10 อันดับการก่อการร้ายที่อันตรายที่สุด

10 อันดับการก่อการร้ายที่อันตรายที่สุด

เริ่มโดย etatae333, 29 กันยายน 2012, 11:26:04

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

10 อันดับการก่อการร้ายที่อันตรายที่สุด   



ทุกวันนี้โลกเราใช่ว่าจะสงบสุขอย่างที่คิด เพราะตราบใดที่มนุษย์ยังมีความขัดแย้งไม่ลงรอยกัน จิตใจตกต่ำ
เห็นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม เห็นความรุนแรงดีกว่าการแก้ปัญหาด้วยสันติ ทำให้ปัจจุบันโลกเรา
กำลังอยู่ภายใต้สงครามการก่อการร้ายที่พยายามจะก่อกวนสังคมให้ปั่นป่วน และพวกเขามีหลายวิธีที่จะทำให้
การก่อการร้ายเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย และนี้คือ 10 อันดับการก่อการร้ายที่อันตรายที่สุด ที่สำคัญคุณไม่เชื่อว่า
มันอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด



10. Apartment Bombs



อพาร์ทเม้นถือได้ว่าเป็นสถานที่ซ่อนผู้ก่อการร้ายได้เป็นอย่างดี เพราะตามกฎหมายแล้วตำรวจจะไม่ได้รับอนุญาต
ให้ตรวจค้นในพื้นที่นี้ได้ นอกจากจะมีหมายค้นหรือเหตุน่าสงสัย และด้วยช่องว่างกฎหมายนี้ทำให้ผู้ก่อการร้าย
สามารถอาศัยในสังคมเสรี และสามารถใช้ประโยชน์ต่อพื้นที่ปลอดภัยนี้อย่างเต็มที่


โดยภายในพื้นที่เหล่านี้ผู้ก่อการร้ายมักถูกทำเป็นคลังอาวุธที่เต็มไปด้วยปืนและระเบิด หรือแม้แต่ถุงโพรเพนหรือก๊าซโซลีน
ที่ได้รวบรวมแบบกำลังมดอย่างทีละเล็กทีละน้อย โดยเพื่อนบ้านห้องข้างเคียงไม่รู้เลยว่าพวกเขาทำอะไรอยู่ในห้องนั้น
นอกจากอพาร์ทเม้นจะเป็นแหล่งเป้าหมายที่ผู้ก่อการร้ายสร้างความวุ่นวายเป็นอย่างดี อย่างที่เราได้เห็นข่าวอยู่บ่อยๆ
ในเรื่องที่ผู้ก่อการร้ายวางระเบิดอาคารหลายแห่งทั่วโลก เช่นกรณีเหตุการณ์ เมื่อเดือนกันยายน ปี 1999 เมื่อ 4 อพาร์เม้น
ในรัสเซียถูกวางระเบิด ส่งผลทำให้คนกว่า 293 คน ถูกฆ่าและ 651 คนได้รับบาดเจ็บ


ซึ่งรัสเซียกล่าวอ้างว่าเกิดจากการกระทำของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในเชเชน ที่แอบซุกระเบิดไว้ข้างในเมื่อคืนก่อน



9. Water Terrorism



การก่อการร้ายน้ำนั้นมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1346 เมื่อกองทัพมองโกล เข้าโจมตี
เมืองแคฟฟาของอิตาลี กองทัพของมองโกลตั้งทัพอยู่นอกกำแพงอยู่นานไม่อาจเข้าโจมตีเข้าไปในค่ายได้
ต่อมาเกิดกาฬโรคหรือโรคห่าระบาดในกองทัพของมองโกล ทหารล้มตายเป็นเบือ


ศพทหารกองท่วมค่าย แทนทีจะมีการนำศพนั้นไปฝังหรือเผา แม่ทัพมองโกลเกิดไอเดียกระฉูด โดยนำศพทหาร
ที่ตายด้วยโรคห่า ใช้แทนก้อนหิน เข้าเครื่องยิงแล้วยิงข้ามเข้าไปในกำแพงเมือง แคฟฟา คนในเมืองแตกตื่น
กับสภาพศพที่เห็น ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเป็นตุ่มพุพองช้ำเลือดช้ำหนองเน่าแฟะ หนำซ้ำเชื้อโรคยังระบายสู่ชาวเมือง
ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ที่เหลือลอดก็พากันหนีออกไปนอกเมือง จนในที่สุดไม่อาจต้านอาวุธเชื้อโรคของมองโกลได้
เมืองจึงแตก


แต่กระนั้นการก่อร้ายน้ำนั้นก็มีจุดอ่อนเหมือนกัน แม้น้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิต ทุกคนจำเป็นต้องดื่มน้ำ และทุกวันนี้
มีคนประมาณ 1.8 ล้านคนเสียชีวิต เนื่องจากการปนเปื้อนของน้ำก็ตาม แต่กระนั้นมันก็เป็นการยากมากที่จะทำให้น้ำทั้งแม่น้ำ
หรือทะเลสาบปนเปื้อนด้วยสารพิษ (แต่ปัจจุบันไม่จำเป็นแล้วมั้ง เพราะโรงงานจะปล่อยสารพิษให้เอง ฮ่าๆ)


ในปี 1974 เคยมีการก่อการร้ายด้วยวิธีการนี้ เมื่อกลุ่มก่อการร้ายที่เรียกตนเองว่า นีโอนาซีได้ถูกจับกุม
ก่อนที่จะดำเนินแผนการที่จะเพาะเชื้อไทฟอยด์ปนเปื้อนแหล่งน้ำในเมืองใหญ่ของอเมริกา

แต่เหตุการณ์ที่น่ากลัวคือ การปนเปื้อนสารพิษของสถานีกรองน้ำที่ส่งน้ำให้ครัวเรือนใช้ต่างหาก ลองคิดดูว่า
หากองค์กรก่อการร้ายได้เข้ามาในศูนย์กระจายน้ำ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามแล้วทำให้น้ำใน ณ ที่นั้นปนเปื้อนสารพิษ
ได้สำเร็จละก็ มันคงเป็นการก่ออาชญากรรมครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ แน่นอน




8. Attack Sniper



การซุ่มยิง เป็นวิธีสุดฮิตของการก่อการร้ายทั่วโลกที่มีประสิทธิภาพ และสร้างความหวาดกลัวต่อศัตรูได้เป็นอย่างดี
ในเดือนตุลาคม 2002 ฆาตกรต่อเนื่องนาม จอห์น อัลเลน มูฮัมหมัด และ ลี บอยด์ในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา
(วอชิงตันดีซี, แมรี่แลนด์, วอร์จิเนีย, วอชิงตัน ฯลฯ) ได้ฆ่าคนสิบกว่าคนและบาดเจ็บมากมาย โดยใช้ปืนยาว
ซุ่มยิงกึ่งอัตโนมัติ Bushmaster .223 ฆ่าคนไม่เลือกหน้าอย่างสนุกสนาน ก่อนที่ถูกจับและถูกพิพากษา


แต่กระนั้นเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลทำให้ชาวอเมริกาทั่วทั้งประเทศแตกตื่นไม่กล้าที่จะเดินเล่นในที่เปิดโล่ง
หรือขึ้นรถสาธารณะหรือไปสถานีบริการน้ำมันเครือข่ายก่อการร้ายก็มักใช้วิธีซุ่มยิงนี้เสมอ พวกเขามีปืนสไนเปอร์
ที่สามารถยิงได้ แม้ตัวผู้ถูกยิง จะอยู่ห่างจากเป้าหมายหลายเมตร (สถิตโลกระยะยิงไกลอยู่ที่ 2470 เมตร)


ที่นี้ลองคิดดูว่าเมื่อ พลซุ่มยิงประจำตำแหน่งในอาคารที่สูงทำทีเหมือนถ่ายภาพ (ปืนสไนเปอร์รูปร่างเหมือนกล้องส่อง
ทางไกลมาก) กำลังซุ่มหาเหยื่อในเมืองใหญ่ที่เป็นช่วงจราจรวุ่นวาย จากนั้นก็ยิง เมื่อยิงเสร็จก็รีบหนี จากจุดยิงทันที
อย่างรวดเร็ว โดยไม่ทิ้งอะไรไว้เลย และทำแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าและเปลี่ยนสถานที่ทุกครั้ง
และนี้แหละคือความน่ากลัวของการซุ่มยิง




7. Biological Warfare



สงครามเชื้อโรคคือ การใช้วัสดุอินทรีย์ที่เป็นอันตราย เช่น ไวรัสและแบคทีเรียที่ทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
และกว้างขวาง การระบาดของโรคติดเชื้อนั้นร้ายแรงสามารถฆ่าคนหลายล้านคนทั่วโลกได้ขอเพียงมีคนหนึ่งติด
ก็สามารถกระจายวงกว้างให้คนอื่นติดต่อกันเป็นทอดๆได้


ยกตัวอย่างเช่น โรคเอดส์และโรคมาลาเรีย หากกลุ่มก่อการร้ายประสบสำเร็จในการเข้าถึงโรคดังกล่าวและนำมาปล่อย
ในสถานที่สาธารณะที่แออัด ผลกระทบที่ตามมานั้นใหญ่หลวงมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านกายภาพและด้านจิตใจ
ครั้งหนึ่งอเมริกาได้เผชิญหน้ากับการก่อการร้ายแบบใหม่หลังจากเหตุการณ์ 9/11 ที่เรียกว่า "สงครามเชื้อโรค"
เมื่อในวันที่ 18 กันยายน ปี 2001 มีการพบผงแป้งสีขาวในซองจดหมายที่ส่งไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น
สื่อมวลชนและนักการเมืองจำนวนมาก


ซึ่งภายหลังทราบว่าผงแป้งดังกล่าวเป็นเชื้อโรคแอนแทร็กซ์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน และล้มป่วยอีก 17 คน
ด้วยเหตุการณ์ในครั้งนี้ส่งผลทำให้โลกเกิดความหวาดกลัวการก่อการร้ายอีกครั้ง และเชื่อว่าเหตุครั้งนี้เป็นการก่อการร้าย
ขององค์กรอัลกออิดะห์ หากแต่ต่อมามีการยืนยันแล้วจากผลการตรวจดีเอ็นเอในซองจดหมายเมื่อปี 2002 พบว่าจดหมาย
ดังกล่าวถูกส่งผ่านไปรษณีย์อเมริกา และเชื้อดังกล่าวมาจากห้องปฏิบัติการทางการทหารของสหรัฐ และผู้ต้องสงสัย
คนนั้นคือนายบรูซ เอ็ดเวิร์ด ไอวินส์เป็นนักวิจัยอาวุโสวัย 62 ปี ของห้องแลบสถาบันการแพทย์ป้องกันภัยจากอาวุธชีวภาพ
ที่ฟอร์ตเดทริค รัฐแมรี่แลนด์ของสหรัฐฯ ( United States Army Medical Research Institute of Infectious Diseases)

และเขาก็เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่เข้าตรวจสอบที่มาของคดีดังกล่าว หากแต่ผลสุดท้ายเอฟบีไอก็ไม่สามารถจับกุมเขา
เนื่องจากนายบรูซชิงฆ่าตัวตายเสียก่อนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2008 โดยสาเหตุการตายคือเขากินยาไทลีนอลจำนวนมาก




6. Suicide Attacks



การโจมตีแบบฆ่าตัวตาย (สมัยก่อนเรียกระเบิดพลีชีพ แต่ปัจจุบันทางการนิยมใช้คำนี้มากกว่า) มีความหมายว่าบุคคลที่สละชีวิต
ของตนเอง เพื่อให้ก่อความเสียหายและทำลายล้างมากที่สุด การโจมตีโดยการฆ่าตัวตายนั้นส่วนมากมักจะใช้การก่อการร้าย
ที่มือระเบิดนำระเบิดติดตัวเข้าไปในสถานที่เป้าหมายแล้วจุดระเบิดขึ้น เพื่อฆ่าผู้คนในสถานที่นั้นพร้อมกัน หรือจะใช้ปืนยิงเข้าฝูงชน
หรือจะใช้ยานพาหนะ ฯลฯ


โดยส่วนมากมือระเบิดฆ่าตัวตายมักจะก่อเหตุในประเทศแถบตะวันออกกลาง เช่น อัฟกานิสถาน, อิรัก กากีสถาน ฯลฯ
โดยหนึ่งในเหตุการณ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ เหตุการณ์ 9/11 ซึ่งเป็นเหตุการณ์วินาศกรรมของการปล้นเครื่องบินในสหรัฐอเมริกา
โดยเครื่องบินพาณิชย์ ได้ชนเข้ากับเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ และอาคารเพนตากอน โดยเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 2,977 คน


และยังมีเหตุการณ์เมื่อเดือนกันยายน 2004 คนกว่า 334 คนต้องตาย (รวมทั้งเด็ก) เมื่อผู้ก่อการร้ายเซเซนได้ระเบิดตัวเองฆ่าตัวตาย
ในโรงเรียนรัสเซียในกรุงบาสก์ หลังจากก่อการยึดตัวประกันแล้วเจรจาต่อลองล้มเหลวสามวันการโจมตีโดยการฆ่าตัวตายนั้น
เป็นหนึ่งในวิธีที่ยากที่สุดในการป้องกัน และไม่สามารถคาดการได้ว่าจะเกิดขึ้นที่ไหนเมื่อใด ซึ่งแม้จะรู้ก็สายไปเสียแล้ว




5. Misinformation



ข่าวเท็จคือการแพร่กระจายข่าวที่เป็นเท็จ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นข่าวไม่ดี ทำให้เกิดภัยคุกคามต่อหน่วยงานหรือประชาชน
ซึ่งส่งผลทำให้เกิดความเสียหายทางอ้อมกับประชาชน ข่าวเท็จถือว่าเป็นการก่อการร้ายทางจิตวิทยาที่คนร้ายมักใช้ประจำ
เช่น คนตะโกนเตือนฝูงคนที่อยู่ในพื้นที่แออัดว่ามีไฟไหม้ แน่นอนว่าหลายคนต้องตื่นตระหนกและวิ่งไปในสถานที่ปลอดภัย
ส่งผลทำให้มีการเหยียบกันตายและบาดเจ็บหลายรายปัจจุบันกลุ่มก่อการร้ายมีความรู้และมีเครือข่ายที่ทันสมัยมาก


พวกเขามักใช้เส้นสายทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์กระจายข่าวเท็จเกี่ยวกับภัยก่อการร้ายอย่างต่อเนื่อง เช่น
วันนี้ฉันจะไปก่อการร้ายที่นี้นะ รัฐบาลรับมือให้ดีล่ะ หรือ การปล่อยข่าวลือสร้างความสับสน การโกหกบริการฉุกเฉินค่ำคืน
และหากกลุ่มก่อการร้ายสามารถเข้าถึงระบบการสื่อสารได้ละก็ บางทีโลกของเราอาจจะเหมือนภาพยนตร์เรื่อง DIE HARD4 ก็ได้




4. Mail Attacks



พัสดุระเบิดหรืออาวุธก่อการร้ายที่ส่งมากับไปรษณีย์ (หรือจะส่งเอง) นั้นเป็นการก่อการร้ายที่สุดฮิตทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่ช่วง
ต้นศตวรรษที่ 18 เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่าย ไร้ร่องรอย แต่มีประสิทธิภาพสูง เพราะเราไม่รู้เลยว่าของข้างในนั้นเป็นอะไร
มันมีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง และกว่าจะรู้ก็สายไปเสียแล้วในการป้องกัน อีกทั้งมันยังส่งผลต่อจิตวิทยาเพราะการส่งไปรษณีย์นั้น
เป็นของในชีวิตประจำวันที่ขาดไม่ได้ของสังคมโลกเสรี


หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดที่สุด ในการก่อการร้ายโดยพัสดุระเบิด คือ ธีโอเดอร์ คาซินสกี้ ที่รู้จักกันดีในนาม "ยูนาบอมเบอร์"
อดีตศาสตราจารย์ที่ใช้ส่งพัสดุระเบิดไปให้เป้าหมาย และสามารถฆ่าเหยื่อได้สามคนและเขาสามารถลอยนวลกว่า 20 ปี
กว่าที่จะถูกจับ ซึ่งระหว่างที่เขาลอยนวลอยู่นั้นเขาทำให้สังคมอเมริกาหวาดกลัว และสามารถประกาศอุดมคติของเขาได้อย่างชัดเจน


นอกจากระเบิดที่ส่งมาในพัสดุแล้ว สิ่งที่ผู้ก่อการร้ายมักจะส่งมาด้วยก็คือเชื้อโรค สสารอันตรายชนิดต่างๆ หากกลุ่มก่อการร้าย
สามารถพัฒนาเรื่องเหล่านี้ให้มีอานุภาพร้ายแรงได้ละก็ คงไม่ต้องคิดและว่าโลกเราจะตกอยู่ในความหวาดกลัวขนาดไหน




3. Nuclear and 'Dirty' Bombs



มีข่าวที่น่าจะเป็นจริงหลุดออกจากปากประธานาธิบดีโอบาม่า ในที่ประชุมสุดยอดผู้นำจาก 40 ประเทศทั่วโลกว่า
ตอนนี้กลุ่มก่อการร้ายอันตรายอย่างอัลกออิดะห์ได้มีอาวุธนิวเคลียร์ที่พร้อมจะยิงทุกเมื่อได้ตามที่ต้องการแล้ว


ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับอาวุธหนึ่งที่น่ากลัวพอๆ กับอาวุธนิวเคลียร์นั่นก็คือการใช้ระเบิดสกปรก ซึ่งหมายความว่า
เป็นระเบิดที่มีสารกัมมันตรังสีผสมกับวัตถุระเบิด เมื่อระเบิดไม่เพียงแต่มันจะสร้างความเสียหายเท่านั่น แต่มันยังส่ง
รังสีนิวเคลียร์สู่ชั้นบรรยากาศ และสารพิษในรัศมีวงใหญ่ ซึ่งถ้ามันระเบิดในพื้นที่ประชาการขนาดใหญ่ละก็
ผลกระทบของมันจะเหมือนที่เกิดภัยพิบัติในเหตุการณ์โรงงานเชอร์โนบิลนิวเคลียร์ระเบิด ในปี 1986
ที่ส่งผลทำให้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นตายเพราะพิษรังสีหรือเป็นโรคมะเร็ง


โชคดีอยู่อย่าง คือ กลุ่มก่อการร้ายที่จะใช้ระเบิดสกปรกนั้นจำเป็นต้องมีสารกัมมันตรังสี ต้องมีความรู้เรื่องอุปกรณ์
และต้องมีทักษะการสร้างระดับหนึ่ง แต่กระนั้นก็วางใจไม่ได้เพราะว่าระเบิดและสารเหล่านี้ยังคงหลงเหลือจาก
อดีตสหภาพโซเวียต และตอนนี้มันก็ได้หายไปปรากฏอยู่ในตลาดมืด




2. Improvised Explosive Device (IED)



คาร์บอม เป็นระเบิดที่กลุ่มก่อการร้ายมักจะใช้ในการโจมตีในสถานที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นทางการทหารหรือพลเรือน
แม้ประสิทธิภาพความเสียหายของมันจะมีขนาดเล็ก แต่กระนั้นมันก็สะดวกในการเคลื่อนย้าย สร้างง่ายและราคาถูก
และหากระเบิด IED อัดแน่นเต็มรถละก็มันจะกลายเป็นระเบิดขนาดใหญ่ที่น่ากลัวและป้องกันยากมาก
เพราะเราไม่รู้ว่ารถธรรมดามากมายเหล่านั้น รถไหนมีระเบิด


หนึ่งในเหตุการณ์ที่ผู้ก่อการร้ายโจมตีด้วยรถระเบิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ คือ การลอบวางระเบิดอาคาร
อัลเฟรต พี. เมอร์ราห์ในใจกลางเมืองโอคลาโฮมา ซิตี้ ในวันที่ 19 เมษายน 1995 โดยผู้ก่อการร้ายชื่อ
ทีโมธี แม็คเวห์ นักนิยมขวาจัด ใช้รถบรรทุกที่ซุกซ่อนระเบิดเอาไว้ แรงระเบิดนี้ได้ทำลายอาคารเกือบทั้งหลัง
ส่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 168 คน บาดเจ็บกว่า 800 คน เหยื่อของความ รุนแรง


ส่วนหนึ่งคือเด็กที่อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กที่อยู่ภายในตึกนั้น และนี่คือการก่อการร้ายโดยคน ในประเทศครั้งร้ายแรงที่สุด
ในประวัติศาสตร์ ของสหรัฐฯ ปัจจุบันคาร์บอมได้รับความนิยมไปทั่วโลกที่กลุ่มก่อการร้ายได้ใช้กัน
โดยการโจมตีครั้งร้ายแรงที่สุด คือการใช้คาร์บอม 4 คันระเบิดในบริเวณ Qahtaniya และจาซีรา ในปี 2007
เหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 796 รายและบาดเจ็บ 1500 คน




1. Train Attacks



และนี้คือการก่อการร้ายที่ร้ายแรงที่สุดอันดับ 1 รถไฟและระบบขนส่งถือว่าเป็นเป้าหมายการก่อการร้ายได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากมันง่ายกว่าเครื่องบินและเรือ อีกทั้งเมื่อเกิดความเสียหายจะเกิดวงกว้างมีประสิทธิภาพสูง ผู้ก่อการร้ายอาจโจมตี
รถไฟจากภายนอกแทนที่จะอยู่ในรถไฟ หรืออาจจะติดตั้งระเบิดบนรางรถไฟ และจะระเบิดเมื่อรถไฟผ่านมา


นอกจากนี้ที่อันตรายที่สุดคือหากคนร้ายเล็งหรือเลือกเป้าหมายรถไฟที่ขนส่งวัสดุอันตรายหรือวัตถุระเบิดในขณะผ่านบริเวณ
ที่เป็นที่อยู่อาศัยละก็ มันจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่โลกต้องจดจำเป็นแน่แท้ เหตุการณ์ก่อการร้ายโดยรถไฟนั้นมีมากมาย
หลายเหตุการณ์เช่น


20 มีนาคม 1995 สาวกลัทธิโอมชินรีเกียวปล่อยพิษซารินบนรถไฟใต้ดินแถวชินจูกุส่งผลทำให้ ให้คน 12 คนเสียชีวิต
และบาดเจ็บ 5,510 คน เป็นคดีฆาตกรรมอย่างไม่เลือกตัวครั้งใหญ่ที่สุด หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และสร้างความตื่นตระหนก
ไปจนทั่วโลก หรือจะเป็นเหตุการณ์เมื่อปี 2001 เมื่อรถไฟโดยสารถูกวางระเบิดในแองโกรา เมื่อผู้ก่อการร้ายวางระเบิด
ต่อต้านรถถัง ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 250 คน


credit :: toptenthailand.com
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

Obko

 dsgjsd hgjhgมีความรู้มากครับ ขอบคุณครับ
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

seedzer

friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

del38196

friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
Post By Soccer Box Office SBO