Norse Mythology: Episode 4 – โอดิน: ราชาแห่งเทพ

Norse Mythology: Episode 4 – โอดิน: ราชาแห่งเทพ

เริ่มโดย etatae333, 03 มกราคม 2014, 17:18:14

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

Norse Mythology: Episode 4 – โอดิน: ราชาแห่งเทพ



โอดินดำรงฐานะจอมเทพ (เทพแห่งเทพ) สูงที่สุดในบรรดาเทพชาวเหนือทั้งหลาย แต่ชีวิตของพระองค์ไม่ได้สบายเหมือนกับตำแหน่ง
กลับมีแต่ความรันทดมาตลอด สิ่งเดียวที่ช่วยพระองค์ไว้ตลอดเวลาก็คือความแข็งแกร่งครับท่านผู้อ่าน ความแข็งแกร่งของชายชาตินักรบ
ที่ถึงแม้จะรู้จุดจบของตัวเองและพวกพ้องก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอหรือเขลาขลาดใดๆ ออกมา


ความแข็งแกร่งของจิตใจนี่ละครับที่เป็นจุดเด่นของโอดิน ทำให้ผู้คนทางยุโรปภาคกลางซึ่งก็คือคนเชื้อชาติเยอรมันที่แผ่ตัวลงไปยอมรับ
นับถือเป็นที่ยิ่ง แต่เรียกชื่อโอดินเพี้ยนไปจากเดิมบ้าง เช่นว่า โวทัน (Wotan) หรือ โวเดน (Woden) เทพพิทักษ์นักรบเป็นที่มาของ
ชื่อวันพุธ (Wednesday) ในภาษาฝรั่งนั่นไง




อย่างที่เล่าไว้แต่ต้นว่า โอดินเป็นลูกของบอร์-เทพเริ่มแรกของโลก และบรรดาเทพอื่นๆ ที่อยู่บนแอสการ์ดต่างก็เป็นลูกหลานของเทพองค์
ซะเกือบทั้งสิ้น รูปร่างของโอดินในความนึกคิดของชาวเหนือส่วนใหญ่จึงเป็นชายชราสวมหมวกปีกกว้างซ่อนใบหน้าไว้ในเงามืด
นั่งอยู่บนบัลลังก์ฮลิดสเกียบ (Hlidskialf) ซึ่งทำให้สามารถสอดส่องความเป็นไปต่างๆ ในโลกทั้งเก้าได้ โดยมีฟริกก้า (Frigga)
เมียคนที่สองแต่รักที่สุด นั่งเคียงข้างบนบัลลังก์องค์นี้ได้เพียงคนเดียว

อันที่จริงโอดินมีเมียหลายคนเชียวครับท่านผู้อ่าน มีทั้งเทพด้วยกันและยักษีประเภทต่างๆ (ตามความนิยมในสมัยนั้น) ทว่าพวกที่ได้รับการ
ยกย่องมีอยู่ไม่เท่าไหร่ คนแรกคือจอร์ด (Jord) หรือเออดา (Erda) เป็นลูกของภาวะหมุนวนสับสนรอบๆ กินนันกาแก๊บกับยักษีตนหนึ่ง
ไม่ปรากฏนาม (เป็นลักษณะการสืบพันธุ์ที่ประหลาดสิ้นดี)



โอดินมีลูกกับเมียผู้มีกำเนิดค่อนข้างประหลาดคนนี้หนึ่งนั่นคือ ธอร์ (Thor) เทพแห่งสายฟ้าผู้ซึ่งแข็งแกร่งที่สุด

เมียคนที่สามชื่อว่ารินด้า (Rinda) คนนี้เป็นตัวแทนของความแห้งแล้งของแผ่นดินที่หนาวเหน็บในช่วงหน้าหนาว ตอนไหนที่เจ้าหล่อนไปอยู่กับสามี
แผ่นดินที่เคยหนาวเหน็บจะอุ่นขึ้น (ก็เจ้าแม่แห่งความหนาวไม่อยู่เสียแล้วนี่) เป็นช่วงที่ตอนเหนือมีฤดูร้อนช่วงสั้นๆ ความที่รินด้าเจ้าแม่แห่งความ
แห้งแล้งจากแผ่นดินถิ่นที่อยู่ของมนุษย์แค่ช่วงสั้นๆ ชาวเหนือเลยทึกทักให้หล่อนเป็นภรรยาที่มีนิสัยค่อนข้างรังเกียจสามีเอามากๆ เจ้าหล่อนถึงให้
เวลาโอดินอยู่ด้วยเพียงปีละช่วงสั้นๆ เท่านั้น แต่กับรินด้าคนนี้ละครับ ที่โอดินก็มีลูกด้วย ชื่อว่าวาลี (Vali) เป็นหนึ่งในบรรดาเทพไม่กี่องค์ที่เหลือรอด
จากแร็กนาร็อคและเป็นคนสำคัญอีกคนหนึ่งเกี่ยวกับความตายของบาลเดอร์ (Balder) เทพแห่งสัจจะและแสงสว่าง


นอกจากภาพที่ปรากฏกับบรรดาเมียเหล่านี้แล้ว โอดินจอมเทพยังมักแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักรบเสมอๆ เทพจะถือหอกกังเนอร์ (Gungnir)
อาวุธประจำกาย ใส่แหวนดรอพเนอร์ (Draupnir) (บางแห่งว่ามันเป็นกำไลแขน-แต่ไม่ว่าจะเป็นแหวนหรือกำไลแขน มันก็เป็นวงกลมซึ่งเป็นรูป
ทรงที่พลังของมันจะหมุนอยู่ตลอดไป ที่มาของหอกและแหวนอยู่ในบทของคนแคระครับ แหวนหรือกำไลแขนดรอบเนอร์ที่ว่า มีลักษณะพิเศษ
ตรงที่เกิดใหม่ทุก 7 วัน ... แหวนอันนี้แบ่งตัวเองออกมาใหม่ แล้วตัวเก่าก็อันตรธาน เพื่อให้แหวนดรอบเนอร์ใหม่อยู่เสมอ



มีอีกาชื่อฮิวกิน (Hugin) (ความคิด) และมิวนิน (Munin) (ความจำ) เกาะบนไหล่ซ้าย-ขวาคอยกระซิบบอกข่าวใหม่ๆ ที่นายสั่งให้มันบิน
ออกไปสังเกตเป็นพิเศษ นอกจากนกทั้งสองตัวนี้แล้ว เทพยังมีสัตว์เลี้ยงแสนรักเป็นหมาป่าอีกสองตัวชื่อ เกอรี่ (Geri) และเฟรกี (Freki)
ซึ่งมีอุปนิสัยคล้ายคลึงกับเขามาก นัยว่านิสัยของมันคือสัญชาตญาณการล่าที่มีอยู่ในตัวมหาเทพเอง หมาป่าทั้งสองตัวมักจะคอยอยู่ข้างๆ นาย
รับอาหารจำพวกเนื้อที่เขาเอามาวางไว้ตรงหน้าโอดิน ในเมื่อจอมเทพไม่กินเนื้อ สิ่งเดียวที่ทำให้เขายังชีพในสวรรค์ได้เป็นอย่างดีคือเหล้าน้ำผึ้ง
อาหารซึ่งมีให้กินอย่างไม่อั้นในวัลฮัลลา (Valhalla) โถงแห่งวิญญาณนักรบที่ได้รับเลือก หมาป่าทั้งสองก็เปรมไปละครับ



ที่มาของปัญญา



นอกจากโอดินจะได้การยกย่องว่าเป็นเทพแห่งนักรบแล้วนะครับ ท่านยังเป็นเทพแห่งปัญญาและภูมิรู้ด้วย และภูมิรู้ที่มากเกินบรรยายนั้นโอดิน
ได้มาตั้งแต่ครั้งการสร้างโลกนั่นแหละ ก็หลังจากที่โอดินกับน้องๆ ช่วยกันสร้างโลกจากร่างของอีเมอร์เสร็จแล้วนั่นแหละ เขาก็รี่ไปหา
ไมเมอร์-อารักษ์แห่งน้ำพุปัญญา ด้วยรู้ว่าน้ำที่นี่หากใครได้ดื่มจะได้ความรู้สรรพวิชา รวมทั้งเห็นกาลในอนาคตอย่างชัดเจน ติดอยู่แต่ว่าไมเมอร์
ย่อมไม่ให้คนที่ไม่มีเหตุผลพอได้ดื่มได้ลิ้มรสน้ำจากแหล่งนี้ โอดินถึงขนาดต้องอ้อนวอน อ้างว่าด้วยตำแหน่งราชาแห่งเทพ เขาจำเป็น
ต้องมีความรอบรู้ไม่ว่าจะในศาสตร์ไหนเพื่อให้การปกครองของเขาราบรื่นที่สุด


ไมเมอร์คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตกลงโดยมีข้อแลกเปลี่ยน เขาว่าหากโอดินต้องการความรู้มากจริงๆ จะต้องควักตาข้างหนึ่งออกมาแลกกับการดื่มน้ำครั้งเดียว
แต่เพราะความกระหายในวิชาต่างๆ ทำให้โอดินไม่หยุดคิดอะไรต่อไป เขาควักตาข้างหนึ่งแลกกับน้ำ ซึ่งไมเมอร์ตักใส่จอกส่งให้ ไมเมอร์นำดวงตา
ข้างนั้นของโอดินทิ้งลงในบ่อแลกกับความรู้ที่แฝงไปกับน้ำ "ดวงตาของโอดิน" ดวงกลมๆ สีเหลืองนวลยังคงอยู่กับบ่อน้ำทุกบ่อ
น้ำทุกแหล่งในคืนวันเพ็ญมาจนทุกวันนี้ (ก็คือเงาสะท้อนของดวงจันทร์ในน้ำนั่นไงครับ ... เข้าใจคิดเหมือนกันแฮะ ส่วนตาข้างที่เหลืออยู่
ก็เลยกลายเป็นสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์ไปโดยปริยาย)



โอดินค่อยๆ ละเลียดน้ำวิเศษผ่านลำคอ ความรู้ของสรรพวิชาต่างๆ ที่เขากระหายอยากได้ก็ค่อยๆไหลเข้าสู่ร่าง ไม่ว่าจะเป็นความรู้เรื่องกวีนิพนธ์
ไสยเวทย์หรืออื่นใด จากนั้นเป็นต้นมาเทพองค์นี้จึงกลายเป็นเทพอุปถัมภ์ หมอดู กวีนิพนธ์และพ่อมดไปในทันที ทว่าสิ่งที่รวมมากับน้ำคือการ
เห็นอนาคตข้างหน้าที่เขาต้องการนักหนากลับเป็นสิ่งที่เกินกว่าจะรับได้ เพราะนอกจากจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของจักรวาลและทุกสิ่งทุกอย่าง
เห็นความตายของลูกรัก ยังได้เห็นช่วงเวลาจบสิ้นของทุกสิ่งทุกอย่าง นั่นคือช่วงแร็กนาร็อค (Raknarok) ซึ่งภาพทุกภาพชัดเจนกระหน่ำ
อยู่ในหัวโอดินแค่ช่วงเสี้ยววินาที ชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นต่อไปทำให้ใบหน้าซึ่งเคยสดใสร่าเริงของโอดินหมองลง บางครั้งการรู้อนาคตล่วงหน้า
ก็ไม่ได้นำมาซึ่งความสุขเสมอไป เขากลายเป็นคนเงียบขรึมตั้งแต่นั้น ไม่กินอาหาร ดื่มแต่เฉพาะเหล้าน้ำผึ้ง เพื่อให้ความเมาสลายความทุกข์ลงไปบ้าง
เหตุที่ต้องสร้างวัลฮัลลาและวัลคีรี



ด้วยเหตุนี้อีกละครับที่ทำให้โอดินคิดจะเริ่มสะสมกำลังไว้ข้างหน้าอย่างน้อยก็ไม่ได้ตายอย่างเสียเกียรติเกินไป เทพจัดตั้งกองทัพวัลคิรีขึ้น
นางคือนางฟ้าดำแห่งความตาย ทั้งๆ ที่รูปลักษณ์งดงาม ผิวขาว ผมทอง เป็นสาวพรหมจรรย์ซึ่งมีฐานะกึ่งเทพ วัลคีรีที่แท้จริงคือแรงเร้าแห่งการฆ่า
พวกนางมีหน้าที่สองอย่างคือ สรรหาเลือกเฟ้นวิญญาณนักรบผู้กล้ากับคอยดูแลเลี้ยงดูเขาในวัลฮัลลา เมื่อไรก็ตามที่เกิดการรบขึ้นในโลกมนุษย์
โอดินจะส่งวัลคิรีไปรอดู นักรบคนใดที่สู้ตายชนิดยังมีความกระหายสงครามค้างอยู่ในดวงตาและมือเต็มไปด้วยเลือด วัลคิรีก็จะเลือกคนนั้นไป
กับพวกหล่อนข้ามสะพานรุ้งน้ำแข็งขึ้นไปบนวัลฮัลลา วิญญาณนักรบพวกนี้เรียกกันว่าพวกเอนเฮเรียร์ ครับ



งานเลี้ยงพวกเอนเฮเรียร์ (Einheriar)



โอดินมีพระราชวังใหญ่ๆ อยู่สามแห่งในแอสการ์ด คือแกลดเฮม (Gladsheim) โถงที่ประชุมของเทพ วาลาสเคียฟ (Valaskialf)
ซึ่งฮลิดสเคียฟ (Hlidskialf) ตั้งอยู่ และวัลฮัลลา (Valhalla) พระราชวังซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกวิญญาณนักรบที่ได้รับเลือกขึ้นมา
อันนี้ตั้งอยู่ในเกลเซอร์ (Glasir) กลางป่าวิเศษซึ่งใบไม้ในป่านี้เป็นสีทองอมแดง


วัลฮัลลา คือพระราชวังที่มีขนาดมหัศจรรย์ เล่ากันว่ามีประตูเข้าออกถึง 540 แห่ง แต่ละแห่งกว้างพอที่จะให้นักรบตัวโตๆ แปดคนเดิน
เรียงแถวหน้ากระดานเข้าไปได้อย่างสบายๆ ที่นี่มีโต๊ะยาวเป็นจำนวนมากให้พวกเอนเฮเรียร์เข้าประจำที่ คบไฟจุดไว้ตามผนัง
แสงคบเพลิงสะท้อนใบหอกเป็นประกายวาววับอยู่ในแสงไฟ อาหารเตรียมพร้อมไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นหมูย่าง เบียร์หรือเหล้าน้ำผึ้ง
ในเวลานี้วัลคีรีจะมีหน้าที่ๆ ดุเดือดน้อยลงเยอะ คือเจ้าหล่อนเหล่านั้นจะเป็นผู้นำอาหารมาเสิร์ฟให้นักรบ คอยดูแลไม่ให้จานอาหารของเขาพร่อง
หรือเขาสัตว์ที่ใช้แทนถ้วยดื่มน้ำจะมีเหล้าไม่เต็ม นมแพะที่นำมาให้นักรบดื่มมาจากเต้าของแพะเฮดรัน เนื้อที่ใช้เสิร์ฟบนวัลฮัลลาเป็นเนื้อที่มา
จากหมูป่าของเทพตัวหนึ่งชื่อ แซริมเนอร์ (Saehrim) มันจะถูกพ่อครัว แอนด์ริมเนอร์ (Andhrimnir) เชือดทุกวัน พอการเลี้ยงเสร็จสิ้นลง
หมูแซริมเนอร์ก็รวมตัวกันขึ้นใหม่ กลายเป็นหมูป่าสำหรับพ่อครัวเชือดวนเวียนไม่จบสิ้น ทำให้วัลฮัลลาไม่เคยขาดเนื้อในการเลี้ยงเลย



หลังจากที่กินอาหารเสร็จ นักรบเอนเฮเรียร์จะพากันจับอาวุธออกไปที่ลานรอบวัง ฝึกปรือการต่อสู้หรือส่วนใหญ่ต่อสู้กันจริงให้ตาย
(หลอกๆ เพราะถึงแก่ความตายจากบนโลกมาทีหนึ่งแล้ว) รอจนกระทั่งเสียงเป่าเขาเรียกกินอาหารเย็น จึงเข้าร่วมโต๊ะกันอีกหน
โดยมีโอดินนั่งเป็นประธานที่สุดห้องโถง พระองค์จะนั่งดูนักรบเหล่านั้นสนทนาพูดคุยกันอย่างมีความสุข หวังเพียงแต่สักวันหนึ่งเมื่อ
ถึงเวลานักรบพวกนี้จะสามัคคีร่วมมือในศึกครั้งสุดท้ายอย่างดีที่สุด




อย่างนี้คงไม่ต้องบอกหรอกนะครับว่า โอดินจะชอบพระราชวังไหนมากที่สุด ใช่แล้วละ ... วัลฮัลลานั่นแหละ นับตั้งแต่ที่พระองค์ได้เห็นภาพอนาคต
โอดินก็ตกอยู่ในความขมขื่น พระองค์มักจะสิงอยู่ในวัลฮัลลาครั้งละนานๆ ดื่มเหล้าพลางมองพวกนักรบซ้อมๆ กันไปพลาง วัลฮัลลากลายเป็นสวรรค์
แสนสุขของนักรบ คนมีฝีมือในการรบทุกคนในสมัยนั้นฝันถึงวัลฮัลลา ทำให้ผู้ชายจากมิดการ์ด (ก็คือมนุษย์เรานี่ละครับ) มีศรัทธาต่อการได้ขึ้น
สวรรค์แบบนี้มาก สงครามจึงกลายเป็นความกล้าหาญ เป็นสิ่งที่ควรทำและทำอย่างดุเดือดในวัยหนุ่ม เพราะการตายด้วยวัยชราที่ปราศจาก
คมหอก-คมดาบ เป็นการตายที่น่าอายที่สุด (การขึ้นสวรรค์วัลฮัลลานี่ ภายหลังเชื่อว่ามีทางลัดด้วย คือการผูกคอตายครับ อันนี้เขาคงเอาไปปนกับ
ความเชื่อตอนที่โอดินแขวนคอตัวเองบนต้นอิกดราซิล แต่ผลจะได้ขึ้นสวรรค์หรือเปล่าไม่รับรอง)



เล่ากันว่าพวกที่โอดินชอบที่สุดเห็นจะเป็นวิญญาณนักรบที่มีสมญานามว่า เบอร์เซอร์ค (Berserk) มาจากพวกที่สวมเสื้อหนังหมี (Bearskin)
แทนเกราะ (เหตุที่เขาใส่เพียงหนังหมีเพราะเชื่อว่าโอดินเทพเจ้าของเขาจะเป็นโล่ป้องกันอยู่แล้ว) นักรบพวกนี้จึงเป็นพวกที่กล้าหาญที่สุด ร้ายกาจที่สุด
จะฆ่าศัตรูไม่ว่าหน้าไหนไม่เว้นกระทั่งศัตรูนั้นจะเป็นญาติพี่น้องของตนเอง


สร้างอักษรรูน (Rune)



เรื่องเล่าของโอดินนี่คงจบไม่ได้นะครับถ้าหากขาดสิ่งที่เชื่อว่าเขาประดิษฐ์ไว้ให้มนุษย์ นั่นคืออักษรรูนครับท่านผู้อ่าน (คุ้นๆ กับแฟนๆ พ่อมดน้อยไหมนี่)
เนื่องด้วยโอดินตระหนักในค่าแห่งความรู้ที่เขาได้มาว่ายากเย็นและเจ็บปวดเพียงใด เขาเลยแขวนคอตัวเองกับกิ่งอิกดราซิลอยู่เก้าวัน-เก้าคืน จ้องมอง
ไปยังแผ่นดินอันมืดมิดของนิฟล์เฮม พิจารณาความรู้อันกว้างไกลของพระองค์ คิดหาทางจะให้เทพและมนุษย์อื่นเข้าถึงได้บ้าง


ความทรมานที่ได้รับระหว่างเก้าวันเก้าคืน บวกกับการเพ่งพิจารณา (เหมือนการเข้าฌานสมาธินะครับเนี่ย แต่วิธีแปลกจัง) อย่างละเอียด วินาทีที่โอดิน
พบความลับบางอย่างของความตายร่างกายของพระองค์ก็ทนไม่ไหว หยุดทำงานไปดื้อๆ (ก็ตายนั่นละครับ) ทว่าความลับของความตายที่โอดิน
ได้พบมาหยกๆ ยังคงค้างอยู่ในสมอง เมื่อผนวกกับแรงปรารถนายิ่งใหญ่ แล้วมันก็มากพอที่จะผลักดันตัวเองให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง



ความรู้นี่ละครับที่ทำให้โอดินประดิษฐ์อักษรรูนขึ้น ความที่มันเกิดจากความตาย อักษรรูนจึงกลายเป็นอักษรศักดิ์สิทธิ์ ใช้กับการเสกคาถา-ร่ายคำสาป
ในวิชาไสยเวทย์ (ตรงนี้ทำให้โอดินมีฐานะเป็นพ่อมดคนแรกของโลกนะครับนี่) โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้กับการจารลงบนอาวุธเพื่อไม่ให้พลาดเป้า


credit : ต้นข้าว @dek-d.com
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

meaw_meow

 pongz สุดยอดเกร็ดความรู้จริง ๆ ครับ น่าติดตามทุกตอนเลย
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

nangkwaiji

ยอดมาก เคยรู้จักแต่ชื่อนะนี้
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

Daran

friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions