สัตววัตถุหมีที่พบเจอในประเทศไทย

สัตววัตถุหมีที่พบเจอในประเทศไทย

เริ่มโดย billcudror1122, 20 พฤศจิกายน 2017, 17:11:18

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

billcudror1122


หมีที่เจอในประเทศไทย
๑. หมีควาย
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Selenarctos  thibetanus (G. Cuvier)
มีชื่อพ้อง Ursus  thibetanus  G. Cuvier
ชื่อสามัญว่า Asiatic black  bear
ขนาดวัดจากปลายจมูกถึงโคนหางยาว ๑.๒๐-๑.๕๐ เมตร หางยาว ๖.๕-๑๐ ซม. น้ำหนักตัว ๖๐-๑๐๐ กก. หัวค่อนข้างจะแบน แคบ ปากยาวกว่าหมีหมา ขนรอบจมูก คาง แล้วก็รอบๆเหนือตามีสีขาว ใบหูใหญ่ ขอบกลมมน ตามลำตัวมีขนยาวสีดำ หน้าอกมีขนสีขาวรูปตัววี  (V)  แต่ละขามี ๕ นิ้ว มีเล็บขนาดใหญ่โค้ง ปลายแหลม   ไม่หดกลับ หมีควายถูกใจออกหากินโดยลำพังในช่วงเวลากลางคืน  ยกเว้นในช่วงฤดูสืบพันธุ์  ช่วงเวลากลางวันมักหลบอยู่ในโพรงดิน ตามโคลนรากของต้นไม้ใหญ่หรือตามโพรงหิน ลางครั้งออกมาทำมาหากินผลไม้สุกหรือรังผึ้งในตอนกลางวัน ขึ้นต้นไม้เก่ง เดินด้วยขาทั้งยัง ๔ ข้าง เมื่อสู้กับศัตรูจะยืนด้วยขาหลังทั้งคู่ขา แล้วก็ใช้ฝ่าตีนของขาหน้าตะครุบศัตรู  ของกินที่รับประทานเป็นผลไม้ น้ำผึ้ง กวาง เก้ง หมูป่า ปลา หมีควายโตเต็มวัยพร้อมผสมพันธุ์เมื่ออายุราว ๓ ปี ตั้งครรภ์นาน ๗-๘ เดือน  ออกลูกทีละ ๑-๒ ตัว ออกลูกในถ้ำ หรือในโพรงไม้   อายุยืนราว ๓๐ ปี เจอในทุกภาคของไทย ในต่างชาติเจอที่กัมพูชา เวียดนาม ประเทศปากีสถาน อินเดีย เนปาล ทิเบต ประเทศเกาหลี  จีน  ประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน
๒. หมีหมา
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Helarctos  malayanus  (Raffles)
มีชื่อพ้อง  Ursus  malayanus  Raffles
ชื่อสามัญว่า  Malayan  sun  bear
หมีคน ก็เรียกเป็นหมีประเภทที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ขนาดวัดจากปลายจมูกถึงโคนหางยาว ๑-๑.๔๐ เมตร  หางยาว ๓-๕ เซนติเมตร น้ำหนักตัว ๓๐-๔๐กก. หัวกลม   ปากสั้น ตามลำตัวมีขนยาวสีดำ ทรวงอกมีขนสีขาวหรือสีขาวอมเหลืองเป็นรูปตัวยู (U) แต่ละขามี ๕ นิ้ว มีเล็บขนาดใหญ่ โค้ง ปลายแหลม ไม่หดกลับ มีเต้านม ๔ เต้าบริเวณทรวงอกแล้วก็พุง หมีหมาชอบออกหากินเป็นคู่ในกลางคืน   ลางครั้งเจอในเวลากลางวันบ้าง ปีนต้นไม้ได้แคล่วคล่องว่องไว สร้างรังนอนโดยดึงก้านไม้ เปลือกไม้   มาวางไว้ใต้ท้อง   แล้วปล่อยขาแขวนคร่อมก้านไม้ไว้ โดยเอาคางเกยไว้ตรงง่ามไม้   ยืนด้วย ๒ ขาได้ โดยยิ่งไปกว่านั้นเมื่ออยากได้มองในระยะไกลหรือมองหาศัตรู เวลาเข้าทำร้ายจะแผดเสียงร้องเสมือนสุนัข ของกินที่กินเป็นพวกผลไม้ แมลง ผึ้ง ปลวก ใบไม้ สัตว์ขนาดเล็ก หมีสุนัขโตเต็มวัยพร้อมสืบพันธุ์เมื่ออายุราว ๓-๕ ปี ตั้งครรภ์นานราว ๙๕ วัน ออกลูกครั้งละ ๑-๒ ตัว อายุยืนราว ๒๐ ปี เจอในทุกภาคของไทย  แต่พบได้มากมากมายทางภาคใต้ ในต่างประเทศพบที่ลาว เขมร เวียดนาม เมียนมาร์ บังกลาเทศ   จีน   มาเลเชีย และก็อินโดนีเชีย
ดีหมีในยาจีน
ดีหมีเป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งที่ใช้ในยาจีน มีราคาแพงมากแล้วก็หายาก เครื่องยานี้มีชื่อภาษาละตินตามตำรายาว่า Fel  Ursi มีชื่อสามัญว่า bear  gall  จีนเรียก สงต่าน  (สำเนียงแมนดาริน) ได้จากถุงน้ำดีของหมี ๒ ชนิดหมายถึงหมีควาย Selenarctos  thibetanus (G. Cuvier) แล้วก็หมีสีน้ำตาล หรือ brown bear (Ursus  arctos  Linnaeus) สกุล Ursidae จำพวกข้างหลังไม่พบในธรรมชาติในประเทศไทย ดีหมีที่ได้จากเขตยูนนาน จำนวนมากเป็นดีของหมีควาย จัดเป็นดีหมีที่มีคุณภาพดีเยี่ยมที่สุด ในทางกิจการค้า เรียก อวิ๋นต่าน  (ดีจากยูนนาน) แต่ว่าดีหมีที่มีขายในท้องตลาดอยากได้จากหมีที่พบทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณเฮย์หลงเจียงและก็เขตจี๋หลิน ส่วนมากได้จากหมีสีน้ำตาล ในทางการค้าขายเรียก ตงต่าน  (ดีจากภาคทิศตะวันออก) ซึ่งมีปริมาณมากกว่า
ลักษณะของดีหมี
ดีหมีแห้งมีรูปร่างกลม ยาวรูปไข่  ส่วนบนเรียวและกลวง ส่วนล่างเป็นถุงใหญ่  ยาว ๑๐-๒๐ เซนติเมตร  กว้าง ๕-๑๐ ซม. (ส่วนล่าง) เปลือกนอกสีน้ำตาลอมเทา สีน้ำตาลอมดำ หรือสีเหลืองอมสีน้ำตาล วาวเล็กน้อย ส่วนบนใส ดูได้แทบทะลุผิวบางและร่น เมื่อฉีกให้ขาดจะมองเห็นเป็นเส้นใย ในถุงน้ำดีมีน้ำดีที่แห้งแล้วเป็นก้อนหรือเป็นเม็ด บางครั้งก็เป็นผงหรือก้อนเหนียวๆสีเหลืองทองคำ เป็นเงาเงา เปราะ ดีหมีที่มีสีเหลืองทองคำคล้ายสีอำพัน เนื้อบาง เปราะ วาวเงา มักเรียก ดีหมีสีทอง หรือ ดีหมีสีทองแดง จำพวกทีมีสีดำหรือสีเขียวอมดำ แข็ง มีลักษณะเป็นแผ่น มักเรียก ดีหมีสีดำ  หรือ ดีหมีสีเหล็ก ส่วนชนิดที่มีสีเขียวอมเหลืองเนื้อเปราะ มักเรียก ดีหมีสีกะหล่ำดอกเมื่อเรียกลอง  ดีหมีมีรสขมก่อน ถัดมาจะรู้สึกหวาน กลิ่นหอมสดชื่นเย็นๆหรือ คาวนิดหน่อย อมในปากจะละลายจนถึงหมด ดีหมีที่มีคุณภาพดีควรมีรสขม  เย็น ไม่ติดฟัน  ก้อนน้ำดีสีเหลืองทองคำเป็นมันเงา รสขมช่วงแรก  แล้วหวานตามหลัง
ของจริงหรือของที่เป็นของปลอม
เหตุเพราะดีหมีเป็นเครื่องยาที่หายาก จึงมีของเทียมขายมากในหลายต้นแบบ ยกตัวอย่างเช่น เลียนแบบด้วยดีหมู ดีวัว หรือดีแกะ แต่ว่าอาจตรวจตราดีหมีแท้ได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
๑. แนวทางการตรวจทางด้านกายภาพ บางทีอาจทำได้ด้วยการดูลักษณะทั่วไปข้างนอก และผิวรวมทั้งรูปร่าง ตรวจดูรูเปิดของถุงน้ำดีและรอบๆที่มัด ดูจำนวนของน้ำดีแห้ง (ถ้ามีมากรวมทั้งเต็มบางทีอาจเป็นของปลอม) ตรวจตราน้ำหนักของดี (ถ้าหากมีน้ำหนักมากเกินความจำเป็น บางทีอาจเป็นของผสมเลียนแบบด้วยโลหะลางอย่างเช่นตะกั่ว หรือเหล็กผสมทราย) ตรวจด้วยการเอาผงดีหมีน้อยวางบนนิ้วชี้ หยดน้ำลงไป ๑ หยด แล้วขยี้ด้วยนิ้วหัวแม่มือ (หากเป็นของแท้จะมีกลิ่นหอมสดชื่นเย็น) น้ำดีที่เป็นของแท้จะเปราะ แตกง่าย ได้ผลึกรูปหลายเหลี่ยม   (ถ้าเกิดเป็นของเลียนแบบจะเหนียวและก็แข็ง ไม่เป็นเงา) แม้กระนั้น กรรมวิธีการนี้จึงควรอาศัยประสบการณ์และก็ความชำนาญมากมาย
๒. แนวทางเผาไฟ เอาเข็มเขี่ยๆผงดีหมีบางส่วน   เผาไฟ ถ้าเกิดเป็นของแท้จะปุดเป็นฟอง  แม้กระนั้นหากเป็นของปลอมจะติดไฟหรือเยิ้มเหลว หรืออาจมีปุดเป็นฟองแต่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์
๓. วิธีตรวจด้วยน้ำ เพิ่มเติมน้ำลงในแก้วน้ำ ความจุราว ๓ ใน ๔ แก้ว เอาเกล็ดดีหมีน้อยใส่ลงเบาๆบนผิวน้ำ เกล็ดดีหมีนั้นจะหมุนอย่างรวดเร็วชั่วขณะเวลาหนึ่ง ขณะหมุนอยู่ก็จะละลายไปเรื่อยแล้วจมลงในน้ำ ทำให้เห็นเป็น "เส้นเหลือง" ลงสู่ก้นแก้ว เส้นเหลืองนี้คงอยู่ยาวนานกว่าจะหายไป ถ้าเกิดที่ผิวน้ำมีฝุ่นละอองเล็กน้อยเมื่อใส่เกล็ดดีหมีลงบนผิวน้ำ   ผงดีหมีจะหมุนอย่างรวดเร็วแล้วก็ผลักฝุ่นละอองที่ผิวน้ำให้กระจัดกระจายออก นอกจาก แนวทางแบบนี้ยังคงบางทีอาจใช้เหล้าขาวแทนน้ำ จะเกิดเส้นเหลืองให้เห็นเช่นเดียวกัน
๔. วิธีตรวจทางเคมี ทำได้โดยตรวจสาระสำคัญในดีหมีซึ่งไม่เจอในดีของสัตว์อื่นหมายถึงกรดเอ้อร์โซเดสออกศสิวัวลิก (ursodesoxycholic acid)  ยกตัวอย่างเช่น ด้วยวิธีรงคเลขผิวบาง  (thin-layered  chromatography) หรือด้วยวิธีรงคเลขของเหลวความสามารถสูง  (high  performance  liquid  chromatography  หรือ  HPLC)

คุณประโยชน์แล้วก็ขนาดที่ใช้
ตำราเรียนจีนว่า ดีหมีมีรสขม ฤทธิ์เย็น ใช้เป็นยาลดไข้ แก้อาการชัก บำรุงสายตา ใช้เป็นยาเจริญอาหารรวมทั้งยาชดเชยน้ำดี เป็นยาช่วยชีวิตคนเจ็บที่หมดสติเนื่องมาจากไข้สูง ใช้หยอดตา ทาหัวริดสีดวงทวารหนักที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการปวดบวม ใช้กินเป็นยาแก้โรคตับอักเสบ โรคความดันโลหิตสูง โรคบิดเรื้อรัง ใช้ทีละ ๐.๖-๑.๕ กรัม   โดยชงน้ำดื่ม   หรือทำเป็นยาลูกกลอนก็ได้ หรือใช้ละลายน้ำเล็กน้อยเป็นยาใช้ภายนอก หรือใช้ทำเป็นยาตาก็ได้
ประโยชน์ทางยา
แพทย์แผนไทยใช้ดีหมีเป็นทั้งเครื่องยารวมทั้งกระสายยา หนังสือเรียนสรรพคุณยาโบราณว่าดีหมีมีรสขม หวาน มีสรรพคุณดับพิษร้อนภายใน แก้พิษเพ้อคลั่ง สติลอย ตาเหม่อ บำรุงน้ำดี ขับรถยาให้แล่นทั่วตัว ใช้ดีหมีเป็นยากระจายเลือดลิ่มสำหรับบุคคลที่ซ้ำซอกเพราะตกต้นไม้หรือตกจากที่สูง หรือถูกของแข็งชน ทำให้ฟกช้ำดำเขียว นอกจากดีหมีแล้ว หมอแผนไทยยังรู้จักใช้ "เขี้ยวหมี" เป็นเครื่องยาในตำรับยาหลายขนาน ดังเช่น ยาปรับแก้ขนานหนึ่งใน พระหนังสือมหาโชตรัต ดังต่อไปนี้ สิทธิการิยะ หากใครกันแน่เปนไข้แลให้ร้อนด้านในให้อยากน้ำนัก แลตัวคนไข้นั้นให้แข็งกระด้างอย่างกับท่อนไม้แลท่อนฟืน ให้ตัวนั้นเปนเหน็บชาไปทั่วอีกทั้งกายหยิกไม่เจ็บ ท่านว่ากำเนิดรอยดำภายในแลให้ปากแห้งคอแห้งผากฟันแห้งนมท้อแท้ให้เปนต่างๆนั้น   ท่านว่ารอยแดงผุดออกยังไม่สิ้นยังอยู่ในหัวใจนั้น   ถ้าหากจะแก้ให้เอารากกะตังบาย ๑   จันทน์ทั้งยัง ๒   สนเทศ ๑   ท้อถอยม ๑   เพ่งพิศทุ่งนาศ ๑   รากแตงโหดร้าย ๑   รากหมูปล่อย ๑   หัวมหารอยแดง ๑   หัวกะยามเช้าผีมด ๑   รากไคร้เครือ ๑   ใบระงับ ๑   ใบภิมเสน ๑   ใบเฉมีดพร้าหอม ๑   ใบทองพันชั่ง ๑   เขากวาง ๑   งาช้าง ๑   เขี้ยวเสือ ๑   เขี้ยวหมี ๑   เขี้ยวจระเข้ ๑   เขี้ยวหมูป่า ๑   เขี้ยวแรด ๑   กรามพญานาค ๑   เขี้ยวปลาพยูน ๑   เกสรดอกบัวน้ำทั้ง ๗   ผลสมอพิเภก ๑   เทียนดำ ๑   ใบสทายใจ ๑   เปลือกไข่เป็ดสด ๑   ผลจันทน์ ๑   ดอกจันทน์ ๑   สมอไทย ๑   รากมะรุมบ้าน ๑   รวมยาทั้งนี้เอาเท่าเทียม   ทำผง   แล้วจึงบดปั้นแท่งไว้   ฝนด้วยน้ำดอกไม้   รับประทานพ่น   แก้สรรพไข้ทุกอันดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นมานั้น   หายแล อนึ่ง "เขี้ยวหมี"   เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในพิกัดยาไทยที่เรียก "นวเขี้ยว"   หรือ "เนาวเขี้ยว"   อย่างเช่น   เขี้ยวหมูป่า   เขี้ยวหมี   เขี้ยวเสือ   เขี้ยวแรด   เขี้ยวสุนัขป่า   เขี้ยวปลาพะยูน   เขี้ยวตะไข้  เขี้ยวเลียงหน้าผา   รวมทั้งงา
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions