หมอมาร์เซล์ ปดีต (Dr Marcel Petiot) คนเลวโลกสาปส่ง คูหามรณะ

หมอมาร์เซล์ ปดีต (Dr Marcel Petiot) คนเลวโลกสาปส่ง คูหามรณะ

เริ่มโดย etatae333, 23 พฤศจิกายน 2012, 16:35:50

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

หมอมาร์เซล์ ปดีต คนเลวโลกสาปส่ง คูหามรณะ



"ด้วยปฏิญาณแห่งข้า ข้าขอสาบานจะนับถือบูชาอาจารย์ดุจบิดามารดาอันเป็นที่รักของข้า
ข้าจะปฏิบัติต่อผู้ป่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจ จักดูแลรักษาพวกเขาเต็มความสามารถเท่าที่จะทำได้
ข้าจักไม่ให้โอสถอันเป็นพิษแก่ใคร ๆ แม้จะได้รับการเรียกร้องขอก็ตาม ความลับของผู้ป่วย
ที่ข้าไปรู้เห็นข้าจะรักษามันไว้ด้วยชีวิต ด้วยสัจจะนี้ ขอให้ข้าจงประสบแต่ความสุขความเจริญ
ในชีวิตข้าตลอดไป..................."


คำปฏิญาณการเป็นแพทย์ของฮิบโปเครติสบิดาแห่งแพทย์ศาสตร์ ดังไปทั่วสถานที่รับปริญญาบัตร
แพทย์ศาสตร์ บางคนต่างร่ำไห้ที่สำเร็จการศึกษา เพื่อที่จะใช้วิชานั้นสร้างประโยชน์แก่สังคม โดยไม่เห็นแก่ได้
ยกเว้น คน ๆ คนหนึ่ง เขาไม่กล่าวคำสาบานของบิดาการแพทย์เลย กลับนั่งตรงมุม หัวเราะเงียบ ๆ
กับคำสาบานของบิดาการแพทย์ผู้นั้น เพราะในหัวของเขามีแต่เรื่องฆ่า กับฆ่า และกำไรและกำไร
หมอมาร์เซล์ อดีต หมอชาวฝรั่งเศส ที่ต่อมาเขาได้ใช้ประโยชน์สงครามโลกครั้งที่สองเป็นเครื่องมือ
ฆ่าคนเพียงเพื่อฆ่าชิงทรัพย์เท่านั้น ผลคือ ชีวิตของผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่อของหมอ 63 ชีวิต
ตายอย่างสยดสยองในคูหามรณะที่เขาสร้างขึ้น


ชื่อและความชั่วของเขาโด่งดังไปทั่วโลกเทียบชั้นหมอดีที่ทำคุณประโยชน์บางคนเสียอีก
เรามาทำความรู้จักกับฆาตกรคนนี้กันเถอะ


หมอปีศาจ



ชีวิตวัยเด็กของหมอมาร์เซล์ไม่มีใครทราบมากนัก รู้เพียงแต่ว่าเขาเกิดที่เมืองโอแซร์ ประเทศฝรั่งเศส
เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงมักพูดตรงกันว่าเขามีนิสัยซาดิสม์มาตั้งแต่เด็ก ชอบกระทำทารุณแก่แก่สัตว์
หรือเด็กที่เล็กกว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาผ่าตัดเพื่อศึกษาว่าตัดส่วนไหนให้สัตว์พิการโดยไม่ตาย


เมื่อความสนุกกับการทรมานสัตว์นาน ๆ เข้า มาร์เซล์เริ่มมีความรู้สึกอยากเป็นหมอ เพราะเขาเริ่มสนใจ
ร่างกายมนุษย์ และเป็นอาชีพที่ทำมาหากินง่ายกว่าอาชีพอื่น ๆ

ในสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง มาร์เซล์ได้ไปทำงานที่หน่วยพยาบาลผู้บาดเจ็บที่เมืองดีชอง
ระหว่างนั้นเขามักขโมยเอามอร์ฟีนไปขายแก่พวกขี้ยาเสมอ ที่นี้เอง มาร์เซล์เขาได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง
เห็นคนเจ็บคนตายที่ร้องขอชีวิต การฉีดยาพิษเข้าเส้นประสาทแก่คนใกล้ตายเพื่อให้ตายอย่างสงบ
เลือด ความตาย มาร์เซล์เริ่มหลงใหลกับชีวิตนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น

หลังจากนั้นเขาได้ไปศึกษาวิชาการแพทย์ จนสำเร็จในปี 1921 หมอมาร์เซล์เรียกใบอนุญาต
การเป็นหมอว่า "เครื่องมือสร้างเงิน"


ต่อมา หมอมาร์เซล์มาตั้งร้านทำมาหากินที่เมืองวิลเนิฟ ซูร์ ยอนน์ เขามักพูดเรื่องคำสาบาน
ของปรมาจารย์ฮิปโปคราติสกับเพื่อนร่วมงานอยู่บ่อย ๆ ว่า
"คำสาบานของไอ้แก่ ฮิปโปคราติสหรือ ฉันไม่สนหรอก ฉันสนเงินมากกว่า ฉันอยากได้เงิน
อยากได้เพื่อบำเรอความสุขของฉัน และตอนนี้ฉันมีวิธีหาเงินกว่าร้อยกว่าวิธีแล้วล่ะ"


หมอมาร์เซล์เริ่มทำงานทางด้านนี้ ครั้งแรกเมื่อรักษาคนรวยจะเก็บค่ายา ค่ารักษาราคาแพง
ส่วนคนจนเขาจะรักษาฟรี โดยเหตุนี้บรรดาชาวบ้านต่างตะหนักว่าหมอมาร์เซล์ได้พึ่งพาได้ตามต้องการ 
นอกจากนั้นหมอมาร์เซล์ยังมีอาชีพเสริมอีกคือ การขายยาเสพย์ติด และการทำแท้งเถื่อนของหญิงสาว!

เรื่องน่ากลัวเริ่มเกิดขึ้นแล้ว

ข่าวการสูญหายของหญิงสาวสวย ที่กำลังตั้งท้องหลายรายเริ่มเกิดขึ้น พร้อมกับเพื่อนบ้านที่ได้ยินเสียง
ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดในบ้านของคุณหมอใจดีผู้คนนั้น แต่อย่างมากข่าวลือนี้ชาวบ้าน
แค่ซุบซิบกันเล่น ๆ เท่านั้น เพราะเวลานั้นหมอมาร์เซล์เป็นที่นับถือของคนในหมู่บ้านมาก
ถึงขั้นขนาดแต่งตั้งหมอมาร์เซล์เป็นนายกเทศมนตรีที่เดียว


ปี 1930 คนไข้คนหนึ่งของหมอซึ่งเป็นเจ้าของร้านในระแวกนั้นถูกฆ่าและปล้นทรัพย์ มีคนพบเห็น
หมอป้วนเปี้ยนสถานที่ที่เกิดเหตุก่อนที่เจ้าของร้านถูกฆ่า นอกจากนี้ก็มีเหตุการณ์คนไข้ที่เป็นโรคไขข้อ
ของหมอตายอย่างฉับพลัน อย่างมีเงื่อนงำหลายราย แต่หมอดันออกใบมรณะบัตรว่า "ตายอย่างปกติ"
สร้างความขุ่นเคืองต่อชาวบ้านมาก จนมีข่าวลือที่เสียหายตามมาเป็นระลอก


ชีวิตของหมอในเมืองเนิฟฟ ซูร์ ยอนน์ ชักจะร้อนระอุเสียแล้ว ขืนปลอยไว้นานจะไม่เป็นผลดีเสียแล้ว
เมื่อหมอมาร์เซล์คตคิดได้ดังนั้น จึงเก็บข้าวของหนี และอพยพไปอยู่กรุงปารีสก่อนที่เรื่องจะบานปลายมากกว่านี้
ที่นั้นเองคือจุดเริ่มต้นของคูหามรณะ  เมื่อหมอมาถึงเมืองปารีส ก็เริ่มอาชีพทำมาหากินทันที่
ร้านหมอหมายเลข 60 ถนนโคมาร์แตง แหล่งที่ คึกคัก หรูหราที่สุดในเมือง หมอเริ่มขายยาเสพติด
แก่พวกติดยาในราคาถูก ๆ การรับจ้างทำแท้งเถื่อนแก่ผู้ไม่ปรารถนาจะมีบุตร คือวิธีที่หมอคนนี้ถนัด
จนในไม่ช้าลูกค้าที่จงรักภักดีเยอะแยะ หลายคนมักเห็นเขาว่าเขาเป็นสามีที่ดี เป็นคนเคร่งศาสนา
ไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ มีลักษณะของพลเมืองดีไว้อย่างครบถ้วน

แต่นี้เป็นแค่หน้ากากภายนอกเท่านั้น ส่วนในจิตใจหมอมาร์เซล์กำลังหาโอกาส โอกาสที่จะทำกำไร
เข้ากระเป๋าของตนอย่างมหาศาล ขอแค่โอกาสเท่านั้น


คูหามรณะ 



และวันนั้นก็มาถึง ปี 1940 เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพนาซีได้ยาตราเข้ามาในกรุงปารีส
อย่างง่ายดาย เพราะฝรั่งเศสขอยอมแพ้โดยไม่ขัดขื่น หลายคนที่ชอบประวัติสาเหตุโลก และชอบ
สงครามโลกครั้งที่ 2 คงทราบว่าฮิตเลอร์ผู้นำนาซีและเยอรมันนั่นเป็นคนที่รังเกียจชาวยิวอย่างยิ่ง
เขาคิดหลากหลายวิธีที่จะกำจัดชาวยิวออกไปจากโลก และได้ให้คำสั่งที่น่ากลัวแก่เหล่าทหารนาซี
ของเขาว่า


"จงกำลังชาวยิวที่พบเห็นให้หมด" 

นี้เองที่ทำให้นาซีได้แต่งตั้งตำรวจลับเกสตาโปขึ้นในฝรั่งเศส หน้าที่ของตำรวจลับคือสืบเสาะ
และสังหารผู้ต่อต้านนาซี จับกุมผู้ที่คาดว่าเป็นชาวยิวในฝรั่งเศสให้หมดเพื่อส่งไปค่ายมรณะ
หรือไม่ก็ค่ายกักกันและใช้แรงงานหนักจนตาย  พวกชาวยิวที่อยู่นครหลวงในฝรั่งเศสค่อย ๆ หายสาบสูญ
บางคนไม่รู้ว่าญาติของตนหายแล้วไปอยู่ที่ค่ายมรณะ บางคนเตรียมที่จะหนีไปนอกประเทศ
แต่ไม่มีโอกาสทั้ง ๆ ที่มีเงินมาก

สถานการณ์นี้แหละที่เข้าทางความคิดของหมออย่างยิ่ง ที่จะสร้างกำไรเข้ากระเป๋า
และความปรารถนาที่จะปลดปล่อยสันดานซาดิสม์ในวัยเด็กของเขาได้ซักที


หมอมาร์เซล์ซื้อคฤหาสน์ร้างแห่งหนึ่ง หมายเลข 21 ถนนเลอเซอร์ ราคาครึ่งล้านฟรัค์ แล้วก็ตกแต่ง
เสียใหม่ให้เหมาะต่อการปฏิบัติการโหดของเขา ห้องที่เก็บเสียงที่มิดชิด หน้าต่างที่ถูกปูนโบกปิดสนิท
ยกเว้นประตูบานเดียวทุกห้อง และทุกห้องถูกเจาะรูถ้ำมองเอาไว้ มีครั้งหนึ่งช่างเกิดสงสัยจะถามหมอว่า
ทำไปทำไม หมอบอกสั้น ๆ ว่าเพื่อสังเกตคนไข้โรคจิต และส่วนที่เป็นที่ ลับสุดยอดของคฤหาสน์ร้าง
แห่งนี้คือ เตาเผาขนาดยักษ์หนึ่งเตาในห้องใต้ดิน


คริสต์มาสปี 1941 ทุกสิ่งทุกอย่างก็พร้อม  พร้อมสำหรับทำอะไร?

หมอมาร์เชล์เริ่มแพร่ประกาศข่าวออกไป ว่าเขาสามารถติดต่อพวกใต้ดินฝรั่งเศส สามารถแอบพาคน
ที่เกสตาโปกำลังล่าตัวอยู่หนีไปยังสเปนหรือคิวบาได้ พวกที่คิดหนีสามารถติดต่อได้ แต่มีข้อแม้คือ
ต้องใช้เงินสำหรับเตรียมการหนีมากหน่อย และต้องฉีดยาป้องกันโรคก่อนที่จะเข้าไปประเทศที่ลี้ภัยได้
พวกชาวยิวและพวกต่อต้านที่กำลังขวัญเสียได้ยินข่าวนี้ก็ยอมทันที ขายข้าวของทรัพย์สมบัติ
เพื่อให้ตัวเขากับครอบครัวหนีออกไปประเทศฝรั่งเศส ทุกคนต่างไปคฤหาสน์ร้างนั้น
แต่ไม่มีใครสักคนที่รอดชีวิตออกมา


เกิดขึ้นอะไรในนั้น?



ครั้งแรกเมื่อเหยื่อมาถึงหมอให้ถลกแขนฉีดยาซึ่งความจริงแล้วคือยาพิษ แต่ฤทธิ์ของมันออกช้ามาก
ก่อนเวลามาถึง หมอก็ให้เหยื่อพักที่ห้องเก็บเสียงก่อน จากนั้นปิดล็อกและหมอก็ถ้ำมองที่รูที่เจาะไว้
รอจนกว่ายาออกฤทธิ์ เหยื่อชักกระตุก น้ำลายฟูมปาก หน้าเขียว เมื่อเหยื่อตายแล้ว ก็ลากเอาศพ
ลงไปยังห้องใต้ดิน เอามาลงแช่ในน้ำปูนขาวที่ซื้อมอริสน้องชายแท้ ๆ ที่เมืองโอแชร์ส่งมาให้
เสร็จแล้วก็ยัดศพเข้าเตาเผา สุดท้ายก็ตรวจดูทรัพย์สินที่เหยื่อทิ้งไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นแก้วแหวนเงินทอง
ทรัพย์สินต่าง ๆ มาลงบัญชีรายละเอียดไว้เป็นราย ๆ ไป

เขารู้สึกมีความสุขมากที่นับเงินนั้น แม้มีข่าวไม่ดีว่าไม่มีใครออกจากคฤหาสน์ร้างนั้น แต่ลูกค้า
ก็ยังแห่เข้าคิวหาหมอมากยิ่งขึ้น ทั้งชาวยิวเล็ดรอดจากเกสตาโป ครอบครัวมั่งคั่งที่กลัวพวกนาซี
ยึดทรัพย์ก็ดี หรือแม้แต่เพื่อนหมอที่อยากหนีจากฝรั่งเศส แต่ทั้งหมดนี้เมื่อเข้าคฤหาสน์นั้นแล้ว
ไม่มีใครรอดกลับออกมาอีกเลยนับแต่นั้น


เป็นเวลาถึง 18 เดือน หมอมาร์เซล์ชักรู้สึกกระฉับกระฉายเพราะเหยื่อไม่มาหาถึงที่สักที
หมอจึงแก้ปัญหาวิธีนี้โดยเอาคนไข้ถนนโคมาร์แตงมาสังหารที่คฤหาสน์เสียเลย ไม่มีใครสงสัยหรอก
เพราะทุกคนกำลังหวาดกลัวสงครามโลกอยู่ โดยที่ภรรยาไม่สงสัยหมอแม้แต่น้อยว่าทำไม
ต้องเอาคนไข้ไปรักษาถึงคฤหาสน์นั้นให้ยุ่งยากด้วย

ปลายเดือนฤดูใบไม้ผลิ ปี 1943 ปฏิบัติการโหดของหมอมีอาการสะดุด เพราะพวกเกสตาโปงเริ่มงง
สงสัยมานานแล้วว่าพวกชาวยิวที่ตนกำลังควานหาตัวอยู่นานนั้นหายไปไหนกันหมด
เมื่อสืบไปสืบมาจึงรู้ว่าพวกนี้ล้วนแต่มีสายโยงมาถึงหมอ และเริ่มสงสัยหมอว่าเป็นสาย
พวกใต้ดินฝรั่งเศสลักลอบพาคนหนี


เมื่อคิดได้ดังนั้นนั้นจึงส่งเกสตาโปคนหนึ่งไปสืบ โดยแกล้งทำเป็นพวกหนีออกนอกประเทศ
เพื่อจับให้ได้คาหนังคาเขา แต่กลับถูกหมอฆ่าไปเสียนี่ มันเป็นหลักฐานที่ได้มาด้วยชีวิต
พวกนาซีเมื่อรู้ว่าพวกตนไม่กลับมาจึงรีบตะครุบตัวหมอ จับขังไว้หลายเดือน



จนกระทั้งถูกปล่อยตัวเมื่อต้นปี 1944 เพราะหมอแก้ตัวว่าที่ทำไปเพื่อวัตถุประสงค์กำจัดชาวยิว
และพวกต่อต้านนาซี พวกนาซีได้ฟังดังนั้นก็ชอบใจ มันตรงความสมประสงค์ของพวกเขา
และต่างพากันเอาหู เอาตาไปไร่ เพราะเมื่อเขากลับเขาก็เริ่มกิจกรรมกับโรงงานฆ่าคนอย่างที่เคย
แต่มาคราวนี้ไม่มีโอกาสที่เอาศพมาแช่ปูนขาวก่อนเผาอีกแล้ว เพราะระหว่างที่หมอมาร์เซล์
ถูกจับตัวไป มอริสน้องชายได้มาเยี่ยมที่ปารีสและพบกับความลับในคฤหาสน์ที่ถนนเลอเซอร์เข้า
จึงรู้ทันทีว่าพี่ชายซื้อปูนขาวจำนวนมากมายไปทำอะไร

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือในการส่งปูนขาวให้อีก การเผาศพโดยไม่แช่ปูนขาว
จะทำให้เกิดควันไฟพลุ่งจากปล่องและส่งกลิ่นเหม็นมากขึ้น ทำให้บริเวณบ้านใกล้เรือนเคียง
ต่างทนไม่ไหวกับกลิ่นนี้ แต่ตอนนั้นยังไม่มีใครติดใจสงสัยว่าหมอกำลังเผาอะไรในคฤหาสน์หลังนั้น
จนกระทั้ง.......................


ความลับเปิดเผย



11 มีนาคม 1944 เจ้าของบ้านเลขที่ 20 ถนนสายเดียวกัน ได้พาและกองดับเพลิงจำนวนมาก
มาคฤหาสน์หลังนั้น เพราะสงสัยว่าควันนั้นอาจเกิดจากไฟไหม้ พอดีหมอมาร์เซล์ไม่อยู่บ้าน
ตำรวจและกองดับเพลิงไม่มีเวลาไปตามตัวหมอ เพราะไฟอาจลามไปข้างเคียงได้ จึงได้บุกเข้าไป
พบว่าต้นเพลิงอยู่ชั้นใต้ดิน พบเตาเผาที่กำลังลุกไหม้ และสิ่งที่สยดสยองที่ไม่เคยพบในโลกนี้
ซากศพที่ถูกตัดเป็นท่อน ๆ ที่เกลื่อนกลาดราวกับขยะ นับคล่าว ๆ ได้ประมาณ 27 ศพ
มีทั้งเพศชาย หญิง คนแก่ และเด็ก ทุกศพถูกหัน ชิ้นส่วนกระจัดกระจาย ไม่ว่าจะเป็น ศีรษะ ลำตัว
แขนขา หมอมาร์เซล์ได้ยินข่าวก็รีบมาที่ คฤหาสน์ทันที

"เอ้อ.............คือว่าศพทั้งหมดนี้เป็นพวกทรยศชาติกับทหารนาซี ผมจำเป็นต้องสังหารน่ะครับ"
หมอแก้ตัวอย่างนั้น

น่าแปลกที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่เชื่อคำแก้ตัวของหมอ เนื่องจากบุคลิกที่น่าเชื่อถือของหมอเอง
หรือช่วงนี้ใกล้จะยุติสงครามโลกครั้งที่สองแล้วเพราะฝ่ายสัมพันธมิตรใกล้จะปลดปล่อยฝรั่งเศส
จากเยอรมันเร็ว ๆ นี้ จึงไม่ใส่ใจอะไรกับคดีมากนัก และวันนั้นเองตำรวจก็กลับไปโดยไม่มีการ
จับกุมตัวหมอใด ๆ ทั้งสิ้น

หมอมาร์เซล์รู้ตัวดีว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องปิดฉากคูหามรณะเสียที่ เขารีบเก็บของแล้วเผ่นไปจากปารีส
ไปหลบซ่อนในบ้านนอก ในขณะเดียวกันตำรวจดันไปเจอกองมหาสมบัติและบัญชีรายชื่อคนเข้า
ห้องมรณะจำนวนกว่า 63 คน เมื่อตำรวจสอบประวัติผู้ตายแล้วไม่พบคนทรยศชาติสักคน
แต่ก็สายไปแล้ว หมอมาร์เซล์หลบหนีออกจากปารีสและไม่พบข่าวคราวอีกเลย ตำรวจทำได้แค่
ลงหน้าและเรื่องราวของหมอมาร์เซล์ไว้ในหนังสือพิมพ์แจกจ่ายไปทั่วปารีสเท่านั้น


จุดจบ



วันนี้เป็นวันเฉลิมชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่สอง ตามถนนชองป์ เอลิเซ นำโดยขบวนกองทัพ
ของนายพลเดอโกลด์ มีชายคนหนึ่งเขาไว้หนวดไว้เครา มีเหรียญตราเก๊ๆมาประดับที่หน้าอก
เดินร่วมกับเขา "นั้นหมอมารืเซล์ ปดีต นี้" ตำรวจที่ต้องการตัวหมออย่างหนักจำเขาได้
และหมอมาร์เซล์ก็ถูกจับในวันนั้นเอง


