สัตววัตถุหมีที่พบเจอในประเทศไทย

สัตววัตถุหมีที่พบเจอในประเทศไทย

เริ่มโดย teareborn, 20 พฤศจิกายน 2017, 10:44:35

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

teareborn


หมีที่เจอในประเทศไทย
๑. หมีควาย
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Selenarctos  thibetanus (G. Cuvier)
มีชื่อพ้อง Ursus  thibetanus  G. Cuvier
ชื่อสามัญว่า Asiatic black  bear
ขนาดวัดจากปลายจมูกถึงโคนหางยาว ๑.๒๐-๑.๕๐ เมตร หางยาว ๖.๕-๑๐ เซนติเมตร น้ำหนักตัว ๖๐-๑๐๐ กิโลกรัม หัวออกจะแบน แคบ ปากยาวกว่าหมีหมา ขนรอบจมูก คาง รวมทั้งรอบๆเหนือตามีสีขาว ใบหูใหญ่ ขอบกลมมน ตามลำตัวมีขนยาวสีดำ หน้าอกมีขนสีขาวรูปตัววี  (V)  แต่ละขามี ๕ นิ้ว มีเล็บขนาดใหญ่โค้ง ปลายแหลม   ไม่หดกลับ หมีควายถูกใจออกหากินตามลำพังในช่วงกลางคืน  นอกจากในฤดูสืบพันธุ์  ตอนกลางวันมักแอบอยู่ในโพรงดิน ตามโคลนรากของต้นไม้ใหญ่หรือตามโพรงหิน ลางครั้งออกมาหาเลี้ยงชีพผลไม้สุกหรือรังผึ้งในตอนกลางวัน ขึ้นต้นไม้เก่ง เดินด้วยขา ๔ ข้าง เมื่อสู้กับศัตรูจะยืนด้วยขาหลังทั้งคู่ขา แล้วใช้ฝ่าตีนของขาหน้าตะครุบศัตรู  ของกินที่กินคือผลไม้ น้ำผึ้ง กวาง เก้ง หมูป่า ปลา หมีควายโตเต็มวัยพร้อมผสมพันธุ์เมื่ออายุราว ๓ ปี มีท้องนาน ๗-๘ เดือน  คลอดลูกทีละ ๑-๒ ตัว ออกลูกในถ้ำ หรือในโพรงไม้   อายุยืนราว ๓๐ ปี เจอในทุกภาคของไทย ในต่างถิ่นพบที่กัมพูชา เวียดนาม ปากีสถาน ประเทศอินเดีย เนปาล ทิเบต ประเทศเกาหลี  จีน  ประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน
๒. หมีสุนัข
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Helarctos  malayanus  (Raffles)
มีชื่อพ้อง  Ursus  malayanus  Raffles
ชื่อสามัญว่า  Malayan  sun  bear
หมีคน ก็เรียกเป็นหมีจำพวกที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ขนาดวัดจากปลายจมูกถึงโคนหางยาว ๑-๑.๔๐ เมตร  หางยาว ๓-๕ เซนติเมตร น้ำหนักตัว ๓๐-๔๐กก. หัวกลม   ปากสั้น ตามลำตัวมีขนยาวสีดำ อกมีขนสีขาวหรือสีขาวอมเหลืองเป็นรูปตัวยู (U) แต่ละขามี ๕ นิ้ว มีเล็บขนาดใหญ่ โค้ง ปลายแหลม ไม่หดกลับ มีเต้านม ๔ เต้าบริเวณอกและก็พุง หมีหมาชอบออกหากินเป็นคู่ในช่วงเวลากลางคืน   ลางครั้งพบในกลางวันบ้าง ปีนต้นไม้ได้แคล่วคล่องว่องไว ทำรังนอนโดยดึงก้านไม้ เปลือกไม้   มาวางไว้ใต้ท้อง   แล้วปลดปล่อยขาแขวนคร่อมกิ่งไม้ไว้ โดยเอาคางเกยไว้ตรงง่ามไม้   ยืนด้วย ๒ ขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการมองในระยะไกลหรือมองหาศัตรู เวลาเข้ารังควานจะแผดเสียงร้องเสมือนสุนัข อาหารที่รับประทานเป็นพวกผลไม้ แมลง ผึ้ง ปลวก ใบไม้ สัตว์ขนาดเล็ก หมีสุนัขโตเต็มวัยพร้อมสืบพันธุ์เมื่ออายุราว ๓-๕ ปี ตั้งท้องนานราว ๙๕ วัน ออกลูกครั้งละ ๑-๒ ตัว อายุยืนราว ๒๐ ปี พบในทุกภาคของไทย  แต่พบบ่อยมากทางภาคใต้ ในเมืองนอกพบที่ลาว เขมร เวียดนาม ประเทศพม่า บังกลาเทศ   จีน   มาเลเชีย แล้วก็อินโดนีเชีย
ดีหมีในยาจีน
ดีหมีเป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งที่ใช้ในยาจีน มีราคาแพงมากและก็หายาก เครื่องยานี้มีชื่อภาษาละตินตามตำรายาว่า Fel  Ursi มีชื่อสามัญว่า bear  gall  จีนเรียก สงต่าน  (สำเนียงแมนดาริน) ได้จากถุงน้ำดีของหมี ๒ ชนิดหมายถึงหมีควาย Selenarctos  thibetanus (G. Cuvier) แล้วก็หมีสีน้ำตาล หรือ brown bear (Ursus  arctos  Linnaeus) สกุล Ursidae จำพวกหลังไม่เจอในธรรมชาติในประเทศไทย ดีหมีที่ได้จากเขตยูนนาน ส่วนใหญ่เป็นดีของหมีควาย จัดเป็นดีหมีที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม ในทางการค้า เรียก อวิ๋นต่าน  (ดีจากยูนนาน) แต่ว่าดีหมีที่มีขายในท้องตลาดมักมากจากหมีที่เจอทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน โดยยิ่งไปกว่านั้นมณฑลเฮย์หลงเจียงและก็เขตจี๋หลิน จำนวนมากได้จากหมีสีน้ำตาล ในทางการค้าเรียก ตงต่าน  (ดีจากภาคตะวันออก) ซึ่งมีปริมาณมากกว่า
ลักษณะของดีหมี
ดีหมีแห้งมีรูปร่างกลม ยาวรูปไข่  ส่วนบนเรียวและก็กลวง ด้านล่างเป็นถุงใหญ่  ยาว ๑๐-๒๐ เซนติเมตร  กว้าง ๕-๑๐ เซนติเมตร (ส่วนล่าง) ผิวนอกสีน้ำตาลอมเทา สีน้ำตาลอมดำ หรือสีเหลืองอมสีน้ำตาล เป็นมันน้อย ส่วนบนใส มองได้เกือบจะทะลุผิวบางรวมทั้งย่น เมื่อฉีกจนขาดจะเห็นเป็นเส้นใย ในถุงน้ำดีมีน้ำดีที่แห้งแล้วเป็นก้อนหรือเป็นเม็ด ลางทีก็เป็นผุยผงหรือก้อนเหนียวๆสีเหลืองทอง เป็นมันเงา เปราะ ดีหมีที่มีสีเหลืองทองคล้ายสีอำพัน เนื้อบาง เปราะ เป็นเงาเงา มักเรียก ดีหมีสีทอง หรือ ดีหมีสีทองแดง ประเภททีมีสีดำหรือสีเขียวอมดำ แข็ง มีลักษณะเป็นแผ่น มักเรียก ดีหมีสีดำ  หรือ ดีหมีสีเหล็ก ส่วนจำพวกที่มีสีเขียวอมเหลืองเนื้อเปราะ มักเรียก ดีหมีสีกะหล่ำดอกเมื่อเรียกลอง  ดีหมีมีรสขมก่อน ต่อมาจะรู้สึกหวาน กลิ่นหอมเย็นๆหรือ คาวบางส่วน อมในปากจะละลายจนถึงหมด ดีหมีที่มีคุณภาพดีควรจะมีรสขม  เย็น ไม่ติดฟัน  ก้อนน้ำดีสีเหลืองทองเป็นเงาเงา รสขมตอนต้น  แล้วหวานตามหลัง
ของแท้หรือของที่ไม่ใช่ของจริง
เพราะดีหมีเป็นเครื่องยาที่หายาก ก็เลยมีของเก๊ขายมากมายในหลายต้นแบบ ดังเช่นว่า เลียนแบบด้วยดีหมู ดีวัว หรือดีแกะ แต่บางทีอาจตรวจดูดีหมีแท้ได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
๑. ขั้นตอนการตรวจทางกายภาพ อาจทำได้ด้วยการดูลักษณะทั่วไปภายนอก และก็ผิวและก็รูปร่าง ตรวจทานรูเปิดของถุงน้ำดีและรอบๆที่มัด มองจำนวนของน้ำดีแห้ง (ถ้าหากมีมากมายแล้วก็เต็มอาจเป็นของปลอม) ตรวจสอบน้ำหนักของดี (ถ้าหากมีน้ำหนักมากเกินไป บางทีอาจเป็นของปนปลอมด้วยโลหะลางตัวอย่างเช่นตะกั่ว หรือเหล็กผสมทราย) ตรวจด้วยการเอาผงดีหมีน้อยวางบนนิ้วชี้ หยดน้ำลงไป ๑ หยด แล้วขยี้ด้วยนิ้วหัวแม่มือ (ถ้าหากเป็นของแท้จะมีกลิ่นหอมเย็น) น้ำดีที่เป็นของแท้จะเปราะ แตกง่าย ได้ผลึกรูปหลายเหลี่ยม   (ถ้าเกิดเป็นของปลอมจะเหนียวแล้วก็แข็ง ไม่เป็นเงา) อย่างไรก็ดี วิธีการนี้จำเป็นจะต้องอาศัยประสบการณ์แล้วก็ความชำนาญมากมาย
๒. วิธีเผาไฟ เอาเข็มเขี่ยๆผงดีหมีบางส่วน   เผาไฟ หากเป็นของแท้จะปุดเป็นฟอง  แต่ว่าถ้าเกิดเป็นของปลอมจะติดไฟหรือเยิ้มเหลว หรืออาจมีปุดเป็นฟองแต่ว่ามีกลิ่นไม่พึงปรารถนา
๓. แนวทางตรวจด้วยน้ำ เพิ่มเติมน้ำลงในถ้วยน้ำ ความจุราว ๓ ใน ๔ แก้ว เอาเกล็ดดีหมีน้อยใส่ลงเบาๆบนผิวน้ำ เกล็ดดีหมีนั้นจะหมุนอย่างเร็วครู่เดียว ขณะหมุนอยู่ก็จะละลายไปเรื่อยแล้วจมลงในน้ำ ทำให้มองเห็นเป็น "เส้นเหลือง" ลงสู่ก้นแก้ว เส้นเหลืองนี้คงอยู่เป็นเวลายาวนานกว่าจะหายไป ถ้าเกิดที่ผิวน้ำมีฝุ่นละอองบางส่วนเมื่อใส่เกล็ดดีหมีลงบนผิวน้ำ   ผงดีหมีจะหมุนอย่างรวดเร็วและผลักฝุ่นที่ผิวน้ำให้กระจัดกระจายออก ยิ่งกว่านั้น แนวทางแบบนี้ยังคงอาจใช้เหล้าขาวแทนน้ำ จะกำเนิดเส้นเหลืองให้มองเห็นเช่นเดียวกัน
๔. วิธีตรวจทางเคมี ทำเป็นโดยตรวจสาระสำคัญในดีหมีซึ่งไม่พบในดีของสัตว์อื่นเป็นกรดเอ้อร์โซเดสออกศซิวัวลิก (ursodesoxycholic acid)  ตัวอย่างเช่น ด้วยวิธีรงคเลขผิวบาง  (thin-layered  chromatography) หรือด้วยวิธีรงคเลขของเหลวสมรรถนะสูง  (high  performance  liquid  chromatography  หรือ  HPLC)

สรรพคุณและก็ขนาดที่ใช้
หนังสือเรียนจีนว่า ดีหมีมีรสขม ฤทธิ์เย็น ใช้เป็นยาลดไข้ แก้อาการชัก บำรุงสายตา ใช้เป็นยาเจริญอาหารแล้วก็ยาชดเชยน้ำดี เป็นยาช่วยเหลือคนเจ็บที่สลบเพราะว่าไข้สูง ใช้หยอดตา ทาหัวริดสีดวงทวารหนักที่ทำให้เกิดลักษณะของการปวดบวม ใช้รับประทานเป็นยาแก้โรคตับอักเสบ โรคความดันเลือดสูง โรคบิดเรื้อรัง ใช้ทีละ ๐.๖-๑.๕ กรัม   โดยชงน้ำดื่ม   หรือทำเป็นยาลูกกลอนก็ได้ หรือใช้ละลายน้ำน้อยเป็นยาใช้ภายนอก หรือใช้ทำเป็นยาตาก็ได้
ประโยชน์ทางยา
แพทย์แผนไทยใช้ดีหมีเป็นอีกทั้งเครื่องยาและก็กระสายยา ตำราเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่าดีหมีมีรสขม หวาน มีสรรพคุณดับพิษร้อนภายใน แก้พิษเพ้อคลั่ง สติลอย เหม่อลอย บำรุงน้ำดี ขับขี่รถยาให้แล่นทั่วตัว ใช้ดีหมีเป็นยากระจายเลือดลิ่มสำหรับบุคคลที่ซ้ำซอกเพราะว่าตกต้นไม้หรือตกจากที่สูง หรือถูกของแข็งกระแทก ทำให้ฟกช้ำ นอกจากดีหมีแล้ว แพทย์แผนไทยยังรู้จักใช้ "เขี้ยวหมี" เป็นเครื่องยาในตำรับยาหลายขนาน ดังเช่น ยาปรับแก้ขนานหนึ่งใน พระคู่มือมหาโชตรัต ดังต่อไปนี้ สิทธิการิยะ หากคนไหนเปนไข้แลให้ร้อนข้างในให้ต้องการน้ำนัก แลตัวผู้เจ็บป่วยนั้นให้แข็งกระด้างดุจดังขอนไม้แลท่อนฟืน ให้ตัวนั้นเปนเหน็บชาไปทั่วทั้งยังกายหยิกไม่เจ็บ ท่านว่าเกิดกาฬข้างในแลให้ปากแห้งคอแห้งฟันแห้งนมหดหู่ให้เปนต่างๆนั้น   ท่านว่ารอยแดงผุดออกยังไม่สิ้นยังอยู่ในหัวใจนั้น   ถ้าเกิดจะแก้ให้เอารากกะตังบาย ๑   จันทน์ ๒   สนเทศ ๑   ท้อม ๑   มองดูนาศ ๑   รากแตงไม่มีอารยธรรม ๑   รากหมูปล่อย ๑   หัวมหารอยแดง ๑   หัวกะตอนเช้าผีมด ๑   รากไคร้เครือ ๑   ใบยับยั้ง ๑   ใบภิมเสน ๑   ใบเฉมีดพร้าหอม ๑   ใบทองพันชั่ง ๑   เขากวาง ๑   งา ๑   เขี้ยวเสือ ๑   เขี้ยวหมี ๑   เขี้ยวจระเข้ ๑   เขี้ยวหมูป่า ๑   เขี้ยวแรด ๑   ฟันกรามพญานาค ๑   เขี้ยวปลาพยูน ๑   เกสรดอกบัวน้ำอีกทั้ง ๗   ผลสมอพิเภก ๑   เทียนดำ ๑   ใบสทายใจ ๑   เปลือกไข่เป็ดสด ๑   ผลจันทน์ ๑   ดอกจันทน์ ๑   สมอไทย ๑   รากมะรุมบ้าน ๑   รวมยาดังนี้เอาเท่าเทียมกัน   ทำผง   แล้วจึงบดปั้นแท่งไว้   ฝนด้วยน้ำดอกไม้   ทั้งยังกินพ่น   แก้สรรพไข้ทุกอันดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วมานั้น   หายแล อนึ่ง "เขี้ยวหมี"   เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในพิกัดยาไทยที่เรียก "นวเขี้ยว"   หรือ "เนาวเขี้ยว"   อาทิเช่น   เขี้ยวหมูป่า   เขี้ยวหมี   เขี้ยวเสือ   เขี้ยวแรด   เขี้ยวหมาป่า   เขี้ยวปลาพะยูน   เขี้ยวไอ้เข้  เขี้ยวแกงเลียงเขาหิน   และก็งาช้าง
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions