพ์  พวกเขาต้องก่ออาชญากรรมที่ทำให้
ทั่วทุกแห่งในชิคาโกหันมาสนใจ และแล้วพวกเขาก็นึกแผนการอย่างหนึ่งมาได้ นั่นคือ

การลักพาตัวและฆาตกรรมเด็ก



โดยพวกเขาจะทำเป็นเหมือนโจรเรียกร้องเงินค่าไถ่จากพ่อแม่ มันเป็นงานที่ยากและซับซ้อน แต่มันก็ท้าทาย
หากพวกเขาทำสำเร็จ มันจะกลายเป็นแผนสมบูรณ์แบบที่พวกเขาคิดขึ้นมา


ลีโอโปลด์และโลบได้พบกันในฤดูร้อนของปี 1920 เด็กทั้งสองเติบโตมาในเคนวู้ด ย่านของคนร่ำรวยทางด้านทิศใต้ของชิคาโก
ครอบครัวของลีโอโปลด์นั้นเป็นชาวยิวเชื้อสายเยอรมันอพยพที่ร่ำรวยและเป็นที่นับหน้าถือตา พ่อของเขาเป็นนักธุรกิจที่ชาญฉลาด
ที่ได้รับมรดกเป็นบริษัทขนส่ง ในปี 1924


ทั้งลีโอโปลด์และโลบนั้นต่างเป็นเด็กฉลาด โดยเฉพาะลีโอเปลด์นั้นเป็นเด็กอัจฉริยะ พูดคำแรกตั้งแต่อายุสีเดือน มีเชาว์ปัญญา
กว่า 210 จุด เป็นนักศึกษาที่ยอดเยี่ยมในมหาวิทยาลัยชิคาโกตอนอายุ 15 ปี สามารถพูดภาษาต่างๆ กว่า 27 ภาษาอย่างคล่องแคล่ว
และนอกจากนี้เขายังเป็นนักวิหควิทยาสมัครเล่นที่รอบรู้เชี่ยวชาญ ลีโอโปลด์วางแผนที่จะศึกษากฎหมายเพื่อจบออกมาจะเป็นทนาย
ที่มีประสบความสำเร็จให้ครอบครัวภาคภูมิใจ

ส่วนทางด้านริชาร์ด โลบนั้น เขามาจากครอบครัวที่ร่ำรวย พ่อเป็นรองประธานของบริษัทเชียร์ แอน โรบัคส์ (Sears and Roebuck)
มีเงินมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นบุตรคนสุดท้องของพี่น้อง 4 คน เป็นเด็กฉลาดสอบเป็นบัณฑิตอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์
ของมหาลัยมิชิแกน และกลับไปเรียนต่อในโรงเรียนกฎหมายชิคาโก

สองวัยรุ่นได้พบกันขณะเรียมหาวิทยาลัยชิคาโก พัฒนาจากเพื่อนสนิทจนกลายเป็นคนรักโฮโมเซ็กซ์ช่วล



โลบนั้นเป็นเด็กที่มีความข่มขืนในวัยเด็ก ใช้เวลาส่วนมากในการอ่านนวนิยายนักสืบฆาตกรรมและความรุนแรง จนกลายเป็นคนเชื่อว่า
สามารถกระทำ "อาชญากรรมที่สมบูรณ์แบบ" ชนิดที่ตำรวจไม่สามารถจับได้ ด้วยเหตุนี้เองโลบก็เริ่มต้นก่ออาชญากรรม จากระดับเล็ก
เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากการโกงไพ่ มาเป็นลักเล็กขโมยน้อยทำลายข้าวของ ทุบหน้าต่างร้านค้า วางเพลิง โดยไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรเป็นพิเศษ
ลีโอโปล์ดเองก็ให้ความร่วมมือเสมือนหนึ่งลูกสมุนที่ซื่อสัตย์ของเขาเพื่อสร้างมิตรภาพและความรักแก่โลบ

แต่ดูเหมือนว่าการก่ออาชญากรรมพวกนี้จะไม่สาแก่ใจของทั้งคู่ พวกเขาอยากก่ออาชญากรรมที่ใหญ่มากกว่านั้น ผลสรุปก็คือพวกเขาคิดจะ
ลักพาตัวและฆาตกรรมเด็กชาย ให้ดูเหมือนเป็นการเรียกค่าไถ่ โดยพวกเขาเชื่อว่า "มันคืออาชญากรรมที่สมบูรณ์แบบ"
ที่ตำรวจไม่สามารถจับพวกเขาได้

ลีโอโปล์ดและโลบใช้เวลานานถึงเจ็ดเดือนในการวางแผนอย่างละเอียดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเหยื่อที่ต้องเป็นเด็กชายจากครอบครัว
ที่ร่ำรวยพาหนะที่ลักพาตัวเด็กต้องเป็นรถเช่า การฆ่าเหยื่อต้องการตีให้สลบและช่วยการรัดคอ นำศพไปหมดท่อน้ำในบริเวณไม่มีคน

จากนั้นพวกเขาก็ส่งจดหมายเรียกค่าไถ่จดหมายที่ด้วยพิมพ์ดีดไปยังครอบครัวของเด็ก ในจดหมายเรียกร้องเงินเรียกค่าไถ่และวิธีการ
ส่งมอบเงินแบบละเอียดยิบ ทั้งหมดนี้เพื่อให้แผนออกมาสมบูรณ์แบบ มีความเสี่ยงน้อยที่สุด

ในวันพุธ21พฤษภาคม, 1924แผนการของลีโอโปล์ดและโลบก็ได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากการตะเวนหาเหยื่อที่เป็นเด็กชายที่เดินกลับบ้าน
หลังเลิกเรียน ในที่สุดทั้งคู่ก็ตัดสินใจเลือกโรเบิร์ต "บ๊อบบี้" แฟรงค์ อายุ 14 ปี เป็นลูกชายของเศรษฐีจาค็อบ แฟรงค์ซึ่งรู้จักกับ
โลบเป็นอย่างดี


"เฮ้บ๊อบ" โลบตะโกนเรียกเด็กชายจากหน้าต่างรถ เด็กชายหันมาเมื่อได้ยินเสียง โลบโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตูรถชักชวน
เด็กชายให้เข้ามา"สวัสดีบ๊อบ มานั่งบนรถสิ เราจะพานายไปส่ง"



เด็กชายส่ายหัวปฏิเสธ เพราะเดินอีกไม่กี่นาทีก็ถึงบ้านเขาแล้ว
"มานั่งในรถสิ ฉันต้องการให้นายดูไม้เทนนิสที่ได้จากพี่ชายของฉันน่ะ"
มันได้ผล บ็อบบี้สนใจและยอมขึ้นรถมาด้วยจากนั้นประตูหน้าก็เปิดออก บ๊อบบี้ก้าวเข้าไปในประตูตามคำเชิญชวน

เด็กชายนั่งอยู่ที่นั่งด้านหน้า โดยมีลีโอโปล์ดขับรถ ระหว่างที่เด็กกำลังชื่นชมไม้เทนนิส เขาไม่รู้สึกตัวว่าตอนนี้รถได้ออกไกล
จากบ้านของเขา ไปยังจุดที่ไม่มีคนเดินผ่าน และเมื่อโลบเห็นโอกาสเหมาะ จึงได้ใช้ท่อนเหล็กฟาดที่ด้านหลังกะโหลกศีรษะ
ของบ๊อบบี้เพื่อหวังให้เขาสลบตามแผนที่วางไว้

แต่ปรากฏว่ามันไม่ไปตามแผน บ๊อบบี้ไมได้สลบหลังถูกไม้ฟาดเด็กยังคงมีสติ เขามองไปหาโลบ ยกแขนขึ้นราวกับพยายาม
ปกป้องตนเองจากการฟาดของโลบเต็มที่ พร้อมร้องไห้แหกปากจ้า โลบตกใจจึงกระหน่ำฟาดไปหลายครั้งสุดแรงเกิด
มากเท่าที่จะทำได้

เลือดจากบาดแผลขนาดใหญ่ที่หน้าผากเด็กกระเซ็นกระจายไหลนองไปทั่วพื้นรถ และสาดลงบนกางเกงของลีโอโปลด์
โลบยังคิดว่าเด็กยังมีสติอยู่และกลัวแหกปาก เขาเลยลากเด็กไปเบาะหลังของรถ เอาเศษผ้ายัดไปที่ลำคอของเด็ก
แล้วดันเข้าไปข้างในสุดแรงเกิด จากนั้นก็ฉีกเทปกาวปิดปากทับอีกที และนั่นทำให้เด็กชายเสียชีวิตไม่นานหลังจากนั้น

แม้แผนการจะผิดคาดไปบ้าง แต่ลีโอโปล์ดและโลบก็ยังทำตามแผนอาชญากรรมที่สมบูรณ์แบบต่อเขาคลุมศพของเด็กชาย
และขับรถไปยังพื้นที่ห่างไกลผู้คน บริเวณทะเลสาบวูล์ฟ ในอินเดียน่า ซึ่งเป็นยังจุดหมายที่กำหนดไว้ว่าเป็นที่หมกศพ

ทั้งคู่จัดการถอดเสื้อผ้าบ๊อบบี้ และเทกรดไฮโดรคลอริกที่หน้าและอวัยวะเพศเพื่อไม่ให้ใครจำศพได้ จากนั้นหมกศพ
ในท่อระบายน้ำใต้รางรถไฟซิลเวเนีย ริมทะเลสาบ


 

จดหมายเรียกค่าไถ่



หลังจากกลับไปชิคาโก พวกเขาก็โทรศัพท์แม่ของบ๊อบบี้ บอกว่าตอนนี้ลูกชายของเธอถูกลักพาตัวไป ตอนนี้สบายดี และจะส่งจดหมาย
เรียกค่าไถ่ไปให้ทีหลัง จากนั้นทั้งคู่ก็จัดการเผาเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเลือดของเด็กชาย และพยายามทำความสะอาดคราบเลือด
จากเบาะรถยนต์เช่าเพื่อทำลายหลักฐาน จากนั้นทั้งสองใช้เวลาที่เหลือเล่นไพ่ฆ่าเวลา

แต่แล้วเช้าวันต่อมา ในขณะที่ครอบครัวบ๊อบบี้เตรียมเงินค่าไถ่ ก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา ปลายสายเป็นเสียงของตำรวจที่แจ้งว่า
ได้พบศพลูกชายของตน และนั่นเองทำให้แผนการลักพาตัวเด็กเรียกค่าไถ่ที่ลีโอโปล์ดและโลบวางเอาไว้ล้มไม่เป็นท่า และเมื่อทั้งคู่
ทราบข่าวจึงรีบทำลายเครื่องพิมพ์ดีดที่เขียนจดหมายเรียกค่าไถ่และเผาเสื้อคลุมที่เคลื่อนที่ศพ

แต่อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้พบหลักฐานสำคัญที่จะตามรอยฆาตกร เมื่อมีการค้นพบแว่นตาใกล้ศพเด็กชาย แว่นตาอันนี้มีบานพับ
กลไกที่ผิดปกติไม่เหมือนแว่นตาทั่วไป และเมื่อตรวจสอบก็พบว่ามีเพียงสามคนที่ซื้อแว่นตาดังกล่าว และหนึ่งในนั้นคือ นาธาน ลีโอโปล์ด
และเขา ก็เป็นเพื่อนบ้านของบ๊อบบี้ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด



เมื่อตำรวจนำลีโอโปล์ดมาสอบสวน เขาก็ยอมรับว่าแว่นที่พบที่เกิดเหตุเป็นของเขาจริง หากแต่ทำตกตอนไปดูนก และเมื่อตำรวจ
ถามว่าเขาทำอะไรในคืนที่เกิดการฆาตกรรม ทั้งลีโอโปล์ดและโลบให้การตรงกันว่าคืนนั้นพวกเขากำลังขับรถและระหว่างทางพาสาวๆ
ขึ้นรถ และมีเซ็กส์ในที่เปลี่ยว และปล่อยพวกเธอที่สนามกอล์ฟใกล้ๆ โดยที่ไม่รู้ชื่อของพวกเธอด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม เมื่อโลบเจอการสอบสวนอย่างหนักหน่วง เขาก็ได้รับสารภาพ และเมื่อลีโอโปลด์ทราบเรื่องเขาก็สารภาพตามโลบด้วย


แม้ว่าทั้งสองจะได้รับสารภาพ แต่คำให้การว่าใครต้นคิดและใครสังหารบ๊อบบี้นั้นทั้งสองโทษกันไปมา แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่านี้คือแรงจูงใจ
ที่ทั้งสองทำลงไปไม่ได้ต้องการเงินค่าไถ่แม้แต่น้อย เพราะครอบครัวของทั้งคู่นั้นมีทุกอย่างต้องการ ทั้งสองยอมรับว่าแรงหนุนเกิดจาก
ความตื่นต้นมนการฆ่า และความปรารถนาที่จะทำ "อาชญากรรมที่สมบูรณ์แบบ" ให้ได้


ไม่นานเรื่องราวของฆาตกรทั้งสองก็ถูกเผยแพร่ในหน้าหนังสือพิมพ์อย่าง และได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างรวดเร็ว
และแน่นอนว่าทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากให้ฆาตกรทั้งสองถูกประหารชีวิตให้สาสมกับความผิด

ไม่แปลกใจเลยว่า ในวันที่ลีโอโปล์ดและโลบถูกดำเนินตัวดำเนินคดีในชั้นศาล ได้กลายเป็น "การพิจารณาคดีแห่งศตวรรษ" เป็นที่เรียบร้อย
ประชาชนมากมายต่างแหกันจนล้นศาลเพราะอยากเห็นหน้าสองฆาตกรให้ชัดๆ



ทางด้านครอบครัวของโลบไม่อยากให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนถูกประหาร จึงได้ว่าจ้างคลาแรงซ์ ดาร์โรว์ทนายความผู้มีชื่อเสียงอายุ 67 ปี
ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีที่ว่าความให้จำเลยได้รับการลดหย่อนโทษหลายคดี แน่นอนว่ามันเป็นงานที่หินมากของทนายดาร์โรว์  แต่เขาก็ใช้ความ
วิกลจริตของลีโอโปล์ดและโลบมาเป็นประโยชน์ อีกทั้งเขายังแนะนำให้ลูกความของตนสารภาพความผิดเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกพิจารณาคดี
โดยลูกขุน ซึ่งเชื่อว่าวิธีเหล่านี้จะทำให้ลูกความของตนไม่ถูกประหาร

ในระหว่างการพิจารณาคคี 12 ชั่วโมงในวันสุดท้าย ดาร์โรว์ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่กล่าวกันว่ดีที่สุดในชีวิตของเขาก็ว่า จนต้องจารึกลงใน
ประวัติศาสตร์ทางกฎหมายในสหรัฐอเมริกาว่า เป็นหนึ่งในสุนทรพจน์ที่ดีที่สุดและมีผลกระทบต่อคดีมากที่สุด โดยบางส่วนของสุนทรพจน์
มีดังต่อไปนี่


"...เป็นเรื่องง่ายๆ และนิยมว่าดี ถ้าลูกความของกระผมจะถูกพวกคุณตัดสินให้แขวนคอ ผมรู้ดี...ชายหญิงทั้งหลายที่ไม่ได้คิด
อะไรลึกซึ้งจะปรบมือให้คำสั่งประหาร เพราะพิสูจน์แล้วถึงความโหดเหี้ยมไร้มนุษย์ธรรม ปราศจากความยั้งคิดของคนคู่นี้
มักง่ายที่จะตัดสินลงโทษประหารในวันนี้...แต่เมื่อเวลาผ่านไป...ในชิคาโกและตลอดแผ่นดินเสรีภาพของสหรัฐอเมริกา
พวกเราที่เป็นพ่อเป็นแม่ ซึ่งมีจำนวนมากมายมหาศาล.......จะเริ่มคิดได้เหมือนๆ กันว่าไม่ควรยินดี ไชโยโห่ร้องในความตาย
ของลูกความของกระผมเลย คำถามจะผุดขึ้นมาว่าเมื่อไหร่เราจะหยุดเลือดและน้ำตากันได้เล่า? ด้วยวิธีประหารของจำเลยเหรอ?
สามัญสำนึกของมนุษย์จะทำให้เราต้องเสียใจที่ฆ่าพวกเขาให้ตายตกไปตามกันเช่นนี้ แล้วยังหยุดยั้งอาชญากรรมใดๆ
ไม่ได้เลย......กระผมขอวิงวอนว่า เราควรเอาชนะความโหดร้ายด้วยความเมตตา และทำลายความเกลียดชังด้วยความรัก......"


วันที่ 19 กันยายน 1924 นาธาน ลีโอโปลด์ กับ ริชาร์ โลบ ถูกตัดสินจำคุกในเรือนจำ Joliet ด้วยข้อหาฆาตกรรมและค่าเรียกค่าไถ่
เป็นเวลา 99 ปี แน่นอนว่าคำตัดสินนั้นไม่เป็นที่ถูกใจของสาธารณะชนแน่นอน หลังการตัดสินก็มีโทรศัพท์ จดหมายหลั่วไหลจาก
ทั่วประเทศออกมาตำหนิอย่างรุนแรง จากนั้นก็มีโทรศัพท์มาด่าทอเข้ามาจนรับไม่ไหว มีสองรายขู่จะวางระเบิดเรือนจำที่ขังสองฆาตกรนั้น
หากศาลไม่สามารถลงโทษประหารสองคนนี้สำเร็จ และยังมีจดหมายประท้วงอย่างรุนแรงหลั่งไหลมาจากทั่วประเทศ เพราะการกระทำ
ของสองฆาตกรคนนี้เป็นสิ่งที่สังคมรับไม่ได้

หลังการตัดสินนั้นบรรดาญาติทั้งเหยื่อและฆาตกรต่างได้รับความทุกข์ระทมแตกต่างกัน บางคนตรองใจตาย บางคนมีอาการประสาทหลอน
ญาติของลีโลโปลด์และโลบถึงขั้นอับอายต้องเปลี่ยนชื่อใหม่เพราะทนความอับอายไม่ไหว และปกปิดความลับว่าเป็นญาติของฆากตรทั้งสอง

ทางด้านชะตากรรมของเด็กหนุ่มฆาตกรรมนั้น ทั้งสองมีเส้นทางชีวิตแตกต่างกัน ในปี 1936 ในเรือนจำ Stateville โลบถูกนักโทษ
เพื่อนท้องขังใช้มีดโกนเชือดคอหอยในห้องอาบน้ำ แม้ว่าแพทย์คุกจะพยายามอย่างดีที่สุดในการรักษา แต่สุดท้ายโลบในวัย 30 ปี
ก็เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา จากการสูญเสียเลือดจากบาดแผลในปริมาณมากจนช็อก




ทางด้านนาธาน ลีโอโปลด์ถูกจำคุก 33 ปี จนเขาได้รับรางวัลเป็นทัณฑ์บนและถูกปล่อยเป็นอิสระในปี 1958

เมื่อถูกปล่อยเป็นอิสระ ลีโอโปลด์ก็ย้ายไปเปอร์โตริโก อาศัยอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่มีใครรู้ จากนั้นก็ศึกษาในระดับปริญญา ทำงานสังคม
ที่มหาวิทยาลัยเปอร์โตริโก เขียนหนังสือเกี่ยวกับนกบนเกาะ และในปี 1961 ก็ได้แต่งงานกับแม่ม่ายชาวเปอร์ติโกที่มีอาชีพเป็นแพทย์
ในช่วงทศวรรษที่ 1960 ในที่สุดเขาก็สามารถเดินทางกลับไปเมืองบ้านเกิดชิคาโก และเมื่อมาถึงเขาก็วางดอกไม้บนหลุมพ่อและแม่
ของเขา และพี่ชายสองคน

เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากปี 1924 ในห้องพิจารณาคดีที่ร้อนระอุและอุดอู้ ซึ่งตอนนี้มีเพียงแต่เขาที่เป็นผู้รอดชีวิต
และแล้ววันที่ 29 สิงหาคม 1971 ลีโอโปลด์วัย 66 ปีก็เสียชีวิตในเปอร์โตริโกด้วยโรคหัวใจวาย


เป็นอันปิดตำนานคดีในประวัติศาสตร์ของอเมริกาไปอีกคดีหนึ่ง

อ้างอิง
http://www.smithsonianmag.com/history-archaeology/criminal-minds.html
http://en.wikipedia.org/wiki/Leopold_and_Loeb

credit :: cammy@dek-d.com
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่