เมื่อชีวิตของผู้คนกลับคืนสู่ปรกติหลังจากการปลดปล่อยแล้ว ตำรวจได้สะสางคดีหมอมาร์เซล์ใหม่
หมอยืนยันเขาสังหารเฉพาะคนทรยศชาติและนั้น คำตลอด 18 เดือนที่ถูกศาลชัก แต่คราวนี้
คณะลูกขุนไม่โง่เหมือนพวกตำรวจ หลักฐานต่าง ๆ เช่น หีบห่อเสื้อหากว่า 1500 ชุด
ห้องในคฤหาสน์มรณะ บัญชีรายชื่อเหยื่อ และเงินที่จดบันทึกเป็นหลักฐานที่หมอดิ้นไม่หยุด
ตอนที่ศาลอ่านคำพิพากษา ณะนั้นคนอื่นเข้าร่วมส่งเสียกันระเบ็งเซ็งแซ่จนจำเลยแทบ
ไม่ได้ยินคำตัดสิน จนต้องถามคนข้างเคียงว่าตนมีความผิดหรือไม่

"นายถูกตัดสินประหารชีวิตน่ะ" คนข้างเคียงบอก

หมอมาร์เซล์มีได้ยินว่าถูกลงโทษประหาร ก็แหกปากร้อง

"กูจะแก้แค้น"

เรื่องตลกที่ตลกไม่ออก



เช้าตรู่ 26 พฤษภาคม 1946 ขณะที่หมอมาร์เซล์กำลังเดินเข้าไปสู่กิโยตินเพื่อประหารชีวิตนั้น
หมอมาร์เซล์ได้ขอร้องคนข้างเคียงเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตว่า

"ขอปัสสาวะหน่อยน่ะ"

คนข้างเคียงตอบกลับไปว่า
"แล้วที่ลูกค้าที่นายสังหารทั้ง 63 คนน่ะ พวกเขาได้รับความปรานีจากนายสักคนหรือเปล่าล่ะ"

หมอมาร์เซล์ไม่ตอบคำถามนี้ คอตก ยอมรับความตายที่อยู่ข้างหน้า
หมอมาร์เซลล์ถูกกิโยตินปั่นหัวออกจากร่างในเช้าตรู่ ตายทั้ง ๆ ที่ปวดฉี่อยู่

"ด้วยปฏิญาณแห่งข้า ข้าขอสาบานจะนับถือบูชาอาจารย์ดุจบิดามารดาอันเป็นที่............"

คำปฏิญาณการเป็นแพทย์ของฮิบโปเครติสบิดาแห่งแพทย์ศาสตร์ยังดังไปทั่วสถานที่รับปริญญาบัตร
แพทย์ศาสตร์ทั่วโลก แต่เชื่อเลยว่าปีศาจในร่างของหมอนอกจากหมอมาร์เซล์ยังเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย
และความโหดเหี้ยมที่ตามมาอย่างซ่อนเงื่อนและฉลาดกว่าเดิม ตราบใดที่มนุษย์ยังมีรัก โลภ โกรธ หลง
อยู่อย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดไป................


[embed=560,349]<iframe frameborder="0" width="480" height="360" src="http://www.dailymotion.com/embed/video/x4xwd3"></iframe>[/embed]

ข้อมูลจาก ต่วนตูนพิเศษ ฉบับปีที่ 317 เดือนกรกฎาคม 2544
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

pheebar

ไม่เคยได้ยินกรณีนี้มาก่อนเลย

ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ  eta08
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

surnite

เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับคูหามรณะมาบ้างนิดหน่อย
มาอ่านที่นี่ได้รู้เพิ่มขึ้นอีกมากเลย
ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันให้อ่านครับ  pongz
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

Jaguar

friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

gundam1974

friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

nigthfoxclub

โหดเกิ๊นนนน

ปล.ขอบคุณที่นำมาให้อ่านครับ
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

Barball

โหดแท้เหลา   scary

จริงๆ คนที่เรียนหมอน่าจะมีการตรวจสุขภาพจิตก่อนนะ

เป็นข่าวมาหลายรายแระหมอโรคจิต บรื๋อออออ  ghjk
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

PeachZ

เมื่อคนยังมีความโลภ อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ  red001 red001
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions