สัตววัตถุ งูเห่า

สัตววัตถุ งูเห่า

เริ่มโดย watamon, 21 ธันวาคม 2017, 14:04:11

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

watamon


งูเห่า
งูเห่าเป็นงูพิษขนาดปานกลางถึงขนาดใหญ่
มีชื่อวิทยาศาสตร์ Naja naja kaouthia Lesson
มีชื่อสามัญว่า Thai cobra หรือ common cobra หรือ Siamwse cobra
จัดอยู่ในวงศ์ Elapidae งูเห่าหม้อ หรือ งูเห่าไทยก็เรียก
งูเห่าไทยที่โตสุดกำลังมีความยาวราว ๑๓๐ เซนติเมตร วัดขนาดผ่านศูนย์กลางของลำตัวราว ๕ ซม. มีลวดลายสีสันแตกต่างกันออกไปในแต่ละตัว สีที่พบได้บ่อยคือสีเทนดำ  นอกเหนือจากนั้นอาจมีสีน้ำตาลเข้ม เขียวหม่น หรืออมเขียว มักมีสีเดียวกันตลอดทั้งลำตัว ลวดลายบนตัวมีความหลากหลายมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งลวดลายที่คอหรือ "ดอกจัน"งูเห่าไทยที่มักพบมีดอกจันเป็นวงกลมวงเดียว ก็เลยมีชื่อเรียกในภาษษอังกฤษว่า monocellate cobra  บางประเภทมีดอกจันวขี้เหนียวลมตัดกัน ๒ วงคล้ายแว่นตา เรียกงูเห่าแว่น  บางชนิดมีดอกจันรูโกหกอกส้านหรือตาลายอ้อย เรียกงูเห่าดอกส้าน  บางประเภทมีลายดอกจันเป็นรูปอานม้า ก็เรียกงูเห่าอานม้า งูเห่าพ้นพิษ งูเห่าอีกกรุ๊ปหนึ่ง เรียกงูเห่าพ้นพิษ (spitting  cobra) ที่เจอในประเทศไทยมี ๓ ประเภท  ได้แก่
๑.งูเห่าด่างพ่นพิษ (black and white spitting cobra)
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Naja naja siamensis Nutphand
จำพวกย่อยนี้มีลักษณะคล้ายงูเห่าไทย  แม้กระนั้นขนาดเล็กกว่า  ลำตัวยาวราว ๘๐  ซม.  ว่อง  ปราดเปรี่ยว  รวมทั้งดุกว่างูเห่าไทย  พ่นพิษได้ไกลราว ๒ เมตร  ลำตัวมีสีไม่แน่นอน  สีด่างถึงขาว  ดอกจันรูปตัวยู (U)  ในภาษาอังกฤษ  บางที่เรียก  งูเห่าโรคเรื้อน  พบได้บ่อยในภาคตะวันตกรวมทั้งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศไทย  ตัวอย่างเช่นที่จังหวัดกาญจนบุรี  อ่างทอง  สุพรรณ  และก็ตาก  ยิ่งกว่านั้นยังบางทีอาจเจอทางภาคทิศตะวันออกด้วย  เป็นต้นว่า  จันทบุรี  จังหวัดชลบุรี  งูที่พบรอบๆนี้มักไม่มีลายด่างขาว
๒.งูเห่าทองพ่นพิษ (going  spitting  cobra)
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Naja naja sumatranus Var
งูประเภทย่อยนี้มีลำตัวยาวราว  ๙๐  เซนติเมตร  มีสีเหลืองปลอดตลอดตัว  บางตัวอาจมีสีเหลืองอมเขียว  ไม่มีลายสีอื่นๆ ไม่มีดอกจันบนข้างหลังคอรวมทั้งท้องสีขาว  ภาคใต้กล่าวได้ว่างูเห่าปลวก  งูประเภทนี้มีน้ย  เจอเฉพาะทางภาคใต้ของประเทศไทย  อย่างเช่นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช  สุราษฎร์  จังหวัดพัทลุง  และก็สตูล
๓.งูเห่าอีสานพ่นพิษ (isan  spitting  cobra)
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Naja naja isanensis (Nutphand)
งูประเภทย่อยนี้ลำตัวเล็กมากยิ่งกว่าจำพวกย่อยอื่นๆ ยาวราว ๖๐-๗๐ ซม.  ดุ  คล่องแคล่ว  ปราดเปรี่ยว  พ่นพิษเก่งมาก  มีสีเขียวอมเทา  เขียวอมน้ำตาล  หรือเขียวหมองหมดทั้งตัว  ไม่มีลายแจ้งชัด  มักไม่มีดอกจัน  แต่ว่าบางตัวอาจมีดอกจันรูปตัวยู(U) ในภาษาอังกฤษชัดเจนกว่างูเห่าด่างพ่นพิษ  พบได้บ่อยทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองไทย  บางถิ่นเรียก งูเห่าเป่าตา
งูเห่าอีก  พบบ่อยที่จังหวัดสุพรรณบุรี  ประเภทนี้ลำตัวมีสีนวลและไม่มีดอกจัน เรียกงูเห่าสีนวล
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Naja  kaouthia  suphandensis (Nutphand)

ผลดีทางยา
สมุนไพร แพทย์แผนไทยรู้จักใช้รอยเปื้อนงูเห่า กระดูกงูเห่า ดีงูเห่า และน้ำมันงูเห่า ยิ่งกว่านั้นแพทย์ตามบ้านนอกยังคงใช้งูเห่าหมดทั้งตัวย่างไฟจนแห้งกรอบ  ดองเหล้ากินแก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว  แก้ปวดหลัง  แล้วก็แก้ซูบซีดในสตรีหลังคลอดลูก  แล้วก็ใช้หัวงูเห่าสุมไฟให้เป็นถ่าน  ปรุงเป็นยาแก้ชาชักในเด็ก  ลดน้ำหนัก  ว่ามีรสเย็นและก็เมา
๑.คราบเปื้อนงูเห่า  เป็นคราบเปื้อนที่งูเห่าลอกทิ้งเอาไว้ ในพระหนังสือปฐมจินดาร์ให้ยาขนานหนึ่งที่เข้า "คราบเปื้อนงูเห่า" เป็นเครื่องยาด้วย  ดังต่อไปนี้ ภาคหนึ่งยาใช้ภายนอกตัวกุมาร   กันสรรพโรคทั้งมวล  แลจะป่วยอภิฆาฎก็ดี  โอปักกะมิกาพาธก็ดีแล้ว ท่าน ให้เอาใบมะชน คราบเปื้อนงูเห่า หอมแดง สาบนกแร้งสาบกา ขนเม่น ไพลดำ ไพลเหลือง บดทำแท่งไว้ ละลายน้ำนมวัว  ทาตัวกุมาร  ชำระความมัวหมองโทษทั้งปวงดีนัก
๒.กระดูกงูเห่า  มีรสเมา  ร้อน  แก้พิษเลือดลม  แก้จุกเสียด  แก้ษนัย  แก้เมื่อย  แก้ชางต้นตานขโมย  และปรุงเป็นยาแก้แผลเนื้อร้ายต่างๆ ในพระตำราจินดาร์ให้ยาอีกขนานหนึ่งเข้า "กระดูกงูเห่า"  เป็นเครื่องยาด้วย  ดังต่อไปนี้ ยาใช้ภายนอกท้องแก้ท้องเฟ้อ   ขนานนี้ท่านให้เอาใบหนาด ๑ ใบคนทีสอ ๑ ใบลูกประคำไก่ ๑ ใบผักเค็ด ๑ ใบผักเศษไม้ผี ๑ เม็ดในมะนาว ๑ เม็ดในสะบ้ามอญ ๑ มดยอบ ๑ กำยานผี ๑ ตรีกะฎุก ๑ สานส้ม ๑ ดินประสิวขาว ๑ บอแร็ก ๑ กระชายกระทือไพล ๑ หอม ๑ กระเทียมขมิ้นอ้อย ๑ กระดูกงูเหลือม ๑ กระดูกงูเห่า ๑ กระดูกห่าน ๑ กระดูกเลียงเขาหิน ๑ มหาหิงคุ์ยาดำ ๑ รงทอง ๑ รวมยา ๒๘ สิ่งนี้  ทำเปนจูณ  บดทำแท่ง  ละลายน้ำมะกรูดทาท้อง  แก้ท้องรุ้งกินน้ำท้องมาร  แก้มาเกลื่อนกลาดระไษยลม  แก้ไส้พองเอาเสมอภาค  ท้องใหญ่  ท้องเฟ้อท้องเขียว  อุจจาระปัสสาวะไม่ออก  ลมทักขิณคุณ  ลมประวาตคุณ  หายสิ้น
๓.ดีงูเห่า มีรสขม  ร้อน  ผสมยาหยอดตาแก้ตาฝ้า  ตามัว  ตาเฉอะแฉะ  ตาต้อ  และก็บดเป็นกระสายยาช่วยให้ฤทธิ์ยาแล่นเร็ว  ในพระหนังสือปฐมจินดาร์  ให้ยาขนานหนึ่งเข้า "ดีงูเห่า"  เป็นเครื่องยาด้วย  ดังนี้ ยาชื่ออินทรบรรจบคู่กัน  ขนานนี้ท่านให้เอาชะมดพิมเสน ๑ จันทน์ทั้งคู่๑ กฤษณา ๑ กระลำภัก ๑ ขอนดอก ๑ ว่านกลีบแรด ๑ ว่านร่อนทองคำ ๑ ผลมะขามป้อม ๑ ยาดำ ๑ มหาหิงคุ์ ๑ กระเทียม ๑ ดีงูงูเหลือม ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง  เทียนดำ ๑ เทียนขาว ๑ เทียนแดง ๑ เทียนเยาวภานี ๑ เทียนสัตตบุษย์ ๑ ผลจันทน์ดอกจันทน์กานพลูกระวาน ๑ เอาสิ่งละ ๒ สลึง รวมยา ๒๓ สิ่งนี้  ทำเปนจุณ  แล้วจึงเอา ดีงูเห่า ๑ ดีตะไข้ ๑ ดีตะพาบ ๑ ดีปลาช่อน ๑ ดีปลาไหล ๑ เอาสิ่งละ ๑ สลึง  แช่เอาน้ำเปนกระสาย  บดปั้นแท่งไว้  ละลายน้ำดอกไม้รับประทาน  แก้จนหนทาง  หากไม่ฟัง  ละลายเหล้ากินแก้สรรพตาลทรางทั้งมวล  แลแก้ชักเท้ากำมือกำ  หายดีนัก
๔.น้ำมันงูเห่า  จัดเตรียมได้โดยการเอาเปลวมันในตัวงูเห่าใส่ขวด ผึ่งแดดจัดๆ จนเปลวมันละลาย  ใส่เกลือไว้ตูดขวดบางส่วนเพื่อกันเหม็นเน่า  ในแบบเรียนพระยา  พระนารายณ์มียาขี้ผึ้งขนานหนึ่งว่า "น้ำมันงูเห่า" เป็นเครื่องยาด้วย  ดังนี้ สีผึ้งบี้พระเส้น  ให้เอาชะมดอีกทั้ง ๒ ไพล พิมเสน โกฏเชียง  กรุงเขมา  ดีงูงูเหลือม  จันทน์อีกทั้ง ๒ กฤษณา  กระลำพัก สิ่งละเฟื้อง  โกฏสอ โกฏเขมา โกฏจุลาลำภา  โกฏกัตรา  โกฏสิงคี  โกฏหัวบัว  มัชะกิยพระสรัสวดี  กระวาน  กานพลู  ลูกจันทน์  ดอกจันทน์  เทียนดำ  เทียนขาว พริกหอม พริกหาง พริกล่อน  ดีปลี ลูกกราย  ฝิ่น  ขี้ผึ้ง สิ่งละสลึง  กะเทียม  หอมแดง  ขมิ้นอ้อย  ๒ สลึง  ทำเป็นจุณ  ละลายน้ำมะนาว ๑๐ ใบ  น้ำมันงาทนาน ๑  น้ำมันหมูหลิ่ง น้ำมันเสือ น้ำมันตะไข้  น้ำมันงูเห่า น้ำมันงูเหลือม  พอควร  หุงให้อาจจะแต่ว่าน้ำมัน  จึงเอาชันรำโรง ชันย้อย ชันระนัง ใส่ลงพอควร  กวนไปดีแล้วจึงเอาทาแพรทาผ้าถวาย ทรงปิดไว้ ที่พระเส้นอันแข็งนั้นหย่อน

Tags : สมุนไพร
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions