Show posts - penguin4
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - penguin4

#1
เพลงชาติไทย เพลงประจำชาตของชนชาติไทย อ่านแล้วได้ความรู้

ขอแนะนำเว็บเพลงชาติไทย เพลงประจำชาตของปวงชนชาวไทย อ่านแล้วได้ประโยชน์ เชิญติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับเพลงชาติไทย.comอ่านรายละเอียดอย่างครอบคลุมได้จากเนื้อหานี้ครับ สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมากล่าวเกี่ยวกับเว็บไซต์เพลงชาติไทย.com ที่รวมข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับเพลงชาติไทย และประวัติศาสตร์เกี่ยวเพลงประเทศชาติ

เพลงประเทศไทยลำดับที่ 1 ในปี พ.ศ. 2414 - 2431 พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เป็นผู้แต่งเนื้อร้อง และตั้งชื่อเพลงว่า "จอมราชจงเจริญ" ซึ่งเพลง "จอมราชจงเจริญ" ถือว่าเป็น เพลงประเทศชาติ ฉบับแรกของประเทศสยาม ซึ่งดัดแปลงเนื้อร้องของเพลง "ก็อด เซฟ เดอะ ควีน"

เพลงประเทศชาติลำดับที่ 2 (ช่วงเดียวกับลำดับที่ 1) ในยุค รัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา ในปี พ.ศ. 2414 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาส เมืองสิงคโปร์ ในขณะนั้นสิงคโปร์ยังเป็นเมืองขึ้น ของประเทศอังกฤษอยู่ กองทหารดุริยางค์ สิงคโปร์ บรรเลงเพลงกอดเสฟเดอะควีน เพื่อถวายความเคารพ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงรับทราบดีว่าประเทศจำเป็น จะต้องมีเพลงชาติที่เป็นของตัวเองขึ้น เพื่อแสดงถึงความเป็นเอกราชของชาติครั้นเมื่อทรง เสด็จกลับถึงพระนคร จึงได้โปรดให้ตั้งคณะครูดนตรีไทยขึ้น เพื่อทรงปรึกษา หาเพลงชาต ิที่มีความเป็นไทย มาใช้แทนเพลงกอดเสฟเดอะควีน คณะครูดนตรีไทย ได้เลือก เพลงทรง พระสุบัน หรือเรียกอีกอย่างว่า เพลงบุหลันลอยเลื่อน ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 โดยนำมารีไรท์ใหม่ ให้มีความเป็น สากลขึ้น โดย เฮวุดเซน (Heutsen)

เพลงชาติไทย ฉบับที่ 3 ในช่วงปีพ.ศ.2431-2475 ได้กำเนิด เพลงประเทศชาติ ฉบับที่ 3 คือ เพลงสรรเสริญพระบารมีที่ใช้อยู่ ณ ยุคนี้ ซึ่งประพันธ์โดย ปโยตร์ สชูโรฟสกี้ (Pyotr Schurovsky) นักประพันธ์ชาวรัสเซีย คำร้องเป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

เพลงชาติลำดับที่ 3 นั้นเกิดขึ้นในรัชสมัย รัชกาลที่ 5 เช่นกัน โดยประพันธ์ทำนองโดย นักประพันธ์ชาวรัสเซีย ปโยตร์ สชูโรฟสกี้ (Pyotr Schurovsky) คำร้องเป็นบทพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ใช้บรรเลงเป็นเพลงชาติในระหว่าง ปี 2431 – 2475 ใช้มาเนิ่นนานเพราะมี ท่วงทำนองไพเราะ บทความสมบูรณ์ และทุกวันนี้ก็ใช้อยู่ในนามของ เพลงสรรเสริญพระบารมี

เพลงประเทศไทยลำดับที่ 4 ในปี พ.ศ. 2475 เพลงชาติไทย ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงต่อมาอีก ในช่วงปีพ.ศ.2475 เป็นฉบับที่ 4 ซึ่งใช้ "เพลงชาติมหาชัย" มาเป็นเพลงชาติ ในระหว่างที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองปีพ.ศ.2475 โดยได้อาศัยทำนองเพลงมหาชัย ด้านเนื้อร้อง ประพันธ์โดย เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เพื่อใช้ขับร้องและปลุกใจประชาชน ก่อให้เกิดความรักชาติและสร้างความสามัคคี ในขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยเนื้อ เพลงประเทศชาติ ในสมัยนั้น

เพลงประเทศชาติลำดับที่ 4 เกิดขึ้นภายภายหลังที่ชาติไทยได้มีการเปลี่ยนการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย (24 เดือนมิถุนายน 2475) แล้ว เพลงชาติลำดับนี้เป็นเพลงชาติชั่วคราว (เพราะว่ามีการเตรียมการโดยสังเขปที่จะสร้างเพลงชาติขึ้นมาใหม่ โดยสมาชิกของคณะผู้ก่อการท่านหนึ่งแต่งตั้งให้ พระเจนดุริยางค์ เป็น ผู้แต่ง แต่ยัง ไม่เสร็จ เลยต้องใช้ทำนองเพลงไทยเดิม คือเพลงมหาชัย ไปพลางก่อน) เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เสนาบดีกระทรวงธรรมการเป็นผู้ เรียบเรียงเนื้อร้อง ซึ่งมีบทความปลุกใจให้คนไทยเกิดความรักชาติ และเกิดความสามัคคี ตลอดจนให้เลื่อมใสในรัฐธรรมนูญ

พลงประเทศไทย ฉบับที่ 5 เกิดขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2475-2477 โดยผู้แต่งทำนอง เพลงประเทศไทย ฉบับนี้ คือพระเจนดุริยางค์ ส่วนเนื้อร้องประพันธ์โดย ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) โดยเนื้อร้องของ เพลงประเทศไทย สมัยนั้น

เพลงชาติไทยลำดับที่ 5 ประพันธ์ทำนองโดย พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) เมื่อ วันที่ 4 กรกฎาคม 2475 และประพันธ์เนื้อร้องโดย ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) เล่นครั้งแรก ณ พระที่นั่งอนันตสมาคมเมื่อ วันที่ 7 กรกฎาคม 2475 แต่ก็ใช้อยู่เพียงระหว่าง ปี 2475 – 2477 โดยมีเนื้อร้องดังนี้ แผ่นดินสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง ไทยเข้าครองตั้งประเทศเขตแดนสง่า สืบชาติไทยดึกดำบรรพ์โบราณลงมา ร่วมดูแลเอาใจใส่เอกราชชนประเทศไทย บางสมัยศัตรูจู่มารบ ไทยสมทบสวนทัพเข้าขับไล่ ตลุยเลือดหมายมุ่งผดุงไผท สยามสมัยบุราณรอดตลอดมา อันดินแดนสยามคือว่าเนื้อของชาติไทย น้ำรินไหลคือว่าเลือดของเชื้อข้า เอกราชคือกระดูกที่เราบูชา เราจะสามัคคีร่วมมีใจ ยึดพาวเวอร์กุมสิทธิ์อิสรเสรี ใครย่ำยีเราจะไม่ละให้ เอาเลือดล้างให้สิ้นแผ่นดินไทย สถาปนาสยามให้เชิดชัย ชโย

เพลงประเทศไทยลำดับที่ 6 ในปี พ.ศ. 2477 ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลง เพลงประเทศไทย เป็นฉบับที่ 6 กำเนิดขึ้นเมือปีพ.ศ.2477-2482 คือ เพลงชาติไทย ฉบับที่ 5 ของพระเจนดุริยางค์ แต่ได้เพิ่มคำร้องของนายฉัน ขำวิไล เข้าไปต่อจากคำร้องของขุนวิจิตรมาตรา เป็น เพลงประเทศไทย ที่เป็นฉบับของทาง "ราชการ" ฉบับแรก เนื้อเพลง

เพลงประเทศชาติลำดับที่ 6 นั้น สืบเนื่องมาจากการที่ในปีพุทธศักราช 2477 รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อไตร่ตรองเพลงชาติขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์แต่ง ทรงเป็นประธาน และมีกรรมการท่านอื่นร่วมด้วยดังนี้คือ พระเรี่ยมวิรัชพากย์ พระเจนดุริยางค์ หลวงชำนาญนิติเกษตร จางวางทั่ว พาทยโกศล และนายมนตรี ตราโมท คณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่พิจารณาเกี่ยวกับเพลงชาติโดยเฉพาะ ผลการตัดสินปรากฎว่า มีเพลงชาติแบบไทย และแบบสากล อย่างละเพลงคือ แบบไทยเช่นเพลงชาติของจางวางทั่ว พาทยโกศลที่แต่งขึ้นจากเพลงไทยเดิมชิ่อว่า "ตระนิมิตร" ส่วนทางสากลได้แก่ เพลงของ พระเจนดุริยางค์ ที่แต่งไว้แล้ว ในเวลาภายหลังคณะกรรมการชุดนี้ ได้ไตร่ตรองว่า เพลงชาตินั้นควรจะมีลักษณะ ที่บ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์ ถ้ามีสองเพลงอาจทำให้ความศักดิ์สิทธิ์น้อยลง จึงร่วมกันพิจารณาใหม่ ในที่สุดตกลงว่าให้มีทางสากลเพลงเดียวคือ แบบทำนองสากลของพระเจนดุริยางค์ จึงได้จัดให้มีการประกวดบทร้องขึ้นใหม่ คณะกรรมการได้สรุปผลให้บทร้องของนายฉันท์ ขำวิไล และบทร้องของขุนวิจิตรมาตรา ได้รับเกียรติยศ และตัดสินให้บทร้องของขุนวิจิตรมาตราได้รับรางวัลชนะเลิศ บทร้องที่คณะกรรมการคัดกรองเพลงประเทศชาติมีดังนี้ บทของนายฉันท์ ขำวิไล เหล่าเราทั้งหลายขอน้อมกายถวายชีวิต ดูแลเอาใจใส่สิทธิ์อิสระ ณ แดนสยาม ที่พ่อแม่สู้ยอมม้วยด้วยพากเพียร ปราบเสี้ยนหนามให้พินาศสืบชาติมา แม้ถึงไทยไทยด้อยจนย่อยยับ ยังกู้กลับคงคืนได้ชื่นหน้า ควรแก่นามงามสุดอยุธยา


เพลงชาติไทยลำดับที่ 7 ในปี พ.ศ. 2482 ในปีพ.ศ.2482 ได้กำเนิด เพลงประเทศไทย ฉบับที่ 7 และเป็นฉบับที่ใช้มาถึงปัจจุบัน เนื่องมาจากเนื้อร้อง เพลงประเทศไทย ฉบับก่อนหน้านี้ยาวเกินไป ใช้เวลาเล่นถึง 3 นาที 52 วินาที จึงมีการจัดการประกวดเพลงประเทศชาติขึ้นมาใหม่ โดยใช้ทำนองเพลงชาติฉบับพระเจนดุริยางค์ (ฉบับที่ 5) เปลี่ยนเนื้อร้องใหม่ เรียบเรียงโดย พันเอกหลวงสารานุแต่ง (นวล ปาจิณพยัคฆ์) ซึ่งเป็นผู้ชนะการประกวด โดยได้ส่งประกวดในนามของกองทัพบก รัฐบาลจึงได้ประชาสัมพันธ์ให้ใช้เพลงประเทศชาติฉบับดังกล่าว จนกระทั่งถึงสมัยนี้

เพลงประเทศไทยลำดับที่ 7 ในปี พ.ศ. 2482 ในปีพุทธศักราช 2482 มีการเปลี่ยนชื่อประเทศจากคำว
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
รูปภาพที่เกี่ยวข้องเพลงชาติไทย เพลงประจำชาตของชนชาติไทย อ่านแล้วได้ความรู้
เพลงชาติไทย เพลงประจำชาตของปวงชนชาวไทย อ่านแล้วได้ประโยชน์
อ้างอิงจาก: เพลงชาติไทย.com
แท็ก: เพลงชาติไทย
อ้างจาก: เพลงชาติไทย.comเพลงชาติไทย เพลงประจำชาตของชนชาติไทย อ่านแล้วได้ความรู้
หมวดหมู่: เพลงชาติไทย
หน้าหลัก: http://www.xn--72cg7ai5a2aq0ita7i3b.com
รายละเอียดสินค้า: https://www.facebook.com/plengchadthai
ติดต่อเรา: https://www.facebook.com/เพลงชาติไทย-443579979174299
ชื่อ: เพลงชาติไทย.com
ที่อยู่: ประเทศไทย
เบอร์โทรติดต่อ: ไม่ระบุ
อีเมล์: ไม่ระบุ
#2
รับทำ SEO โปรโมทเว็บด้วยเทคนิคขั้นเทพ เขียนเนื้อหาเป็นมิตรกับผู้ติดตาม

เว็บชื่อดังรับทำ SEO โปรโมทเว็บด้วยเทคนิคขั้นเทพ เขียนบทความเป็นมิตรกับผู้อ่าน หากคุณต้องการหาคำตอบเกี่ยวกับรับทำ SEOอ่านเนื้อหานี้แล้วจะทำให้ท่านเข้าใจมากยิ่งขึ้น   การรับทำ SEOสายขาวคือการทำเขียนบทความเป็นมิตรกับผู้อ่าน และการสร้างลิงค์คุณภาพจากเว็บที่มีคุณภาพ สมัยนี้การทำ SEO มีความละเอียดและเน้นคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยทาง google ได้ปรับปรุงระบบ algorithm ใหม่ๆ เพื่อพัฒนาให้ระบบ search engine สามารถแสดงเว็บให้เกี่ยวข้องกับความอยากของผู้ค้นหาข้อมูลสูงสุด ปัจจุบันเว็บที่จะติดอันดับ googel ได้นั้นไม่ใช่แค่การไปจ้างบริษัทรับทำ SEO โปรโมทด้วยการสร้าง backlinks ให้เท่านั้น แต่เว็บหลักที่อยากโปรโมทให้ติดหน้าแรก google จะต้องมีเนื้อหาคุณภาพด้วย โดยจะต้องมีรายละเอียดที่เป็นผลดีต่อผู้ใช้งานหรือยูสเซอร์ที่เข้ามา อ่านเนื้อหาภายในเว็บด้วย ซึ่งการดันอันดับบนกูเกิลในยุคนี้ จะต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการปรับ on-page และ off-page ที่แตกต่างจากยุคก่อนๆ เช่น การปรับ on page ไม่ใช่แค่การปรับ meta tag หรือ การเน้นข้อความเท่านั้น แต่การปรับออนเพจยุคใหม่ คือการ ปรับให้เว็บมีเนื้อที่มีคุณภาพ มีรายละเอียดรอบด้านเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังนำเสนอ โดยมีการเชื่อมโยงเนื้อหาภายในเว็บให้สนับสนุนผู้ติดตามมากที่สุด ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลที่มีประโยชน์ตรงกับสิ่งที่ต้องการจากการค้นหา บนกูเกิลเสิร์ท และในขณะเดียวกันการปรับ off page ก็ไม่ใช่แค่การสร้าง backlinks เท่านั้น แต่ควรมุ่งเน้นการสร้างแบ็คลิงค์เพื่อให้ได้ทราฟฟิคคนเข้าไปอ่านบทความที่เว็บ หลัก การดันอันดับบนกูเกิลยังคงต้องอาศัยการสร้างลิงค์เพื่อดันให้เว็บติด อันดับที่ต้องการ แต่ยุคปัจจุบันกูเกิลไม่ได้ให้ความสำคัญกับลิงค์เป็นอันดับหนึ่ง สิ่งที่กูเกิลให้ความสำคัญมากที่สุดคือ คุณภาพของบทความ ว่ามีความลึกซึ้ง และเป็นประโยชน์มากน้อยขนาดไหน และยูสเซอร์ สองสิ่งนี้คือ หัวใจสำคัญในการดันอันดับบน google เพราะถ้าหากเราสร้างลิงค์แต่ไม่มีคนเข้าเว็บเลย กูเกิลก็จะเข้าใจว่าเว็บเราด้อยคุณภาพ หรือแม้กระทั่งมีคนเข้าเว็บเรามากๆ แล้ว แต่มีการใช้เวลาอยู่บนหน้าเว็บไม่นาน แล้วก็รีบปิดหน้าเว็บของเราทิ้งไป แบบนี้จะทำให้ค่า bounce rate หรือ ค่าอัตราตีกลับ ที่สูง ทำให้กูเกิลคิดว่าเว็บของเราไม่มีคุณภาพ การทำให้เว็บมีคุณภาพ นอกจากจะสร้าง content ที่ดีแล้ว จะต้องพากเพียรนำเสนอให้คนที่เข้ามาอ่านยังเว็บของเรา อาศัยอยู่ในหน้าเว็บนานๆ หรือที่เรียกว่า time on site ยิ่งเว็บเรามีค่านี้มากเท่าไหร่ยิ่งส่งผลดีต่ออันดับ seo ด้วยเหตุนี้การทำให้เว็บมีคุณภาพในมุมมองของ google คือ การทำให้เว็บของเรามีคนเข้ามาอ่านเนื้อหาเยอะ และใช้เวลาอยู่ในหน้าเว็บของเรานานๆ ยิ่งเป็นทราฟฟิคที่มาจาก search engine และ social network ยิ่งส่งผลดีต่ออันดับอย่างรวดเร็ว บางทีอันดับของบริษัทรับทำ SEO ที่คุณเห็นว่าติดอันดับต้นๆ บน Google Search อาจไม่ได้สะท้อนถึงว่าบริษัทหรือผู้รับทำ SEO เหล่านั้นมีคุณภาพหรือไม่ และบางทีหากท่านรู้ว่าแต่ละเว็บใช้เทคนิคอะไร ก็อาจทำอันดับด้วยตัวเองได้ ยังไงก็ตามวิธีการหนึ่งที่ผู้ให้บริการ SEO นิยมใช้กันมากที่สุด คือการสร้างเว็บขึ้นมา โดยเว็บที่สร้างขึ้นมีจำนวนหน้าเว็บมากๆ แล้วทำการติด Text Link ในหน้าเว็บเหล่านั้น หรือมีการเข้าไปซื้อที่ตั้งติด Anchor Text Link ในเว็บใหญ่ๆ ที่มีปริมาณหน้ามากๆ เพื่อให้ได้ backlink กลับมามากๆ ซึ่งส่งผลต่ออันดับอย่างเห็นชัด แม้ว่ากูเกิลจะพากเพียรออกมาแจ้งเตือนบรรดาเว็บมาสเตอร์ หรือ นักทำการตลาดออนไลน์ว่าห้ามทำการซื้อ-ขายลิงค์ แต่มีนักทำเอสอีโอน้อยรายที่เชื่อในการเตือนของกูเกิล เพราะต่างก็พยายามใช้วิธีการต่างๆ ไม่ให้ google penalty หรือ โดน manual action ในหลายๆ ครั้ง บริษัทรับทำ seo มีการลงทุนซื้อเว็บ ซื้อลิงค์ เพื่อติดลิงค์ให้เว็บของตัวเอง ให้มีอันดับดีๆ เพื่อที่จะได้ผู้ใช้บริการจากการติดอันดับเหล่านั้น แน่นอนว่าผู้ใช้บริการไม่มีความรู้เพียงพอต่อการตรวจเช็คเทคนิคที่บริษัทเอสอีโอแต่ ละรายใช้ แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ ช่วงระยะเวลาไม่นาน กูเกิลได้อัพเดทระบบ google algorithm ที่มีความฉลาดมากกว่าเดิม และได้ลดความสำคัญของลิงค์ลง แล้วไปให้ความสำคัญกับ UX และ Traffic แทน แม้ว่าบริษัทเอสอีโอที่ใช้วิธีการ ใช้ต้นทุนมากๆ ไปกว้านซื้อเว็บใหญ่ๆ เพื่อติดลิงค์ จะยังสามารถดันอันดับได้ แต่เริ่มจะมีผลลดลงไปเรื่อยๆ ทำให้เห็นว่ากูเกิลจริงจังกับคุณภาพ อาจกล่าวได้ว่าสมัยนี้ เราควรสร้าง backlinks จากจำนวนเว็บมากๆ มากกว่าการมีลิงค์มาจากกลุ่มเว็บใดกลุ่มเว็บหนึ่งเท่านั้น อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ การที่บริษัทเอสอีโอไปไล่ซื้อลิงค์จากเว็บใหญ่ๆ ใช้ต้นทุนสูงมาก หลายครั้งที่ผู้ซื้อสินค้าอาจไม่ได้รับการทำอันดับด้วยวิธีการที่บริษัทเอสอีโอเหล่า นั้นใช้ แน่นอนผู้ใช้บริการตรวจสอบไม่ได้ว่าใช้หรือไม่ใช่ เพราะลูกค้าไม่รู้ ถ้าผู้ใช้บริการรู้ ผู้ซื้อสินค้าก็ไม่มาจ้าง ซึ่งผมสะท้อนให้เห็นสิ่งที่เป็นจริงของธุรกิจรับทำ SEO อีกทั้งอันดับเว็บที่คุณเห็นจากการค้นหาคีย์เกี่ยวกับบริการ SEO หลายเว็บอาจใช้เวลาเป็นปี กว่าที่จะติดอันดับได้ ฉะนั้น การที่คุณเห็นว่าเว็บนั้นสามารถติดอันดับได้ ไม่ได้หมายความว่าเขาทำอันดับได้เร็ว ตามที่กล่าวอ้างไว้ในส่วนที่ให้บริการ สิ่งเหล่านั้น ล้วนเป็นรายละเอียดทางเทคนิค ที่ผู้ใช้บริการควรมีความรู้พื้นฐาน เพื่อคอยตรวจเช็คและประเมินผลการปฏิบัติงานว่ามีคุณภาพหรือไม่ สรุป ผู้ให้บริการ seo ที่มีคุณภาพจะต้องให้เว็บคุณมี backlinks จากเว็บที่มีบทความสัมพันธ์กัน จะต้องทำให้มีคนเข้าเว็บของคุณอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยๆ 1,000 คน/วัน จะต้องทำให้เว็บของคุณมีสถิติที่ดีทั้งใน google webmaster tools และ google analytics การทำอันดับเอสอีโอยุคปัจจุบันจะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้   การทำ seo ในยุคนี้ ต้องมุ่งเน้นกับคำว่าคุณภาพมากยิ่งขึ้น การดันอันดับบน google search ในสมัยนี้นั้น จะอาศัยแค่การสร้าง backlinks เพียงอย่างเดียวนั้น ไม่ได้แล้ว จะต้องโปรโมทเว็บไซต์แบบบูรณาการรอบด้าน เพื่อสามารถดันอันดับอย่างมีประสิทธิผล โดยกูเกิลให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน หรือที่เรียกว่า UX (User Experince) ซึ่งกูเกิลตรวจสอบว่าเว็บของเรามีคุณภาพและสนับสนุน User หรือไม่ จากการตรวจสอบค่า CTR (Click Through Rate) และสถิติต่างๆ ที่แสดงใน google webmaster tools และ google analytics รวมทั้งคุณภาพของ content ที่เราสร้างขึ้น จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่ากูกิลไม่ได้ให้ความสำคัญกับลิงค์มาเป็นอันดับ หนึ่งเหมือนช่วงยุคก่อนๆ เพราะการที่กูเกิลมุ่งเน้นตรวจสอบคุณภาพจากจำนวนลิงค์ ทำให้ไม่สามารถคัดกรองเว็บที่มีคุณภาพจริงๆ ได้นั่นเอง และนักทำเอสอีโอสายดำก็สามารถความโกรธอันดับบน search engine result pages ได้ สรุปได้ว่า สมัยนี้การทำ seo ต้องอาศัยหลายปัจจัยเพื่อทำให้เว็บติดอันดับบน search engine และทราฟฟิคคนเข้าเว็บเป็นดัชนีชี้วัดคุณภาพ การทำเอสจะต้องสร้างทราฟฟิคคนเข้าสู่เว็บได้อย่างต่อเนื่อง และขั้นตอนการสร้าง traffic ที่ง่ายที่สุด คือการสร้างบทความคุณภาพ โดยที่เนื้อหาคุณภาพจะสามารถติดอันดับต้นๆ ของ keywords ที่มีการแข่งขันกันต่ำ ทำให้เราได้ทราฟฟิคจาก google จากคีย์เวิร์ดที่หลากหลาย และทราฟฟิคจากคีย์เวิร์ดเหล่านี้จะทำให้เว็บของเราติดอันดับคีย์เวิร์ดหลัก ในระยะยาวอีกด้วย   ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ SEO พื้นฐาน ยุคปัจจุบันการทำ SEO มีความซับซ้อนและยุ่งยากกว่าอดีตที่ผ่านมามาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำอันดับบน Search Engine ไม่ได้ หากแต่การโปรโมทเว็บในยุคนี้จะต้องมุ่งเน้นที่การเขียนบทความคุณภาพเป็น มิตรกับผู้เยี่ยมชมเป็นหลัก เนื่องจากยุคนี้กูเกิลได้ปรับปรุงระบบอัลกอริทึมสำหรับตรวจสอบคุณภาพของ เว็บไซต์มาหลายชุด ทั้งนี้เพื่อคัดกรองเว็บคุณภาพให้แสดงอยู่อันดับต้นๆ ของผลการค้นหาของกูเกิลนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุง google penguin เพื่อมาตรวจเช็คความถูกต้องของการสร้างลิงค์ว่ามีคุณภาพมากน้อยเท่าใด รวมไปถึงวิธีการการสร้างแบ็คลิงค์ที่ชี้ไปยังเว็บหลักว่าถูกต้องตามกฎของกูเกิล หรือไม่ google panda อัลกอริทึมสำหรับตรวจเช็คคุณภาพของเนื้อหา อัลกอริทึมตัวนี้จะตรวจสอบว่าเราสร้างบทความคุณภาพไม่เหมือนกับเว็บไซต์อื่นหรือไม่ รวมทั้งตรวจเช็คความลึกซึ้งของเนื้อหาที่เราเขียนว่าอยู่ในระดับใด เนื้อหาที่เราสร้างขึ้นนั้นมีลักษณะเป็น expert writer หรือไม่อย่างไร โดยเน้นตรวจสอบคุณภาพและความเป็น unique ที่ไม่เหมือนใคร google hummingbird ระบบอัลกอริทึมสำหรับตรวจเช็คการเชื่อมโยงของลิงค์ภายในเว็บว่าได้นำทางผู้ ใช้งานให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่มีประโยชน์หรือไม่ page layout algorithm ระบบตรวจเช็คการจัดโครงสร้างและหน้าเว็บว่าสนับสนุนยูสเซอร์มากน้อยขนาดไหน มีโฆษณามากจนเกินไปหรือไม่ rank
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
รูปภาพที่เกี่ยวข้องรับทำ SEO โปรโมทเว็บด้วยเทคนิคขั้นเทพ เขียนเนื้อหาเป็นมิตรกับผู้ติดตาม
รับทำ SEO โปรโมทเว็บด้วยเทคนิคขั้นเทพ สร้างบทความเป็นมิตรกับผู้ติดตาม
อ้างอิงจาก: รับทำ SEO
แท็ก: SEO
อ้างจาก: รับทำ SEOรับทำ SEO โปรโมทเว็บด้วยเทคนิคขั้นเทพ เขียนเนื้อหาเป็นมิตรกับผู้ติดตาม
หมวดหมู่: Search Engine Optimization
หน้าหลัก: http://www.cmseogroup.com
รายละเอียดสินค้า: http://www.cmseogroup.com/SEO-Services
ติดต่อเรา: http://www.cmseogroup.com/Contact-Us
ชื่อ: CM SEO Group (ซีเอ็ม เอสอีโอ กรุ๊ป)
ที่อยู่: เชียงใหม่
เบอร์โทรติดต่อ: 062-363-9429
อีเมล์: cmseogroup@gmail.com
#3
เพลงชาติไทย เพลงประจำชาตของคนไทยทุกคน ข้อมูลแน่นมาก

เว็บยอดฮิตเพลงชาติไทย เพลงประจำชาตของชาวไทยทุกคน เนื้อหาสมบูรณ์ หลายท่านอยากศึกษาเกี่ยวกับเพลงชาติไทย.comทุกเรื่องที่คุณอยากรู้เรามีคำตอบ สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมากล่าวเกี่ยวกับเว็บเพลงชาติไทย.com ที่รวบรวมข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับเพลงชาติไทย และประวัติศาสตร์เกี่ยวเพลงชาติไทย

เพลงประเทศชาติลำดับที่ 1 ในปี พ.ศ. 2414 - 2431 พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เป็นผู้เรียบเรียงเนื้อร้อง และตั้งชื่อเพลงว่า "จอมราชจงเจริญ" ซึ่งเพลง "จอมราชจงเจริญ" ถือว่าเป็น เพลงประเทศชาติ ฉบับแรกของประเทศสยาม ซึ่งดัดแปลงเนื้อร้องของเพลง "ก็อด เซฟ เดอะ ควีน"

เพลงประเทศชาติลำดับที่ 2 (ช่วงเดียวกับลำดับที่ 1) ในยุค รัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา ในปี พ.ศ. 2414 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาส เมืองสิงคโปร์ ในขณะนั้นสิงคโปร์ยังเป็นเมืองขึ้น ของประเทศอังกฤษอยู่ กองทหารดุริยางค์ สิงคโปร์ เล่นเพลงกอดเสฟเดอะควีน เพื่อถวายความเคารพ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงเข้าใจดีว่าประเทศจำเป็น จะต้องมีเพลงชาติที่เป็นของตัวเองขึ้น เพื่อแสดงถึงความเป็นเอกราชของชาติครั้นเมื่อทรง เสด็จกลับถึงพระนคร จึงได้โปรดให้ตั้งคณะครูดนตรีไทยขึ้น เพื่อทรงปรึกษา หาเพลงชาต ิที่มีความเป็นไทย มาใช้แทนเพลงกอดเสฟเดอะควีน คณะครูดนตรีไทย ได้เลือก เพลงทรง พระสุบัน หรือเรียกอีกอย่างว่า เพลงบุหลันลอยเลื่อน ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 โดยนำมาเรียบเรียง ให้มีความเป็น สากลขึ้น โดย เฮวุดเซน (Heutsen)

เพลงชาติไทย ฉบับที่ 3 ในช่วงปีพ.ศ.2431-2475 ได้กำเนิด เพลงประเทศชาติ ฉบับที่ 3 คือ เพลงสรรเสริญพระบารมีที่ใช้อยู่ ณ ยุคปัจจุบัน ซึ่งแต่งโดย ปโยตร์ สชูโรฟสกี้ (Pyotr Schurovsky) นักประพันธ์ชาวรัสเซีย คำร้องเป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

เพลงชาติลำดับที่ 3 นั้นเกิดขึ้นในรัชสมัย รัชกาลที่ 5 เช่นกัน โดยเรียบเรียงทำนองโดย นักประพันธ์ชาวรัสเซีย ปโยตร์ สชูโรฟสกี้ (Pyotr Schurovsky) คำร้องเป็นบทพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ใช้บรรเลงเป็นเพลงชาติในระหว่าง ปี 2431 – 2475 ใช้มานานมากเพราะมี ท่วงทำนองไพเราะ บทความสมบูรณ์ และทุกวันนี้ก็ใช้อยู่ในนามของ เพลงสรรเสริญพระบารมี

เพลงประเทศไทยลำดับที่ 4 ในปี พ.ศ. 2475 เพลงประเทศไทย ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังอีก ในช่วงปีพ.ศ.2475 เป็นฉบับที่ 4 ซึ่งใช้ "เพลงชาติมหาชัย" มาเป็นเพลงชาติ ในระหว่างที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองปีพ.ศ.2475 โดยได้อาศัยทำนองเพลงมหาชัย ด้านเนื้อร้อง แต่งโดย เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เพื่อใช้ขับร้องและปลุกใจประชาชน ก่อให้เกิดความรักชาติและสร้างความสามัคคี ในขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยเนื้อ เพลงประเทศชาติ ในสมัยนั้น

เพลงประเทศชาติลำดับที่ 4 เกิดขึ้นภายนับจากที่ประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย (24 มิถุนายน 2475) แล้ว เพลงชาติลำดับนี้เป็นเพลงชาติชั่วคราว (เนื่องด้วยมีการเตรียมการโดยสังเขปที่จะสร้างเพลงชาติขึ้นมาใหม่ โดยสมาชิกของคณะผู้ก่อการท่านหนึ่งมอบหมายให้ พระเจนดุริยางค์ เป็น ผู้ประพันธ์ แต่ยัง ไม่เสร็จ เลยต้องใช้ทำนองเพลงไทยเดิม คือเพลงมหาชัย ไปพลางก่อน) เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เสนาบดีกระทรวงธรรมการเป็นผู้ ประพันธ์เนื้อร้อง ซึ่งมีเนื้อหาปลุกใจให้คนไทยเกิดความรักชาติ และเกิดความสามัคคี ตลอดจนให้เลื่อมใสในรัฐธรรมนูญ

พลงประเทศชาติ ฉบับที่ 5 เกิดขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2475-2477 โดยผู้ประพันธ์ทำนอง เพลงประเทศชาติ ฉบับนี้ คือพระเจนดุริยางค์ ส่วนเนื้อร้องแต่งโดย ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) โดยเนื้อร้องของ เพลงชาติไทย สมัยนั้น

เพลงประเทศชาติลำดับที่ 5 เรียบเรียงทำนองโดย พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) เมื่อ วันที่ 4 เดือนกรกฎาคม 2475 และเรียบเรียงเนื้อร้องโดย ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) บรรเลงครั้งที่หนึ่ง ณ พระที่นั่งอนันตสมาคมเมื่อ วันที่ 7 เดือนกรกฎาคม 2475 แต่ก็ใช้อยู่เพียงระหว่าง ปี 2475 – 2477 โดยมีเนื้อร้องดังนี้ แผ่นดินสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง ไทยเข้าครองตั้งประเทศเขตแดนสง่า สืบชาติไทยดึกดำบรรพ์โบราณลงมา ร่วมรักษาเอกราชชนชาติไทย บางสมัยศัตรูจู่มารบ ไทยสมทบสวนทัพเข้าขับไล่ ตลุยเลือดหมายมุ่งผดุงไผท สยามสมัยบุราณรอดตลอดมา อันดินแดนสยามคือว่าเนื้อของชาติไทย น้ำรินไหลคือว่าเลือดของเชื้อข้า เอกราชคือกระดูกที่เราบูชา เราจะสามัคคีร่วมมีใจ ยึดพาวเวอร์กุมสิทธิ์อิสรเสรี ใครย่ำยีเราจะไม่ละให้ เอาเลือดล้างให้สิ้นแผ่นดินไทย สถาปนาสยามให้เชิดชัย ชโย

เพลงประเทศไทยลำดับที่ 6 ในปี พ.ศ. 2477 ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลง เพลงประเทศชาติ เป็นฉบับที่ 6 กำเนิดขึ้นเมือปีพ.ศ.2477-2482 คือ เพลงประเทศไทย ฉบับที่ 5 ของพระเจนดุริยางค์ แต่ได้เพิ่มคำร้องของนายฉัน ขำวิไล เข้าไปต่อจากคำร้องของขุนวิจิตรมาตรา เป็น เพลงประเทศไทย ที่เป็นฉบับของทาง "ราชการ" ฉบับแรก เนื้อเพลง

เพลงชาติไทยลำดับที่ 6 นั้น สืบเนื่องมาจากการที่ในปีพุทธศักราช 2477 รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อวิเคราะห์เพลงชาติขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์เรียบเรียง ทรงเป็นประธาน และมีกรรมการท่านอื่นร่วมด้วยดังนี้คือ พระเรี่ยมวิรัชพากย์ พระเจนดุริยางค์ หลวงชำนาญนิติเกษตร จางวางทั่ว พาทยโกศล และนายมนตรี ตราโมท คณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่พิจารณาเกี่ยวกับเพลงชาติโดยเฉพาะ ผลการตัดสินปรากฎว่า มีเพลงชาติแบบไทย และแบบสากล อย่างละเพลงคือ แบบไทยได้แก่เพลงชาติของจางวางทั่ว พาทยโกศลที่แต่งขึ้นจากเพลงไทยเดิมชิ่อว่า "ตระนิมิตร" ส่วนทางสากลเช่น เพลงของ พระเจนดุริยางค์ ที่แต่งไว้แล้ว ในเวลาต่อมาคณะกรรมการชุดนี้ ได้วิเคราะห์ว่า เพลงชาตินั้นควรจะมีลักษณะ ที่บ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์ ถ้ามีสองเพลงอาจทำให้ความศักดิ์สิทธิ์น้อยลง จึงร่วมกันพิจารณาใหม่ ในที่สุดตกลงว่าให้มีทางสากลเพลงเดียวคือ แบบทำนองสากลของพระเจนดุริยางค์ จึงได้จัดให้มีการประกวดบทร้องขึ้นใหม่ คณะกรรมการได้สรุปผลให้บทร้องของนายฉันท์ ขำวิไล และบทร้องของขุนวิจิตรมาตรา ได้รับการเชิดชู และตัดสินให้บทร้องของขุนวิจิตรมาตราได้รับรางวัลชนะเลิศ บทร้องที่คณะกรรมการคัดกรองเพลงชาติไทยมีดังนี้ บทของนายฉันท์ ขำวิไล เหล่าเราทั้งหลายขอน้อมกายถวายชีวิต ดูแลเอาใจใส่สิทธิ์อิสระ ณ แดนสยาม ที่บิดามารดาสู้ยอมม้วยด้วยพากเพียร ปราบเสี้ยนหนามให้พินาศสืบชาติมา แม้ถึงไทยไทยด้อยจนย่อยยับ ยังกู้กลับคงคืนได้ชื่นหน้า ควรแก่นามงามสุดอยุธยา


เพลงประเทศไทยลำดับที่ 7 ในปี พ.ศ. 2482 ในปีพ.ศ.2482 ได้กำเนิด เพลงชาติไทย ฉบับที่ 7 และเป็นฉบับที่ใช้มาถึงปัจจุบัน เนื่องมาจากเนื้อร้อง เพลงประเทศชาติ ฉบับก่อนหน้านี้ยาวเกินไป ใช้เวลาเล่นถึง 3 นาที 52 วินาที จึงมีการจัดการประกวดเพลงประเทศไทยขึ้นมาใหม่ โดยใช้ทำนองเพลงชาติฉบับพระเจนดุริยางค์ (ฉบับที่ 5) เปลี่ยนเนื้อร้องใหม่ เรียบเรียงโดย พันเอกหลวงสารานุแต่ง (นวล ปาจิณพยัคฆ์) ซึ่งเป็นผู้ชนะการประกวด โดยได้ส่งประกวดในนามของกองทัพบก รัฐบาลจึงได้ประชาสัมพันธ์ให้ใช้เพลงประเทศชาติฉบับดังกล่าว จวบจนถึงปัจจุบัน

เพลงชาติไทยลำดับที่ 7 ในปี พ.ศ. 2482 ในปีพุทธศักราช 2482 มีการเปลี่ยนชื่อป
ภาพที่เกี่ยวข้อง
รูปภาพที่เกี่ยวข้องเพลงชาติไทย เพลงประจำชาตของคนไทยทุกคน ข้อมูลแน่นมาก
เพลงชาติไทย เพลงประจำชาตของชาวไทยทุกคน เนื้อหาสมบูรณ์
อ้างอิงจาก: เพลงชาติไทย.com
แท็ก: เพลงชาติไทย
อ้างจาก: เพลงชาติไทย.comเพลงชาติไทย เพลงประจำชาตของคนไทยทุกคน ข้อมูลแน่นมาก
หมวดหมู่: เพลงชาติไทย
หน้าหลัก: http://www.xn--72cg7ai5a2aq0ita7i3b.com
รายละเอียดสินค้า: https://www.facebook.com/plengchadthai
ติดต่อเรา: https://www.facebook.com/เพลงชาติไทย-443579979174299
ชื่อ: เพลงชาติไทย.com
ที่อยู่: ประเทศไทย
เบอร์โทรติดต่อ: ไม่ระบุ
อีเมล์: ไม่ระบุ
#4
เพลงชาติไทย เพลงประจำชาตของคนไทยทุกคน

ผลิตภัณฑ์ประเภทเพลงชาติไทย เพลงประจำชาตของชนชาติไทย หลายท่านอยากเรียนรู้เกี่ยวกับเพลงชาติทุกคำถามเรามีคำตอบ
เพลงชาติไทย

ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย

เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน

อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล

ด้วยไทยล้วนหมาย รักสามัคคี

ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด

เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่

สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี

เถลิงประเทศชาติไทยทวี มีชัย ชโย


คนไทยควรร้องเพลงชาติไทยด้วยความภาคภูมิใจในเอกราชอธิปไตยของไทย

    ชาวไทยทุกท่านควรร้องเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมี อย่างอิ่มอกอิ่มใจ สมกับบรรพบุรุษที่ดูแลเอาใจใส่เอกราชอธิปไตยมาจนถึงทุกวันนี้
    ประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้าหากทุกคนหันมาสามัคคี ปรองดอง เป็นหนึ่งอันเดียวกัน
    การปรับปรุงประเทศไทยจะรอใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ชาวไทยทุกคนต้องร่วมมือกัน
    ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คือ ศูนย์รวมของความเป็นไทย ปวงชนชาวไทยควรปฏิบัติตนให้สมกับเป็นคนไทย
    ไม่มีเพลงชาติใดในโลกจะร้องได้ไพเราะเท่ากับเพลงชาติไทย
    ชาวไทยควรร้องเพลงชาติไทยทุกวัน เพราะรับทราบในความเป็นไทย ให้มีความสามัคคีกันเฉกเช่นที่บรรพบุรุษได้ทำมา
    คนที่ไม่เคยร้องเพลงชาติไทย หรือร้องเพลงชาติไทยไม่เป็น ไม่ใช่คนไทย
    ประเทศไทยเป็นเมืองสงบ น่าอยู่ ดั่งเพลงชาติไทย ที่กล่าวว่าไทยรักสงบ
    ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้า หากคนไทยทุกคนสามัคคีกันเหมือนที่ร้องเพลงชาติไทย
    การไม่เห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนร่วม จะนำพาประเทศให้เจริญมั่งคั่ง
    ชาวไทยทุกคนควรร้องเพลงชาติไทยด้วยความสำนึกในความเป็นไทย ที่บรรพบุรุษเสียสละเลือดเนื้อ เพื่อเอกราชของชาติไทย

รักประเทศไทยรู้จักประเทศไทย

    ประเทศไทยมีทั้งหมด 77 จังหวัด
    ประเทศไทยมีพื้นที่ประมาณ 513,115  Table กิโลเมตร
    ช้างเป็นสัตว์ประจำชาติของไทย
    ดอกไม้ประจำชาติ คือ ดอกราชพฤกษ์
    คาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย

การบรรเลงเพลงชาติไทย

จากการศึกษา Research เกี่ยวกับการบรรเลงเพลงชาติ ความว่า (ตาม Detail ด้านล่างนี้)

ในข้อปฏิบัติของทหารว่าด้วยการเคารพ มาตรา 3 การบรรเลงเพลงเคารพ ได้ระบุถึงการบรรเลงเพลงเคารพในส่วนของเพลงชาติไว้ดังนี้ เพลงชาติจัดเป็นเพลงเคารพด้วยแตรวง ใช้บรรเลงแสดงความเคารพต่อธงประจำกองทหาร ธงประจำกองยุวชนทหาร ธงชาติประจำสำนักงานของรัฐบาล ในขณะขึ้นลง และธงราชนาวีประจำเรือใหญ่ในขณะทำพิธีธงขึ้นลง

แนวการปฏิบัติสำหรับธงชาติไทยโดยทั่วไป โดยบังคับใช้อยู่ในสมัยนี้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ และธงของเมืองนอก ในราชอาณาจักร พ.ศ. 2529 ได้ระบุแจ่มแจ้งไว้เช่นกันว่า เพลงชาตินับเนื่องเป็นหนึ่งอาณัติสัญญาณในการเคารพธงชาติ กล่าวคือ

1. เมื่อมีการชักธงชาติขึ้นและลง ให้แสดงความเคารพโดยการยืนตรง หันไปทางเสาธง อาคาร หรือสถานที่ที่มีการชักธงชาติขึ้นและลง จนกว่าจะเสร็จการ

2. ในกรณีที่ได้ยินเพลงชาติหรือสัญญาณการชักธงชาติ จะเห็นหรือไม่เห็นการชักธงชาติก็ตาม ให้แสดงความเคารพโดยหยุดนิ่งในอาการสำรวม จนกว่าการชักธงชาติหรือเสียงเพลงชาติ หรือสัญญาณการชักธงชาติจะสิ้นสุดลง

แนวการปฏิบัติดังกล่าวนี้ ได้ริเริ่มให้มีขึ้นครั้งเริ่มต้น จากการบรรเลงเพลงชาติ ตามสัญญาณจากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ในเวลา 08.00 น. โดยบัญชาของจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2485 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ในยุคปัจจุบัน นอกจากการบรรเลงเพลงชาติ ช่วงวันเวลา 08.00 น. และ 18.00 น. ผ่านทางวิทยุกระจายเสียงเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์แล้ว ยังมีการแพร่ภาพวีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ในเมืองไทยตามช่องต่างๆ อีกด้วย ซึ่งเดิมแต่ละสถานีจะเป็นผู้จัดทำวีดิทัศน์ประกอบขึ้นเอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2554 รัฐบาลไทยมีกฎระเบียบให้สำนักรายได้เสริมสร้างไม่เหมือนใครของชาติ  Office ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดทำวีดิทัศน์กลางขึ้น เพื่อเผยแพร่โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ไทยทุกแห่ง ในรูปแบบเดียวกันทั่วประเทศ โดยเริ่มใช้วีดิทัศน์ดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 เดือนตุลาคม 2554 เป็นต้นไป แต่ในสมัยนี้การ Save สื่อโทรทัศน์สามารถ Present ได้อย่างมากมายมากยิ่งขึ้น โดยทางสถานนี้ของแต่ละช่องสามารถดีไซน์การ Present ไม่ว่าจะเป็นสื่อประกอบเพลงชาติ แต่ยังคงทำนองและคำรองตามแบบฉบับของทางการที่กำหนดไว้

ตามประชาสัมพันธ์คณะการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์การจัดทำผังรายการ สำหรับการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2556 กำหนดให้ผู้ที่รับใบอนุญาตที่ใช้คลื่น Frequency ให้บริการทั่วไปและต้องจัดให้ออกอากาศเพลงชาติไทยทุกวันในเวลา 08.00 น. และ 18.00 น.
วีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติไทย

  วันที่ 22 เดือนกันยายน พ.ศ. 2554 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานได้แถลงข่าว เกี่ยวกับโครงการจัดทำวีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี โดย Office ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะอนุกรรมการปลูกฝังความรักชาติและจิตสำนึกความเป็นไทย ในคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ เล็งเห็นว่าภาพประกอบเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมีที่เผยแพร่ตั้งแต่ยุคก่อน
จนถึงปัจจุบันมีความมากมายมากเกินไปไม่เป็นเอกภาพ จึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจขึ้นเพื่อจัดทำดีวีดีภาพประกอบเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งมีนายวิรัช อยู่ถาวร นักดนตรีและนักประพันธ์เพลง เป็นประธานโครงการ จัดทำวีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมีที่เป็นกระบวนการเดียวกัน โดยสร้างภาพประกอบให้สมควรกับบทความของเพลงชาติไทยและสาระของเนื้อเพลง พล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า โดยทั้ง 2 เพลงนี้ได้ใช้เนื้อร้องและทำนองเดิมทุกประการ และจัดทำจำนวน 4 แบบ รวมทั้งสิ้น 2,000 ชุด คือ วีซีดีเพลงชาติไทย 2 รูปแบบ แบบที่ 1 ชื่อชุด ทุกเชื้อชาติร่วมใจยืนตรงเคารพธงชาติ เป็นการเสนอแนวความคิด ไม่ว่าจะเป็นคนภาคใดก็ตาม หรือนับถือศาสนาใด ทุกท่านพร้อมร่วมใจเคารพธงชาติร่วมกันด้วยความสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แบบที่ 2 ชื่อชุด ร่วมแรงร่วมใจเพื่อชาติไทยของเรา เป็นการเสนอแนวความคิด คนไทยทุกงาน ทุกเพศทุกวัย ร่วมใจระบายสีธงชาติ ซึ่งแต่ละสีสื่อถึงความหมาย สีแดงคือชาติ สีขาวคือทุกศาสนาและสีน้ำเงินคือพระมหากษัตริย์ สำหรับวีซีดีเพลงสรรเสริญพระบารมี 2 รูปแบบ แบบที่ 1  Present แนวความคิดความอ่านสมุดบันทึกพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยใช้ Computer กราฟิกในการสร้างภาพที่งดงามสมพระเกียรติ และแบบที่ 2 นำเสนอความคิด รูปที่คนไทยทุกท่านต้องมีทุกบ้าน โดย Present ว่าไม่ว่าที่ใด พระองค์ท่านทรงอยู่เคียงข้างกับพสกนิกรและทำเพื่อปวงชนชาวไทยทุกคน ซึ่งเป็นการ Present ภาพพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ที่ทรงพระราชดำเนินไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วทุกภาคของประเทศไทย
วัถตุประสงค์ของการสร้างเว็บ เพลงชาติไทย.com

    เพื่อสร้างเว็บสำหรับศึกษาเกี่ยวกับเพลงชาติไทย และประวัติศาตร์ไทย ให้ชนรุ่นหลังได้วิจัย เกี่ยวกับความเป็นมาของชนชาติไทย
    เพื่อให้เด็กและเยาวชนใช้ประกอบการเรียน การศึกษา และเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับประเทศไทย
    เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดี ให้กับเด็ก เยาวชน และคนไทยทุกท่าน เกี่ยวกับการรักประเทศ รักแผ่นดิน สำนึกในความเสียสละของบรรพบุรุษของไทย
    เพื่อเผยแพร่ Knowledge เกี่ยวกับชาติไทย โดย Present ให้เข้าใจง่าย โดยการนำเสนอด้วยเนื้อหาที่กระทัดรัด และเข้าใจเรื่องราวของชาติไทยได้เป็นอย่างดี
    เพื่อให้คนไทยหันมารักกันให้มากๆ กว่าจะได้เอกราช บรรพบุรุษต้องแลกด้วยความเหนื่อยยาก และความเสียสละ คนไทยจึงควรมองให้ความสำคัญของประเทศชาติ
    เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ให้คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับสถาบันหลักของแผ่นดีมากกว่าประโยชน์ของตัวเอง
    เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ไทยให้ชนรุ่นหลังได้เข้าใจ โดยรวบรวมบทความที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ในหลายแง่มุม รวมทั้งเพลงชาติไทย และเพลงที่ใช้ในพิธีสำคัญต่างๆ
    เพื่อเป็นสารานุกรมออนไลน์ให้เด็ก นักศึกษา นักศึกษา และผู้ที่ชอบ สามารถค้นคว้าประวัติศาตร์ของชาติไทย เพื่อปลูกจิตสำนึกรักแผ่นดินเกิดของตัวเอง
    เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝัง เด็ก เยาวชน ให้รับทราบในหน้าที่ของตัวเอง และช่วยกันดูแลเอาใจใส่ชาติตั้งแต่เยาว์วัย และปลูกฝังไม่ให้เด็กโตขึ้นเห็นประโยชน์ตัวเองมากกว่าประโยชน์ของชาติ
    เพื่อเผยแพร่เพลงชาติไทยให้กับคนไทยในประเทศ และคนไทยที่อยู่ในต่างแดน ให้หันมาสนใจรากเง่าของความเป็นไทย
    เพื่อเป็นคู่มือการศึกษาสำหรับเด็กๆ เยาวชน นักเรียน นักเรียน ที่อยากทำรายงานส่งครู คุณครู หรือผู้ที่ชอบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย

Data เกี่ยวกับเพลงขาติไทย

พลงชาติไทย เป็นชื่อเพลงชาติของสยามและประเทศไทย ประพันธ์ทำนองโดย พระเจนดุริยางค์

เพลงชาติไทยประพันธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2475 คำร้องฉบับแรกสุดโดยขุนวิจิตรมาตรา

เพลงชาติแบบไทย

คณะกรรมการได้วิเคราะห์เพลงชาติโดยตัดสินให้ผลงานเพลง "มหานิมิตร" ซึ่งได้ประพันธ์โดย จางวางทั่ว พาทยโกศล เป็นผลงานที่ชนะเลิศ เพลงมหานิมิตรนี้จางวางทั่วได้ประพันธ์และดัดแปลงมาจากเพลงหน้าพาทย์สำคัญของไทยที่มีชื่อว่า "ตระนิมิตร" ซึ่งให้สามารถบรรเลงเป็นทางสากล เพลงตระนิมิตรนี้ เป็นเพลงที่ถือว่าเป็นเพลงบรมครู นักดนตรีจะใช้บรรเลงในพิธีสำคัญต่างๆ อาทิเช่น พิธีไหว้ครู บรรเลงเป็นการอัญเชิญ ครูบาอาจารย์ เทวดาทั้งหลาย มาประชุมกันเพื่อความเป็นสิริมงคล ดังนั้นจึงมีความหมาย ควรแก่การเคารพนับถือเป็นสิริมงคล สมควรที่จะใช้เป็นเพลงชาติไทยได้

รัฐบาลได้ทดสอบบรรเลงเพลงชาติไทยออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงอยู่ระยะเวลาหนึ่ง แต่ต่อมาเมื่อคณะกรรมการไตร่ตรองแล้วว่า เพลงชาติจะเสนอผลการประกวดให้คณะรัฐมนตรีประกาศการันตีผลนั้น คณะกรรมการ ได้ประชุมและมีความเห็นว่า เพลงชาติไทยมีลักษณะที่บ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถ้ามีการใช้อยู่ 2 เพลง จะส่งเสริมให้คลายความศักดิ์สิทธิ์ลง จึงได้ตัดสินใจไม่เสนอเพลงชาติแบบไทยซึ่งได้คัดกรองไว้ให้คณะรัฐมนตรีประชาสัมพันธ์ยืนยันเป็นเพลงชาติในที่สุด

เพลงชาติแบบสากล

คณะกรรมการได้พิจารณาเพลงชาติโดยมีความเห็นให้ใช้ทำนองเพลง ซึ่งประพันธ์โดยพระเจนดุริยางค์เป็นทำนองเพลงชาติไทยแบบสากล สำหรับบทร้องนั้นได้คัดเลือกบทร้องของท่านขุนวิจิตรมาตราซึ่งได้ปรับปรุงเพิ่มเติมเป็นบทร้องชนะเลิศ และได้ทำการเพิ่มบทร้องของนายฉันท์ ขำวิไล ซึ่งเป็นบทร้องที่ได้รับการเชิดชูรองชนะเลิศ คณะรัฐมนตรีได้ประกาศรับรองผลให้เป็นบทร้องเพลงชาติฉบับราชการเมื่อวันที่ 20 เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2477 เป็นต้นมา บทร้องเพลงชาติไทยทั้งของขุนวิจิตรมาตราและนายฉันท์ ประพันธ์ในรูปฉันทลักษณ์แบบกลอนสุภาพ กลอนแปด ความยาว 4 บท แต่ละบทมี 4 วรรค ผลจากการทำงานของแต่ละท่านจึงมีความยาวของบทร้องเป็น 16 วรรค เมื่อนำมารวมกันแล้วจึงทำให้บทร้องเพลงชาติทั้งหมดมีความยาวมากถึง 32 วรรค ซึ่งพูดได้ว่ายาวมาก หากจะร้องเพลงชาติให้ครบทั้งสี่บทจะต้องใช้ Time ร้องถึง 3 นาที 52 วินาที ในยุคสมัยนั้นคนไทยโดยส่วนใหญ่จึงพอใจร้องเพลงขาติไทยแต่เฉพาะบทร้องของขุนวิจิตรมาตรา และต่อมาภายหลังจึงไม่มีการขับร้อง คงเหลือเพียงเพียงทำนองเพลงบรรเลงไว้เท่านั้น

เพลงชาติฉบับแกรมมี่ พ.ศ. 2548

ในปี พ.ศ. 2548 กระทรวงวัฒนธรรมได้ทำการเปิดเผยเพลงชาติไทยฉบับใหม่ ซึ่งกระทรวงกลาโหมมอบหมายให้  Company  จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ประพันธ์ และจัดทำใหม่ ให้มีความหลากหลายมากขึ้น สำหรับใช้ในหลายความเป็นไปได้ ตามแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ต้องการส่งเสริมความเป็นชาติโปรดปรานในหมู่คนไทย ซึ่งเพลงชาติฉบับดังกล่าว มีการจัดทำออกมาถึง 6 รูปแบบ ดังนี้

1.แบบเป็นทางการ เสียงร้องหนักแน่นฮึกเหิม เหมาะสำหรับเปิดในสถานที่ราชการ ในงานราชการ งานทหาร หรือ Activity ที่ผู้จัดต้องการปลุกเร้าพลังรักชาติ

2.แบบไม่เป็นทางการ เสียงร้องนุ่มนวลขึ้นกว่าฉบับแรก เหมาะสำหรับเปิดในงานทางการของภาคเอกชน งานมหรสพ หรืองานกึ่งทางการกึ่งลำลอง

3.แบบแกรมมี่ซาวด์ เอาใจวัยรุ่น ขับร้องโดยนักร้องรุ่นเก่า ช่วงท้ายสร้างคีย์และเมโลดี้ใหม่

4.แบบแกรมมี่ซาวด์ เอาใจวัยรุ่น ขับร้องโดยนักร้องรุ่นใหม่ ช่วงท้ายสร้างคีย์และเมโลดี้ใหม่

5.แบบเอาใจเด็กเล็ก ใช้คณะเยาวชนร้องประสานเสียง เหมาะสำหรับเปิดในแหล่งศึกษาหาความรู้อนุบาลและประถม

6.แบบเอาใจผู้สูงอายุ ใช้เครื่องดนตรีไทยบรรเลง

เพลงชาติไทยโครงการภาครัฐ พ.ศ. 2552

ในช่วงปี พ.ศ. 2552 รัฐบาลไทยสมัยนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีแนวความคิดที่จะสร้างแนวทางในการรวมพลังสร้างความสมานสามัคคีของปวงชนชาวไทยทั้งชาติ จึงจัดตั้งโครงการ ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง ขึ้น โดยร่วมมือกับ หน่วยจัดการราชการส่วนท้องถิ่นทุกจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นจังหวัดนำร่องโครงการนี้ บริหารแสดงเพื่อนึกถึงถึงความโดดเด่นของชาติไทย เสนอประวัติศาสตร์ไทยในแต่ละจังหวัดโดยสังเขป จากนั้นจึงประกอบพิธีเคารพธงชาติไทย พร้อมบรรเลงและขับร้องเพลงชาติในเวลา 18:00 น. แลกเปลี่ยนหมุนเวียนไปยังแต่ละจังหวัด โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน - 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ซึ่งนับว่าเป็นโครงการที่ภาคประชาชนให้ความสนอกสนใจและเข้าร่วมปริมาณมาก

สำหรับการเผยแพร่ทางสื่อมวลชนนั้น มีการถ่ายทอดเสียงสดทางสถานีวิทยุกระจายเสียงทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเป็นแม่ข่ายในการกระจายเสียง และถ่ายทอดสด ทางสถานีโทรทัศน์แบบไม่มี ค่าใช้จ่ายทุกแห่ง และสถานีโทรทัศน์เคเบิลหรือสถานีโทรทัศน์ผ่านระบบดาวเทียม ซึ่งมีสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในนามโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เป็นแม่ข่ายในการแพร่ภาพออกอากาศ เผยแพร่ทั่วราชอาณาจักรไทย
ร้องเพลงชาติไทยดียังไง

    การร้องเพลงชาติไทยช่วยส่งเสริมให้คนไทยหันมารักกันมากกว่าเดิม มีความสมานสามัคคีเป็นอันหนึ่งอั
ภาพที่เกี่ยวข้อง
รูปภาพที่เกี่ยวข้องเพลงชาติไทย เพลงประจำชาตของคนไทยทุกคน
เพลงชาติไทย เพลงประจำชาตของปวงชนชาวไทย
อ้างอิงจาก: เพลงชาติ
แท็ก: เพลงชาติไทย
อ้างจาก: เพลงชาติเพลงชาติไทย เพลงประจำชาตของคนไทยทุกคน
หมวดหมู่: เพลงชาติ
หน้าหลัก: http://www.เพลงชาติไทย.com
รายละเอียดสินค้า: http://www.xn--72cg7ai5a2aq0ita7i3b.com
ติดต่อเรา: https://www.facebook.com/cmseogroup
ชื่อ: เพลงชาติไทย.com
ที่อยู่: ประเทศไทย
เบอร์โทรติดต่อ: ไม่ระบุ
อีเมล์: ไม่ระบุ
#5
เพลงชาติไทย ข้อมูลเพลงชาติไทย โปรดร้องเพลงชาติให้ด้วยความรักในแผ่นดินไทย

แนวคิดเพลงชาติไทย ข้อมูลอันเป็นประโยชน์เพลงชาติไทย ร้องเพลงชาติให้ดังสมกับที่เกิดเป็นคนไทย เชิญอ่านบทความที่มีความรู้ในเรื่องเพลงชาติไทยศึกษาข้อมูลได้จากเนื้อหาส่วนนี้
เพลงชาติไทย

ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย

เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน

อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล

ด้วยไทยล้วนหมาย รักสามัคคี

ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด

เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่

สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี

เถลิงประเทศชาติไทยทวี มีชัย ชโย


คนไทยควรร้องเพลงชาติไทยด้วยความภูมิใจในเอกราชอธิปไตยของไทย

    ชาวไทยทุกท่านควรร้องเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมี อย่างภาคภูมิใจ สมกับบรรพบุรุษที่รักษาเอกราชอธิปไตยมาจนถึงทุกวันนี้
    ประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้าหากทุกท่านหันมาสามัคคี ปรองดอง เป็นหนึ่งอันเดียวกัน
    การพัฒนาประเทศไทยจะรอใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ชาวไทยทุกท่านต้องร่วมมือกัน
    ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คือ ศูนย์รวมของความเป็นไทย ปวงชนชาวไทยควรปฏิบัติตนให้สมกับเป็นคนไทย
    ไม่มีเพลงชาติใดในโลกจะร้องได้ไพเราะเท่ากับเพลงชาติไทย
    ชาวไทยควรร้องเพลงชาติไทยทุกวัน เพราะรับทราบในความเป็นไทย ให้มีความสามัคคีกันเฉกเช่นที่บรรพบุรุษได้ทำมา
    คนที่ไม่เคยร้องเพลงชาติไทย หรือร้องเพลงชาติไทยไม่เป็น ไม่ใช่คนไทย
    ประเทศไทยเป็นเมืองสงบ น่าอยู่ ดั่งเพลงชาติไทย ที่กล่าวว่าไทยรักสงบ
    ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้า หากคนไทยทุกท่านสามัคคีกันเหมือนที่ร้องเพลงชาติไทย
    การไม่เห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนร่วม จะนำพาประเทศให้เจริญมั่งคั่ง
    ชาวไทยทุกท่านควรร้องเพลงชาติไทยด้วยความสำนึกในความเป็นไทย ที่บรรพบุรุษเสียสละเลือดเนื้อ เพื่อเอกราชของชาติไทย

รักประเทศไทยรู้จักประเทศไทย

    ประเทศไทยมีทั้งหมด 77 จังหวัด
    ประเทศไทยมีพื้นที่ราวๆ 513,115 ตารางกิโลเมตร
    ช้างเป็นสัตว์ประจำชาติของไทย
    ดอกไม้ประจำชาติ คือ ดอกราชพฤกษ์
    คาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย

การบรรเลงเพลงชาติไทย

จากการพัฒนาความรู้ Research เกี่ยวกับการบรรเลงเพลงชาติไทย ความว่า (ตามรายละเอียดด้านล่างนี้)

ในข้อปฏิบัติของทหารว่าด้วยการเคารพ มาตรา 3 การบรรเลงเพลงเคารพ ได้กำหนดถึงการบรรเลงเพลงเคารพในส่วนของเพลงชาติไว้ดังนี้ เพลงชาติจัดเป็นเพลงเคารพด้วยแตรวง ใช้บรรเลงแสดงความเคารพต่อธงประจำกองทหาร ธงประจำกองยุวชนทหาร ธงชาติประจำสำนักงานของรัฐบาล ในขณะขึ้นลง และธงราชนาวีประจำเรือใหญ่ในขณะทำพิธีธงขึ้นลง

แนวการปฏิบัติสำหรับธงชาติไทยโดยทั่วไป โดยบังคับใช้อยู่ในสมัยนี้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ และธงของเมืองนอก ในราชอาณาจักร พ.ศ. 2529 ได้กำหนดชัดเจนไว้เช่นกันว่า เพลงชาตินับเนื่องเป็นหนึ่งอาณัติสัญญาณในการเคารพธงชาติ กล่าวคือ

1. เมื่อมีการชักธงชาติขึ้นและลง ให้แสดงความเคารพโดยการยืนตรง หันไปทางเสาธง อาคาร หรือสถานที่ที่มีการชักธงชาติขึ้นและลง จนกว่าจะเสร็จการ

2. ในกรณีที่ได้ยินเพลงชาติหรือสัญญาณการชักธงชาติ จะเห็นหรือไม่เห็นการชักธงชาติก็ตาม ให้แสดงความเคารพโดยหยุดนิ่งในอาการสำรวม จนกว่าการชักธงชาติหรือเสียงเพลงชาติ หรือสัญญาณการชักธงชาติจะสิ้นสุดลง

แนวการปฏิบัติดังกล่าวนี้ ได้ริเริ่มให้มีขึ้นครั้งเริ่มต้น จากการบรรเลงเพลงชาติ ตามสัญญาณจากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ใน Time  08.00 น. โดยบัญชาของจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2485 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ในยุคนี้ นอกจากการบรรเลงเพลงชาติ ช่วงเวลา 08.00 น. และ 18.00 น. ผ่านทางวิทยุกระจายเสียงเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์แล้ว ยังมีการแพร่ภาพวีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ในประเทศไทยตามช่องต่างๆ อีกด้วย ซึ่งเดิมแต่ละสถานีจะเป็นผู้จัดทำวีดิทัศน์ประกอบขึ้นเอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2554 รัฐบาลไทยมีข้อบังคับให้สำนักงานนอกเวลาสร้างไม่เหมือนใครของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดทำวีดิทัศน์กลางขึ้น เพื่อเผยแพร่โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ไทยทุกแห่ง ในรูปแบบเดียวกันทั่วประเทศ โดยเริ่มใช้วีดิทัศน์ดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 เดือนตุลาคม 2554 เป็นต้นไป แต่ในปัจจุบันการ Save สื่อโทรทัศน์สามารถ Present ได้อย่างมากมายมากยิ่งขึ้น โดยทางสถานนี้ของแต่ละช่องสามารถออกแบบการ Present ไม่ว่าจะเป็นสื่อประกอบเพลงชาติ แต่ยังคงทำนองและคำรองตามแบบฉบับของทางการที่กำหนดไว้

ตามประชาสัมพันธ์คณะการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์การจัดทำผังรายการ สำหรับการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2556 กำหนดให้ผู้ที่รับใบอนุมัติที่ใช้คลื่น Frequency ให้บริการทั่วไปและต้องจัดให้ออกอากาศเพลงชาติไทยทุกวันในเวลา 08.00 น. และ 18.00 น.
วีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติไทย

  วันที่ 22  September  พ.ศ. 2554 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานได้แถลงข่าว เกี่ยวกับโครงการจัดทำวีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี โดย Office ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะอนุกรรมการปลูกฝังความรักชาติและจิตสำนึกความเป็นไทย ในคณะกรรมการไม่เหมือนใครของชาติ เล็งเห็นว่าภาพประกอบเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมีที่เผยแพร่ตั้งแต่ยุคก่อน
จนถึงปัจจุบันมีความหลากหลายมากเกินไปไม่เป็นเอกภาพ จึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจขึ้นเพื่อจัดทำดีวีดีภาพประกอบเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งมีนายวิรัช อยู่ถาวร นักดนตรีและ Author เพลง เป็นประธานโครงการ จัดทำวีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมีที่เป็นหลักการเดียวกัน โดยสร้างภาพประกอบให้สมควรกับเนื้อหาของเพลงชาติไทยและสาระของเนื้อเพลง พล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า โดยทั้ง 2 เพลงนี้ได้ใช้เนื้อร้องและทำนองเดิมทุกประการ และจัดทำปริมาณ 4 แบบ รวมทั้งสิ้น 2,000 ชุด คือ วีซีดีเพลงชาติไทย 2 รูปแบบ แบบที่ 1 ชื่อชุด ทุกเชื้อชาติร่วมใจยืนตรงเคารพธงชาติ เป็นการเสนอแนวความเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนภาคใดก็ตาม หรือนับถือศาสนาใด ทุกท่านพร้อมร่วมใจเคารพธงชาติร่วมกันด้วยความสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แบบที่ 2 ชื่อชุด ร่วมแรงร่วมใจเพื่อชาติไทยของเรา เป็นการเสนอแนวความคิด คนไทยทุกงานการ ทุกเพศทุกวัย ร่วมแรงร่วมใจระบายสีธงชาติ ซึ่งแต่ละสีสื่อถึงความหมาย สีแดงคือชาติ สีขาวคือทุกศาสนาและสีน้ำเงินคือพระมหากษัตริย์ สำหรับวีซีดีเพลงสรรเสริญพระบารมี 2 รูปแบบ แบบที่ 1 นำเสนอแนวความเข้าใจสมุดบันทึกพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกในการสร้างภาพที่งดงามสมพระเกียรติ และแบบที่ 2 นำเสนอความคิด รูปที่คนไทยทุกท่านต้องมีทุกบ้าน โดย Present ว่าไม่ว่าที่ใด พระองค์ท่านทรงอยู่เคียงข้างกับพสกนิกรและทำเพื่อปวงชนชาวไทยทุกท่าน ซึ่งเป็นการ Present ภาพพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ที่ทรงพระราชดำเนินไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วทุกภาคของประเทศไทย
วัถตุประสงค์ของการสร้างเว็บ เพลงชาติไทย.com

    เพื่อสร้างเว็บสำหรับค้นคว้าเกี่ยวกับเพลงชาติไทย และประวัติศาตร์ไทย ให้ชนรุ่นหลังได้ค้นคว้า เกี่ยวกับความเป็นมาของชนชาติไทย
    เพื่อให้เด็กและเยาวชนใช้ประกอบการศึกษา การเรียนรู้ และเป็นแหล่งศึกษาเกี่ยวกับประเทศไทย
    เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดี ให้กับเด็ก เยาวชน และคนไทยทุกคน เกี่ยวกับการรักประเทศ รักแผ่นดิน สำนึกในความเสียสละของบรรพบุรุษของไทย
    เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับชาติไทย โดยนำเสนอให้เข้าใจง่าย โดยการนำเสนอด้วยเนื้อหาที่กระทัดรัด และเข้าใจเรื่องราวของชาติไทยได้เป็นอย่างดี
    เพื่อให้คนไทยหันมารักกันให้มากๆ กว่าจะได้เอกราช บรรพบุรุษต้องแลกด้วยความเหนื่อยยาก และความเสียสละ คนไทยจึงควรมองให้ความสำคัญของประเทศชาติ
    เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ให้คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับสถาบันหลักของแผ่นดีมากกว่าประโยชน์ของตัวเอง
    เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ไทยให้ชนรุ่นหลังได้เข้าใจ โดยรวมบทความที่สัมพันธ์กับประวัติศาสตร์ในหลายแง่มุม รวมทั้งเพลงชาติไทย และเพลงที่ใช้ในพิธีสำคัญต่างๆ
    เพื่อเป็นสารานุกรมออนไลน์ให้เด็ก นิสิตนักศึกษา นักเรียน และผู้ที่ชอบ สามารถศึกษาประวัติศาตร์ของชาติไทย เพื่อปลูกจิตสำนึกรักแผ่นดินเกิดของตัวเอง
    เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝัง เด็ก เยาวชน ให้สำนึกในหน้าที่ของตัวเอง และช่วยกันดูแลเอาใจใส่ชาติตั้งแต่เยาว์วัย และปลูกฝังไม่ให้เด็กโตขึ้นเห็นประโยชน์ตัวเองมากกว่าประโยชน์ของชาติ
    เพื่อเผยแพร่เพลงชาติไทยให้กับคนไทยในประเทศ และคนไทยที่อยู่ในต่างแดน ให้หันมาชอบรากเง่าของความเป็นไทย
    เพื่อเป็น Manual การเรียนสำหรับเด็กๆ เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ที่อยากทำ Report ส่งครู คุณครู หรือผู้ที่สนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย

Data เกี่ยวกับเพลงขาติไทย

พลงชาติไทย เป็นชื่อเพลงชาติของสยามและประเทศไทย ประพันธ์ทำนองโดย พระเจนดุริยางค์

เพลงชาติไทยประพันธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2475 คำร้องฉบับแรกสุดโดยขุนวิจิตรมาตรา

เพลงชาติแบบไทย

คณะกรรมการได้พิจารณาเพลงชาติโดยตัดสินให้ผลงานเพลง "มหานิมิตร" ซึ่งได้ประพันธ์โดย จางวางทั่ว พาทยโกศล เป็นผลจากการทำงานที่ชนะเลิศ เพลงมหานิมิตรนี้จางวางทั่วได้ประพันธ์และดัดแปลงมาจากเพลงหน้าพาทย์สำคัญของไทยที่มีชื่อว่า "ตระนิมิตร" ซึ่งให้สามารถบรรเลงเป็นทางสากล เพลงตระนิมิตรนี้ เป็นเพลงที่ถือว่าเป็นเพลงบรมครู นักดนตรีจะใช้บรรเลงในพิธีสำคัญต่างๆ อาทิเช่น พิธีไหว้ครู บรรเลงเป็นการอัญเชิญ ครูบาคุณครู เทวดาทั้งหลาย มาประชุมกันเพื่อความเป็นสิริมงคล ดังนั้นจึงมีความหมาย ควรแก่การเคารพนับถือเป็นสิริมงคล สมควรที่จะใช้เป็นเพลงชาติไทยได้

รัฐบาลได้ทดสอบบรรเลงเพลงชาติไทยออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ต่อมาเมื่อคณะกรรมการวิเคราะห์แล้วว่า เพลงชาติจะเสนอผลการประกวดให้คณะรัฐมนตรีประชาสัมพันธ์ยืนยันผลนั้น คณะกรรมการ ได้ประชุมและมีความเห็นว่า เพลงชาติไทยมีลักษณะที่บ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถ้ามีการใช้อยู่ 2 เพลง จะส่งเสริมให้คลายความศักดิ์สิทธิ์ลง จึงได้ตัดสินใจไม่เสนอเพลงชาติแบบไทยซึ่งได้คัดกรองไว้ให้คณะรัฐมนตรีประชาสัมพันธ์การันตีเป็นเพลงชาติในที่สุด

เพลงชาติแบบสากล

คณะกรรมการได้วิเคราะห์เพลงชาติโดยมีความเห็นให้ใช้ทำนองเพลง ซึ่งประพันธ์โดยพระเจนดุริยางค์เป็นทำนองเพลงชาติไทยแบบสากล สำหรับบทร้องนั้นได้คัดกรองบทร้องของท่านขุนวิจิตรมาตราซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเป็นบทร้องชนะเลิศ และได้ทำการเพิ่มบทร้องของนายฉันท์ ขำวิไล ซึ่งเป็นบทร้องที่ได้รับ Award รองชนะเลิศ คณะรัฐมนตรีได้ประชาสัมพันธ์รับรองผลให้เป็นบทร้องเพลงชาติฉบับราชการเมื่อวันที่ 20 เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2477 เป็นต้นมา บทร้องเพลงชาติไทยทั้งของขุนวิจิตรมาตราและนายฉันท์ ประพันธ์ในรูปฉันทลักษณ์แบบกลอนสุภาพ กลอนแปด ความยาว 4 บท แต่ละบทมี 4 วรรค ผลจากการทำงานของแต่ละท่านจึงมีความยาวของบทร้องเป็น 16 วรรค เมื่อนำมารวมกันแล้วจึงทำให้บทร้องเพลงชาติทั้งหมดมีความยาวมากถึง 32 วรรค ซึ่งพูดได้ว่ายาวมาก หากจะร้องเพลงชาติให้ครบทั้งสี่บทจะต้องอาศัยเวลาร้องถึง 3 นาที 52 วินาที ในยุคสมัยนั้นคนไทยโดยส่วนใหญ่จึงโปรดปรานร้องเพลงขาติไทยแต่เฉพาะบทร้องของขุนวิจิตรมาตรา และต่อมาภายหลังจึงไม่มีการขับร้อง คงเหลือแต่เพียงทำนองเพลงบรรเลงไว้เท่านั้น

เพลงชาติฉบับแกรมมี่ พ.ศ. 2548

ในปี พ.ศ. 2548 กระทรวงวัฒนธรรมได้ทำการเปิดเผยเพลงชาติไทยฉบับใหม่ ซึ่งกระทรวงกลาโหมมอบหมายให้ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่  Limited  (มหาชน) เป็นผู้ประพันธ์ และจัดทำใหม่ ให้มีความมากมายมากขึ้น สำหรับใช้ในหลายความเป็นไปได้ ตาม Idea ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ต้องการส่งเสริมความเป็นชาติโปรดปรานในหมู่คนไทย ซึ่งเพลงชาติฉบับดังกล่าว มีการจัดทำออกมาถึง 6 รูปแบบ ดังนี้

1.แบบเป็นทางการ เสียงร้องหนักแน่นฮึกเหิม เหมาะสำหรับเปิดในสถานที่ราชการ ในงานราชการ งานทหาร หรือกิจกรรมที่ผู้จัดต้องการปลุกเร้าพลังรักชาติ

2.แบบไม่เป็นทางการ เสียงร้องนุ่มนวลขึ้นกว่าฉบับแรก เหมาะสำหรับเปิดในงานทางการของภาคเอกชน งานมหรสพ หรืองานกึ่งทางการกึ่งลำลอง

3.แบบแกรมมี่ซาวด์ เอาใจวัยรุ่น ขับร้องโดยนักร้องรุ่นเก่า ช่วงท้ายสร้างคีย์และเมโลดี้ใหม่

4.แบบแกรมมี่ซาวด์ เอาใจวัยรุ่น ขับร้องโดยนักร้องรุ่นใหม่ ช่วงท้ายสร้างคีย์และเมโลดี้ใหม่

5.แบบเอาใจเด็กเล็ก ใช้คณะเยาวชนร้องประสานเสียง เหมาะสำหรับเปิดในแหล่งศึกษาหาความรู้อนุบาลและประถม

6.แบบเอาใจผู้สูงอายุ ใช้เครื่องดนตรีไทยบรรเลง

เพลงชาติไทยโครงการภาครัฐ พ.ศ. 2552

ในช่วงปี พ.ศ. 2552 รัฐบาลไทยสมัยนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มี Idea ที่จะสร้างกระบวนการในการรวมพลังสร้างความสมานสามัคคีของปวงชนชาวไทยทั้งชาติ จึงจัดตั้งโครงการ ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง ขึ้น โดยร่วมมือกับ หน่วยบริหารราชการส่วนท้องถิ่นทุกจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นจังหวัดนำร่องโครงการนี้ จัดการแสดงเพื่อคำนึงถึงเอกลักษณ์ของชาติไทย เสนอประวัติศาสตร์ไทยในแต่ละจังหวัดโดยสังเขป จากนั้นจึงประกอบพิธีเคารพธงชาติไทย พร้อมบรรเลงและขับร้องเพลงชาติในเวลา 18:00 น. แลกเปลี่ยนหมุนเวียนไปยังแต่ละจังหวัด โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน - 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ซึ่งนับว่าเป็นโครงการที่ภาคประชาชนให้ความใส่ใจและเข้าร่วมจำนวนมาก

สำหรับการเผยแพร่ทางสื่อมวลชนนั้น มีการถ่ายทอดเสียงสดทางสถานีวิทยุกระจายเสียงทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเป็นแม่ข่ายในการกระจายเสียง และถ่ายทอดสด ทางสถานีโทรทัศน์แบบไม่มี รายจ่ายทุกแห่ง และสถานีโทรทัศน์เคเบิลหรือสถานีโทรทัศน์ผ่านระบบดาวเทียม ซึ่งมีสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในนามโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เป็นแม่ข่ายในการแพร่ภาพออกอากาศ เผยแพร่ทั่วราชอาณาจักรไทย
ร้องเพลงชาติไทยดียังไง

    การร้องเพลงชาติไทยช่วยสนับสนุนให้คนไทยหันมารักกันมากกว่าเดิม มีความสมานสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
    การร้องเพลงชาติไทยทำให้คนไทยตระหนักและสำน
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
รูปภาพที่เกี่ยวข้องเพลงชาติไทย ข้อมูลเพลงชาติไทย โปรดร้องเพลงชาติให้ด้วยความรักในแผ่นดินไทย
เพลงชาติไทย ข้อมูลอันเป็นประโยชน์เพลงชาติไทย ร้องเพลงชาติให้ดังสมกับที่เกิดเป็นคนไทย
อ้างอิงจาก: เพลงชาติไทย
แท็ก: เพลงชาติไทย
อ้างจาก: เพลงชาติไทยเพลงชาติไทย ข้อมูลเพลงชาติไทย โปรดร้องเพลงชาติให้ด้วยความรักในแผ่นดินไทย
หมวดหมู่: เพลงชาติ
หน้าหลัก: http://www.เพลงชาติไทย.com
รายละเอียดสินค้า: http://www.xn--72cg7ai5a2aq0ita7i3b.com
ติดต่อเรา: https://www.facebook.com/cmseogroup
ชื่อ: เพลงชาติไทย.com
ที่อยู่: ประเทศไทย
เบอร์โทรติดต่อ: ไม่ระบุ
อีเมล์: ไม่ระบุ
#6
ร้องเพลงชาติไทย เรียนรู้เกี่ยวกับเพลงชาติไทย ร้องเพลงชาติให้ดังสมกับที่เกิดเป็นคนไทย

ร้องเพลงชาติไทย แนะนำบล็อกเพลงชาติไทย ประวัติความเป็นมาของเพลงชาติไทย มาเรียนรู้เนื้อหาสาระเกี่ยวกับเพลงชาติไทยซึ่งสามารถศึกษาข้อมูลจากเนื้อหานี้
เพลงชาติไทย

ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย

เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน

อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล

ด้วยไทยล้วนหมาย รักสามัคคี

ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด

เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่

สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี

เถลิงประเทศชาติไทยทวี มีชัย ชโย


คนไทยควรร้องเพลงชาติไทยด้วยความภาคภูมิใจในเอกราชอธิปไตยของไทย

    ชาวไทยทุกท่านควรร้องเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมี อย่างอิ่มอกอิ่มใจ สมกับบรรพบุรุษที่รักษาเอกราชอธิปไตยมาจนถึงทุกวันนี้
    ประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้าหากทุกคนหันมาสามัคคี ปรองดอง เป็นหนึ่งอันเดียวกัน
    การพัฒนาประเทศไทยจะรอใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ชาวไทยทุกคนต้องร่วมมือกัน
    ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คือ ศูนย์รวมของความเป็นไทย ปวงชนชาวไทยควรปฏิบัติตนให้สมกับเป็นคนไทย
    ไม่มีเพลงชาติใดในโลกจะร้องได้ไพเราะเท่ากับเพลงชาติไทย
    ชาวไทยควรร้องเพลงชาติไทยทุกวัน เพราะรับทราบในความเป็นไทย ให้มีความสามัคคีกันเฉกเช่นที่บรรพบุรุษได้ทำมา
    คนที่ไม่เคยร้องเพลงชาติไทย หรือร้องเพลงชาติไทยไม่เป็น ไม่ใช่คนไทย
    ประเทศไทยเป็นเมืองสงบ น่าอยู่ ดั่งเพลงชาติไทย ที่กล่าวว่าไทยรักสงบ
    ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้า หากคนไทยทุกคนสามัคคีกันเหมือนที่ร้องเพลงชาติไทย
    การไม่เห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนร่วม จะนำพาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง
    ชาวไทยทุกท่านควรร้องเพลงชาติไทยด้วยความสำนึกในความเป็นไทย ที่บรรพบุรุษเสียสละเลือดเนื้อ เพื่อเอกราชของชาติไทย

รักประเทศไทยรู้จักประเทศไทย

    ประเทศไทยมีทั้งหมด 77 จังหวัด
    ประเทศไทยมีพื้นที่ประมาณ 513,115  Table กิโลเมตร
    ช้างเป็นสัตว์ประจำชาติของไทย
    ดอกไม้ประจำชาติ คือ ดอกราชพฤกษ์
    คาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย

การบรรเลงเพลงชาติไทย

จากการเรียนรู้ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับการบรรเลงเพลงชาติไทย ความว่า (ตามรายละเอียดด้านล่างนี้)

ในข้อบังคับของทหารว่าด้วยการเคารพ มาตรา 3 การบรรเลงเพลงเคารพ ได้กำหนดถึงการบรรเลงเพลงเคารพในส่วนของเพลงชาติไว้ดังนี้ เพลงชาติจัดเป็นเพลงเคารพด้วยแตรวง ใช้บรรเลงแสดงความเคารพต่อธงประจำกองทหาร ธงประจำกองยุวชนทหาร ธงชาติประจำสำนักงานของรัฐบาล ในขณะขึ้นลง และธงราชนาวีประจำเรือใหญ่ในขณะทำพิธีธงขึ้นลง

แนวการปฏิบัติสำหรับธงชาติไทยโดยทั่วไป โดยบังคับใช้อยู่ในสมัยนี้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ และธงของเมืองนอก ในราชอาณาจักร พ.ศ. 2529 ได้กำหนดแจ่มแจ้งไว้เช่นกันว่า เพลงชาตินับเนื่องเป็นหนึ่งอาณัติสัญญาณในการเคารพธงชาติ กล่าวคือ

1. เมื่อมีการชักธงชาติขึ้นและลง ให้แสดงความเคารพโดยการยืนตรง หันไปทางเสาธง อาคาร หรือสถานที่ที่มีการชักธงชาติขึ้นและลง จนกว่าจะเสร็จการ

2. ในกรณีที่ได้ยินเพลงชาติหรือสัญญาณการชักธงชาติ จะเห็นหรือไม่เห็นการชักธงชาติก็ตาม ให้แสดงความเคารพโดยหยุดนิ่งในอาการสำรวม จนกว่าการชักธงชาติหรือเสียงเพลงชาติ หรือสัญญาณการชักธงชาติจะสิ้นสุดลง

แนวการปฏิบัติดังกล่าวนี้ ได้ริเริ่มให้มีขึ้นครั้งแรก จากการบรรเลงเพลงชาติ ตามสัญญาณจากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ใน Time  08.00 น. โดยบัญชาของจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2485 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ในปัจจุบัน นอกจากการบรรเลงเพลงชาติ ช่วงวันเวลา 08.00 น. และ 18.00 น. ผ่านทางวิทยุกระจายเสียงเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์แล้ว ยังมีการแพร่ภาพวีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ในเมืองไทยตามช่องต่างๆ อีกด้วย ซึ่งเดิมแต่ละสถานีจะเป็นผู้จัดทำวีดิทัศน์ประกอบขึ้นเอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2554 รัฐบาลไทยมีกฎระเบียบให้สำนักรายได้เสริมสร้างไม่เหมือนใครของชาติ  Office ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดทำวีดิทัศน์กลางขึ้น เพื่อเผยแพร่โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ไทยทุกแห่ง ในรูปแบบเดียวกันทั่วประเทศ โดยเริ่มใช้วีดิทัศน์ดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไป แต่ในปัจจุบันการบันทึกสื่อโทรทัศน์สามารถ Present ได้อย่างหลากหลายมากกว่าเดิม โดยทางสถานนี้ของแต่ละช่องสามารถดีไซน์การนำเสนอไม่ว่าจะเป็นสื่อประกอบเพลงชาติ แต่ยังคงทำนองและคำรองตามแบบฉบับของทางการที่กำหนดไว้

ตามประชาสัมพันธ์คณะการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์การจัดทำผังรายการ สำหรับการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2556 กำหนดให้ผู้ที่รับใบอนุญาตที่ใช้คลื่น Frequency ให้บริการทั่วไปและต้องจัดให้ออกอากาศเพลงชาติไทยทุกวันในเวลา 08.00 น. และ 18.00 น.
วีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติไทย

  วันที่ 22 เดือนกันยายน พ.ศ. 2554 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานได้แถลงข่าว เกี่ยวกับโครงการจัดทำวีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะอนุกรรมการปลูกฝังความรักชาติและจิตสำนึกความเป็นไทย ในคณะกรรมการไม่เหมือนใครของชาติ เล็งเห็นว่าภาพประกอบเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมีที่เผยแพร่ตั้งแต่ยุคก่อน
จนถึงยุคปัจจุบันมีความหลากหลายมากเกินไปไม่เป็นเอกภาพ จึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจขึ้นเพื่อจัดทำดีวีดีภาพประกอบเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งมีนายวิรัช อยู่ถาวร นักดนตรีและนักประพันธ์เพลง เป็นประธานโครงการ จัดทำวีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมีที่เป็นแนวทางเดียวกัน โดยสร้างภาพประกอบให้สมควรกับเนื้อหาของเพลงชาติไทยและสาระของเนื้อเพลง พล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า โดยทั้ง 2 เพลงนี้ได้ใช้เนื้อร้องและทำนองเดิมทุกประการ และจัดทำปริมาณ 4 แบบ รวมทั้งสิ้น 2,000 ชุด คือ วีซีดีเพลงชาติไทย 2 รูปแบบ แบบที่ 1 ชื่อชุด ทุกเชื้อชาติร่วมใจยืนตรงเคารพธงชาติ เป็นการเสนอแนวความเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนภาคใดก็ตาม หรือนับถือศาสนาใด ทุกท่านพร้อมร่วมใจเคารพธงชาติร่วมกันด้วยความสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แบบที่ 2 ชื่อชุด ร่วมแรงร่วมใจเพื่อชาติไทยของเรา เป็นการเสนอแนวความคิด คนไทยทุกวิชาชีพ ทุกเพศทุกวัย ร่วมใจระบายสีธงชาติ ซึ่งแต่ละสีสื่อถึงความหมาย สีแดงคือชาติ สีขาวคือทุกศาสนาและสีน้ำเงินคือพระมหากษัตริย์ สำหรับวีซีดีเพลงสรรเสริญพระบารมี 2 รูปแบบ แบบที่ 1  Present แนวความนึกคิดสมุดจัดเก็บพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกในการสร้างภาพที่งดงามสมพระเกียรติ และแบบที่ 2 นำเสนอความคิด รูปที่คนไทยทุกคนต้องมีทุกบ้าน โดยนำเสนอว่าไม่ว่าที่ใด พระองค์ท่านทรงอยู่เคียงข้างกับพสกนิกรและทำเพื่อปวงชนชาวไทยทุกคน ซึ่งเป็นการนำเสนอภาพพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ที่ทรงพระราชดำเนินไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วทุกภาคของประเทศไทย
วัถตุประสงค์ของการสร้างเว็บ เพลงชาติไทย.com

    เพื่อสร้างเว็บสำหรับ Learning เกี่ยวกับเพลงชาติไทย และประวัติศาตร์ไทย ให้ชนรุ่นหลังได้วิจัย เกี่ยวกับความเป็นมาของชนชาติไทย
    เพื่อให้เด็กและเยาวชนใช้ประกอบการศึกษา การพัฒนาความรู้ และเป็นแหล่งค้นคว้าเกี่ยวกับประเทศไทย
    เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดี ให้กับเด็ก เยาวชน และคนไทยทุกท่าน เกี่ยวกับการรักประเทศ รักแผ่นดิน สำนึกในความเสียสละของบรรพบุรุษของไทย
    เพื่อเผยแพร่ Knowledge เกี่ยวกับชาติไทย โดยนำเสนอให้เข้าใจง่าย โดยการ Present ด้วยบทความที่กระทัดรัด และเข้าใจเรื่องราวของชาติไทยได้เป็นอย่างดี
    เพื่อให้คนไทยหันมารักกันให้มากๆ กว่าจะได้เอกราช บรรพบุรุษต้องแลกด้วยความเหนื่อยยาก และความเสียสละ คนไทยจึงควรมองให้ความสำคัญของประเทศชาติ
    เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ให้คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับสถาบันหลักของแผ่นดีมากกว่าประโยชน์ของตัวเอง
    เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ไทยให้ชนรุ่นหลังได้เข้าใจ โดยรวมเนื้อหาที่สัมพันธ์กับประวัติศาสตร์ในหลายแง่มุม รวมทั้งเพลงชาติไทย และเพลงที่ใช้ในพิธีสำคัญต่างๆ
    เพื่อเป็นสารานุกรมออนไลน์ให้เด็ก นักเรียน  Scholar  และผู้ที่สนใจ สามารถค้นคว้าประวัติศาตร์ของชาติไทย เพื่อปลูกจิตสำนึกรักแผ่นดินเกิดของตัวเอง
    เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝัง เด็ก เยาวชน ให้รับทราบในหน้าที่ของตัวเอง และช่วยกันดูแลเอาใจใส่ชาติตั้งแต่เยาว์วัย และปลูกฝังไม่ให้เด็กโตขึ้นเห็นประโยชน์ตัวเองมากกว่าประโยชน์ของชาติ
    เพื่อเผยแพร่เพลงชาติไทยให้กับคนไทยในประเทศ และคนไทยที่อยู่ในต่างแดน ให้หันมาสนใจรากเง่าของความเป็นไทย
    เพื่อเป็นคู่มือการศึกษาสำหรับเด็กๆ เยาวชน นิสิตนักศึกษา  Scholar  ที่ต้องการทำรายงานส่งครู อาจารย์ หรือผู้ที่ชอบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย

Data เกี่ยวกับเพลงขาติไทย

พลงชาติไทย เป็นชื่อเพลงชาติของสยามและประเทศไทย ประพันธ์ทำนองโดย พระเจนดุริยางค์

เพลงชาติไทยประพันธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2475 คำร้องฉบับแรกสุดโดยขุนวิจิตรมาตรา

เพลงชาติแบบไทย

คณะกรรมการได้วิเคราะห์เพลงชาติโดยตัดสินให้ผลงานเพลง "มหานิมิตร" ซึ่งได้ประพันธ์โดย จางวางทั่ว พาทยโกศล เป็นผลจากการทำงานที่ชนะเลิศ เพลงมหานิมิตรนี้จางวางทั่วได้ประพันธ์และดัดแปลงมาจากเพลงหน้าพาทย์สำคัญของไทยที่มีชื่อว่า "ตระนิมิตร" ซึ่งให้สามารถบรรเลงเป็นทางสากล เพลงตระนิมิตรนี้ เป็นเพลงที่ถือว่าเป็นเพลงบรมครู นักดนตรีจะใช้บรรเลงในพิธีสำคัญต่างๆ อาทิเช่น พิธีไหว้ครู บรรเลงเป็นการอัญเชิญ ครูบาคุณครู เทวดาทั้งหลาย มาประชุมกันเพื่อความเป็นสิริมงคล เพราะฉะนั้นจึงมีความหมาย ควรแก่การเคารพนับถือเป็นสิริมงคล สมควรที่จะใช้เป็นเพลงชาติไทยได้

รัฐบาลได้ทดสอบบรรเลงเพลงชาติไทยออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ต่อมาเมื่อคณะกรรมการวิเคราะห์แล้วว่า เพลงชาติจะเสนอผลการประกวดให้คณะรัฐมนตรีประกาศยืนยันผลนั้น คณะกรรมการ ได้ประชุมและมีความเห็นว่า เพลงชาติไทยมีลักษณะที่บ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถ้ามีการใช้อยู่ 2 เพลง จะส่งเสริมให้คลายความศักดิ์สิทธิ์ลง จึงได้ตัดสินใจไม่เสนอเพลงชาติแบบไทยซึ่งได้คัดกรองไว้ให้คณะรัฐมนตรีประชาสัมพันธ์ยืนยันเป็นเพลงชาติในที่สุด

เพลงชาติแบบสากล

คณะกรรมการได้วิเคราะห์เพลงชาติโดยมีความเห็นให้ใช้ทำนองเพลง ซึ่งประพันธ์โดยพระเจนดุริยางค์เป็นทำนองเพลงชาติไทยแบบสากล สำหรับบทร้องนั้นได้คัดกรองบทร้องของท่านขุนวิจิตรมาตราซึ่งได้ปรับปรุงเพิ่มเป็นบทร้องชนะเลิศ และได้ทำการเพิ่มบทร้องของนายฉันท์ ขำวิไล ซึ่งเป็นบทร้องที่ได้รับการเชิดชูรองชนะเลิศ คณะรัฐมนตรีได้ประชาสัมพันธ์ยืนยันผลให้เป็นบทร้องเพลงชาติฉบับราชการเมื่อวันที่ 20  August  พ.ศ. 2477 เป็นต้นมา บทร้องเพลงชาติไทยทั้งของขุนวิจิตรมาตราและนายฉันท์ ประพันธ์ในรูปฉันทลักษณ์แบบกลอนสุภาพ กลอนแปด ความยาว 4 บท แต่ละบทมี 4 วรรค ผลจากการทำงานของแต่ละท่านจึงมีความยาวของบทร้องเป็น 16 วรรค เมื่อนำมารวมกันแล้วจึงทำให้บทร้องเพลงชาติทั้งหมดมีความยาวมากถึง 32 วรรค ซึ่งกล่าวได้ว่ายาวมาก หากจะร้องเพลงชาติให้ครบทั้งสี่บทจะต้องอาศัยเวลาร้องถึง 3 นาที 52 วินาที ในยุคสมัยนั้นคนไทยส่วนมากจึงนิยมร้องเพลงขาติไทยแต่เฉพาะบทร้องของขุนวิจิตรมาตรา และต่อมาภายหลังจึงไม่มีการขับร้อง คงเหลือเพียงเพียงทำนองเพลงบรรเลงไว้เท่านั้น

เพลงชาติฉบับแกรมมี่ พ.ศ. 2548

ในปี พ.ศ. 2548 กระทรวง Culture ได้ทำการเปิดเผยเพลงชาติไทยฉบับใหม่ ซึ่งกระทรวงกลาโหมมอบหมายให้ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เรียบเรียง และจัดทำใหม่ ให้มีความมากมายมากขึ้น สำหรับใช้ในหลายหนทาง ตามแนวความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ต้องการส่งเสริมความเป็นชาติพอใจในหมู่คนไทย ซึ่งเพลงชาติฉบับดังกล่าว มีการจัดทำออกมาถึง 6 รูปแบบ ดังนี้

1.แบบเป็นทางการ เสียงร้องหนักแน่นฮึกเหิม เหมาะสำหรับเปิดในสถานที่ราชการ ในงานราชการ งานทหาร หรือกิจกรรมที่ผู้จัดอยากปลุกเร้าพลังรักชาติ

2.แบบไม่เป็นทางการ เสียงร้องนุ่มนวลขึ้นกว่าฉบับแรก เหมาะสำหรับเปิดในงานทางการของภาคเอกชน งานมหรสพ หรืองานกึ่งทางการกึ่งลำลอง

3.แบบแกรมมี่ซาวด์ เอาใจวัยรุ่น ขับร้องโดยนักร้องรุ่นเก่า ช่วงท้ายสร้างคีย์และเมโลดี้ใหม่

4.แบบแกรมมี่ซาวด์ เอาใจวัยรุ่น ขับร้องโดยนักร้องรุ่นใหม่ ช่วงท้ายสร้างคีย์และเมโลดี้ใหม่

5.แบบเอาใจเด็กเล็ก ใช้คณะเยาวชนร้องประสานเสียง เหมาะสำหรับเปิดในโรงเรียนอนุบาลและประถม

6.แบบเอาใจผู้สูงอายุ ใช้เครื่องดนตรีไทยบรรเลง

เพลงชาติไทยโครงการภาครัฐ พ.ศ. 2552

ในช่วงปี พ.ศ. 2552 รัฐบาลไทยสมัยนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มี Idea ที่จะสร้างหลักการในการรวมพลังสร้างความสมานสามัคคีของปวงชนชาวไทยทั้งชาติ จึงจัดตั้งโครงการ ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง ขึ้น โดยร่วมมือกับ หน่วยจัดการราชการส่วนท้องถิ่นทุกจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นจังหวัดนำร่องโครงการนี้ จัดการแสดงเพื่อคิดถึงถึงไม่เหมือนใครของชาติไทย เสนอประวัติศาสตร์ไทยในแต่ละจังหวัดโดยสังเขป จากนั้นจึงประกอบพิธีเคารพธงชาติไทย พร้อมบรรเลงและขับร้องเพลงชาติในเวลา 18:00 น. แลกเปลี่ยนหมุนเวียนไปยังแต่ละจังหวัด โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน - 5  December  พ.ศ. 2552 ซึ่งนับว่าเป็นโครงการที่ภาคประชาชนให้ความสนใจและเข้าร่วมจำนวนมาก

สำหรับการเผยแพร่ทางสื่อมวลชนนั้น มีการถ่ายทอดเสียงสดทางสถานีวิทยุกระจายเสียงทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเป็นแม่ข่ายในการกระจายเสียง และถ่ายทอดสด ทางสถานีโทรทัศน์แบบไม่มี รายจ่ายทุกแห่ง และสถานีโทรทัศน์เคเบิลหรือสถานีโทรทัศน์ผ่านระบบดาวเทียม ซึ่งมีสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในนามโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เป็นแม่ข่ายในการแพร่ภาพออกอากาศ เผยแพร่ทั่วราชอาณาจักรไทย
ร้องเพลงชาติไทยดีอย่างไร

    การร้องเพลงชาติไทยช่วยส่งเสริมให้คนไทยหันมารักกันมากยิ่งขึ้น มีความสมานสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
   
รูปที่เกี่ยวข้อง
รูปภาพที่เกี่ยวข้องร้องเพลงชาติไทย เรียนรู้เกี่ยวกับเพลงชาติไทย ร้องเพลงชาติให้ดังสมกับที่เกิดเป็นคนไทย
ร้องเพลงชาติไทย เรียนรู้เกี่ยวกับเพลงชาติไทย เพลงอันยิ่งใหญ่บนผืนแผ่นดินไทย
อ้างอิงจาก: เพลงชาติไทย
แท็ก: เพลงชาติไทย
อ้างจาก: เพลงชาติไทยร้องเพลงชาติไทย เรียนรู้เกี่ยวกับเพลงชาติไทย ร้องเพลงชาติให้ดังสมกับที่เกิดเป็นคนไทย
หมวดหมู่: เพลงชาติ
หน้าหลัก: http://www.เพลงชาติไทย.com
รายละเอียดสินค้า: http://www.xn--72cg7ai5a2aq0ita7i3b.com
ติดต่อเรา: https://www.facebook.com/cmseogroup
ชื่อ: เพลงชาติไทย.com
ที่อยู่: ประเทศไทย
เบอร์โทรติดต่อ: ไม่ระบุ
อีเมล์: ไม่ระบุ
#7
เว็บเพลงชาติไทย เรียนรู้เกี่ยวกับเพลงชาติไทย บทเพลงอันยิ่งใหญ่บนแผ่นดินทอง

เว็บเพลงชาติไทย แนะนำเว็บเพลงชาติไทย บนเพลงอันทรงคุณค่าในใจชาวไทยทุกคน วันนี้ผมจะขอนำเสนอเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับเพลงชาติไทยสามารถอ่านข้อมูลและรายละเอียดต่างๆจากส่วนนี้
เพลงชาติไทย

ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย

เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน

อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล

ด้วยไทยล้วนหมาย รักสามัคคี

ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด

เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่

สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี

เถลิงประเทศชาติไทยทวี มีชัย ชโย


คนไทยควรร้องเพลงชาติไทยด้วยความภาคภูมิใจในเอกราชอธิปไตยของไทย

    ชาวไทยทุกท่านควรร้องเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมี อย่างภาคภูมิใจ สมกับบรรพบุรุษที่รักษาเอกราชอธิปไตยมาจนถึงทุกวันนี้
    ประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้าหากทุกท่านหันมาสามัคคี ปรองดอง เป็นหนึ่งอันเดียวกัน
    การพัฒนาประเทศไทยจะรอใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ชาวไทยทุกคนต้องร่วมมือกัน
    ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คือ ศูนย์รวมของความเป็นไทย ปวงชนชาวไทยควรปฏิบัติตนให้สมกับเป็นคนไทย
    ไม่มีเพลงชาติใดในโลกจะร้องได้ไพเราะเท่ากับเพลงชาติไทย
    ชาวไทยควรร้องเพลงชาติไทยทุกวัน เพราะเข้าใจในความเป็นไทย ให้มีความสามัคคีกันเฉกเช่นที่บรรพบุรุษได้ทำมา
    คนที่ไม่เคยร้องเพลงชาติไทย หรือร้องเพลงชาติไทยไม่เป็น ไม่ใช่คนไทย
    ประเทศไทยเป็นเมืองสงบ น่าอยู่ ดั่งเพลงชาติไทย ที่กล่าวว่าไทยรักสงบ
    ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้า หากคนไทยทุกท่านสามัคคีกันเหมือนที่ร้องเพลงชาติไทย
    การไม่เห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนร่วม จะนำพาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง
    ชาวไทยทุกคนควรร้องเพลงชาติไทยด้วยความสำนึกในความเป็นไทย ที่บรรพบุรุษเสียสละเลือดเนื้อ เพื่อเอกราชของชาติไทย

รักประเทศไทยรู้จักประเทศไทย

    ประเทศไทยมีทั้งหมด 77 จังหวัด
    ประเทศไทยมีพื้นที่ประมาณ 513,115  Table กิโลเมตร
    ช้างเป็นสัตว์ประจำชาติของไทย
    ดอกไม้ประจำชาติ คือ ดอกราชพฤกษ์
    คาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย

การบรรเลงเพลงชาติไทย

จากการเรียนรู้ค้นคว้าเกี่ยวกับการบรรเลงเพลงชาติไทย ความว่า (ตาม Detail ด้านล่างนี้)

ในข้อบังคับของทหารว่าด้วยการเคารพ มาตรา 3 การบรรเลงเพลงเคารพ ได้ระบุถึงการบรรเลงเพลงเคารพในส่วนของเพลงชาติไว้ดังนี้ เพลงชาติจัดเป็นเพลงเคารพด้วยแตรวง ใช้บรรเลงแสดงความเคารพต่อธงประจำกองทหาร ธงประจำกองยุวชนทหาร ธงชาติประจำสำนักงานของรัฐบาล ในขณะขึ้นลง และธงราชนาวีประจำเรือใหญ่ในขณะทำพิธีธงขึ้นลง

แนวการปฏิบัติสำหรับธงชาติไทยโดยทั่วไป โดยบังคับใช้อยู่ในปัจจุบันตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ และธงของต่างประเทศ ในราชอาณาจักร พ.ศ. 2529 ได้ระบุชัดเจนไว้เช่นกันว่า เพลงชาตินับเนื่องเป็นหนึ่งอาณัติสัญญาณในการเคารพธงชาติ กล่าวคือ

1. เมื่อมีการชักธงชาติขึ้นและลง ให้แสดงความเคารพโดยการยืนตรง หันไปทางเสาธง อาคาร หรือสถานที่ที่มีการชักธงชาติขึ้นและลง จนกว่าจะเสร็จการ

2. ในกรณีที่ได้ยินเพลงชาติหรือสัญญาณการชักธงชาติ จะเห็นหรือไม่เห็นการชักธงชาติก็ตาม ให้แสดงความเคารพโดยหยุดนิ่งในอาการสำรวม จนกว่าการชักธงชาติหรือเสียงเพลงชาติ หรือสัญญาณการชักธงชาติจะสิ้นสุดลง

แนวการปฏิบัติดังกล่าวนี้ ได้ริเริ่มให้มีขึ้นครั้งแรก จากการบรรเลงเพลงชาติ ตามสัญญาณจากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ในเวลา 08.00 น. โดยบัญชาของจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2485 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ในปัจจุบัน นอกจากการบรรเลงเพลงชาติ ช่วงวันเวลา 08.00 น. และ 18.00 น. ผ่านทางวิทยุกระจายเสียงเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์แล้ว ยังมีการแพร่ภาพวีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ในเมืองไทยตามช่องต่างๆ อีกด้วย ซึ่งเดิมแต่ละสถานีจะเป็นผู้จัดทำวีดิทัศน์ประกอบขึ้นเอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2554 รัฐบาลไทยมีกฎเกณฑ์ให้สำนักงานนอกเวลาสร้างความโดดเด่นของชาติ ออฟฟิคปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดทำวีดิทัศน์กลางขึ้น เพื่อเผยแพร่โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ไทยทุกแห่ง ในรูปแบบเดียวกันทั่วประเทศ โดยเริ่มใช้วีดิทัศน์ดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไป แต่ในปัจจุบันการ Save สื่อโทรทัศน์สามารถนำเสนอได้อย่างมากมายมากยิ่งขึ้น โดยทางสถานนี้ของแต่ละช่องสามารถ Design การนำเสนอไม่ว่าจะเป็นสื่อประกอบเพลงชาติ แต่ยังคงทำนองและคำรองตามแบบฉบับของทางการที่กำหนดไว้

ตามประกาศคณะการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์การจัดทำผังรายการ สำหรับการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2556 กำหนดให้ผู้ที่รับใบ Approve ที่ใช้คลื่นความถี่ให้บริการทั่วไปและต้องจัดให้ออกอากาศเพลงชาติไทยทุกวันใน Time  08.00 น. และ 18.00 น.
วีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติไทย

  วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานได้แถลงข่าว เกี่ยวกับโครงการจัดทำวีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยออฟฟิคปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะอนุกรรมการปลูกฝังความรักชาติและจิตสำนึกความเป็นไทย ในคณะกรรมการไม่เหมือนใครของชาติ เล็งเห็นว่าภาพประกอบเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมีที่เผยแพร่ตั้งแต่อดีต
จนถึงปัจจุบันมีความหลากหลายมากจนเกินไปไม่เป็นเอกภาพ จึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจขึ้นเพื่อจัดทำดีวีดีภาพประกอบเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งมีนายวิรัช อยู่ถาวร นักดนตรีและ Author เพลง เป็นประธานโครงการ จัดทำวีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมีที่เป็นขั้นตอนเดียวกัน โดยสร้างภาพประกอบให้สมควรกับบทความของเพลงชาติไทยและสาระของเนื้อเพลง พล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า โดยทั้ง 2 เพลงนี้ได้ใช้เนื้อร้องและทำนองเดิมทุกประการ และจัดทำปริมาณ 4 แบบ รวมทั้งสิ้น 2,000 ชุด คือ วีซีดีเพลงชาติไทย 2 รูปแบบ แบบที่ 1 ชื่อชุด ทุกเชื้อชาติร่วมใจยืนตรงเคารพธงชาติ เป็นการเสนอแนวความนึกคิด ไม่ว่าจะเป็นคนภาคใดก็ตาม หรือนับถือศาสนาใด ทุกคนพร้อมร่วมใจเคารพธงชาติร่วมกันด้วยความสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แบบที่ 2 ชื่อชุด ร่วมใจเพื่อชาติไทยของเรา เป็นการเสนอแนวความคิด คนไทยทุกงานการ ทุกเพศทุกวัย ร่วมใจระบายสีธงชาติ ซึ่งแต่ละสีสื่อถึงความหมาย สีแดงคือชาติ สีขาวคือทุกศาสนาและสีน้ำเงินคือพระมหากษัตริย์ สำหรับวีซีดีเพลงสรรเสริญพระบารมี 2 รูปแบบ แบบที่ 1 นำเสนอแนวความคิดความอ่านสมุดจัดเก็บพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยใช้ Computer  Graphics ในการสร้างภาพที่งดงามสมพระเกียรติ และแบบที่ 2 นำเสนอแนวคิด รูปที่คนไทยทุกคนต้องมีทุกบ้าน โดย Present ว่าไม่ว่าที่ใด พระองค์ท่านทรงอยู่เคียงข้างกับพสกนิกรและทำเพื่อปวงชนชาวไทยทุกคน ซึ่งเป็นการ Present ภาพพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ที่ทรงพระราชดำเนินไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วทุกภาคของประเทศไทย
วัถตุประสงค์ของการสร้างเว็บ เพลงชาติไทย.com

    เพื่อสร้างเว็บสำหรับค้นคว้าเกี่ยวกับเพลงชาติไทย และประวัติศาตร์ไทย ให้ชนรุ่นหลังได้ Study  เกี่ยวกับความเป็นมาของชนชาติไทย
    เพื่อให้เด็กและเยาวชนใช้ประกอบการเรียน การเรียนรู้ และเป็นแหล่งศึกษาเกี่ยวกับประเทศไทย
    เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดี ให้กับเด็ก เยาวชน และคนไทยทุกคน เกี่ยวกับการรักประเทศ รักแผ่นดิน สำนึกในความเสียสละของบรรพบุรุษของไทย
    เพื่อเผยแพร่ Knowledge เกี่ยวกับชาติไทย โดยนำเสนอให้เข้าใจง่าย โดยการ Present ด้วยเนื้อหาที่กระทัดรัด และเข้าใจเรื่องราวของชาติไทยได้เป็นอย่างดี
    เพื่อให้คนไทยหันมารักกันให้มากๆ กว่าจะได้เอกราช บรรพบุรุษต้องแลกด้วยความเหนื่อยยาก และความเสียสละ คนไทยจึงควรมองให้ความสำคัญของประเทศชาติ
    เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ให้คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับสถาบันหลักของแผ่นดีมากกว่าประโยชน์ของตัวเอง
    เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ไทยให้ชนรุ่นหลังได้เข้าใจ โดยรวบรวมบทความที่สอดคล้องกับประวัติศาสตร์ในหลายแง่มุม รวมทั้งเพลงชาติไทย และเพลงที่ใช้ในพิธีสำคัญต่างๆ
    เพื่อเป็นสารานุกรมออนไลน์ให้เด็ก  Student   Scholar  และผู้ที่สนใจ สามารถ Study ประวัติศาตร์ของชาติไทย เพื่อปลูกจิตสำนึกรักแผ่นดินเกิดของตัวเอง
    เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝัง เด็ก เยาวชน ให้รับทราบในหน้าที่ของตัวเอง และช่วยกันรักษาชาติตั้งแต่เยาว์วัย และปลูกฝังไม่ให้เด็กโตขึ้นเห็นประโยชน์ตัวเองมากกว่าประโยชน์ของชาติ
    เพื่อเผยแพร่เพลงชาติไทยให้กับคนไทยในประเทศ และคนไทยที่อยู่ในต่างแดน ให้หันมาชอบรากเง่าของความเป็นไทย
    เพื่อเป็นคู่มือการศึกษาสำหรับเด็กๆ เยาวชน นิสิตนักศึกษา นักศึกษา ที่ต้องการทำ Report ส่งครู อาจารย์ หรือผู้ที่ชอบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย

Data เกี่ยวกับเพลงขาติไทย

พลงชาติไทย เป็นชื่อเพลงชาติของสยามและประเทศไทย ประพันธ์ทำนองโดย พระเจนดุริยางค์

เพลงชาติไทยประพันธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2475 คำร้องฉบับแรกสุดโดยขุนวิจิตรมาตรา

เพลงชาติแบบไทย

คณะกรรมการได้วิเคราะห์เพลงชาติโดยตัดสินให้ผลงานเพลง "มหานิมิตร" ซึ่งได้ประพันธ์โดย จางวางทั่ว พาทยโกศล เป็นผลงานที่ชนะเลิศ เพลงมหานิมิตรนี้จางวางทั่วได้ประพันธ์และดัดแปลงมาจากเพลงหน้าพาทย์สำคัญของไทยที่มีชื่อว่า "ตระนิมิตร" ซึ่งให้สามารถบรรเลงเป็นทางสากล เพลงตระนิมิตรนี้ เป็นเพลงที่ถือว่าเป็นเพลงบรมครู นักดนตรีจะใช้บรรเลงในพิธีสำคัญต่างๆ อาทิเช่น พิธีไหว้ครู บรรเลงเป็นการอัญเชิญ ครูบาอาจารย์ เทวดาทั้งหลาย มาประชุมกันเพื่อความเป็นสิริมงคล เพราะฉะนั้นจึงมีความหมาย ควรแก่การเคารพนับถือเป็นสิริมงคล สมควรที่จะใช้เป็นเพลงชาติไทยได้

รัฐบาลได้ทดสอบบรรเลงเพลงชาติไทยออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงอยู่ระยะเวลาหนึ่ง แต่ต่อมาเมื่อคณะกรรมการวิเคราะห์แล้วว่า เพลงชาติจะเสนอผลการประกวดให้คณะรัฐมนตรีประชาสัมพันธ์รับประกันผลนั้น คณะกรรมการ ได้ประชุมและมีความเห็นว่า เพลงชาติไทยมีลักษณะที่บ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถ้ามีการใช้อยู่ 2 เพลง จะทำให้คลายความศักดิ์สิทธิ์ลง จึงได้ตัดสินใจไม่เสนอเพลงชาติแบบไทยซึ่งได้คัดกรองไว้ให้คณะรัฐมนตรีประชาสัมพันธ์รับประกันเป็นเพลงชาติในที่สุด

เพลงชาติแบบสากล

คณะกรรมการได้พิจารณาเพลงชาติโดยมีความเห็นให้ใช้ทำนองเพลง ซึ่งประพันธ์โดยพระเจนดุริยางค์เป็นทำนองเพลงชาติไทยแบบสากล สำหรับบทร้องนั้นได้คัดเลือกบทร้องของท่านขุนวิจิตรมาตราซึ่งได้ปรับปรุงเพิ่มมากขึ้นเป็นบทร้องชนะเลิศ และได้ทำการเพิ่มบทร้องของนายฉันท์ ขำวิไล ซึ่งเป็นบทร้องที่ได้รับ Award รองชนะเลิศ คณะรัฐมนตรีได้ประชาสัมพันธ์รับรองผลให้เป็นบทร้องเพลงชาติฉบับราชการเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2477 เป็นต้นมา บทร้องเพลงชาติไทยทั้งของขุนวิจิตรมาตราและนายฉันท์ ประพันธ์ในรูปฉันทลักษณ์แบบกลอนสุภาพ กลอนแปด ความยาว 4 บท แต่ละบทมี 4 วรรค ผลงานของแต่ละท่านจึงมีความยาวของบทร้องเป็น 16 วรรค เมื่อนำมารวมกันแล้วจึงทำให้บทร้องเพลงชาติทั้งหมดมีความยาวมากถึง 32 วรรค ซึ่งเรียกได้ว่ายาวมาก หากจะร้องเพลงชาติให้ครบทั้งสี่บทจะต้องอาศัย Time ร้องถึง 3 นาที 52 วินาที ในยุคสมัยนั้นคนไทยโดยส่วนมากจึงโปรดปรานร้องเพลงขาติไทยแต่เฉพาะบทร้องของขุนวิจิตรมาตรา และต่อมาภายหลังจึงไม่มีการขับร้อง คงเหลือแค่เพียงทำนองเพลงบรรเลงไว้เท่านั้น

เพลงชาติฉบับแกรมมี่ พ.ศ. 2548

ในปี พ.ศ. 2548 กระทรวง Culture ได้ทำการเปิดเผยเพลงชาติไทยฉบับใหม่ ซึ่งกระทรวงกลาโหมมอบหมายให้ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ประพันธ์ และจัดทำใหม่ ให้มีความมากมายมากขึ้น สำหรับใช้ในหลายหนทาง ตามแนวความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ต้องการส่งเสริมความเป็นชาติโปรดปรานในหมู่คนไทย ซึ่งเพลงชาติฉบับดังกล่าว มีการจัดทำออกมาถึง 6 รูปแบบ ดังนี้

1.แบบเป็นทางการ เสียงร้องหนักแน่นฮึกเหิม เหมาะสำหรับเปิดในสถานที่ราชการ ในงานราชการ งานทหาร หรือ Activity ที่ผู้จัดอยากปลุกเร้าพลังรักชาติ

2.แบบไม่เป็นทางการ เสียงร้องนุ่มนวลขึ้นกว่าฉบับแรก เหมาะสำหรับเปิดในงานทางการของภาคเอกชน งานมหรสพ หรืองานกึ่งทางการกึ่งลำลอง

3.แบบแกรมมี่ซาวด์ เอาใจวัยรุ่น ขับร้องโดยนักร้องรุ่นเก่า ช่วงท้ายสร้างคีย์และเมโลดี้ใหม่

4.แบบแกรมมี่ซาวด์ เอาใจวัยรุ่น ขับร้องโดยนักร้องรุ่นใหม่ ช่วงท้ายสร้างคีย์และเมโลดี้ใหม่

5.แบบเอาใจเด็กเล็ก ใช้คณะเยาวชนร้องประสานเสียง เหมาะสำหรับเปิดในแหล่งเรียนรู้อนุบาลและประถม

6.แบบเอาใจผู้สูงอายุ ใช้เครื่องดนตรีไทยบรรเลง

เพลงชาติไทยโครงการภาครัฐ พ.ศ. 2552

ในช่วงปี พ.ศ. 2552 รัฐบาลไทยสมัยนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีแนวความคิดที่จะสร้างกระบวนการในการรวมพลังสร้างความสมานสามัคคีของปวงชนชาวไทยทั้งชาติ จึงจัดตั้งโครงการ ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง ขึ้น โดยร่วมมือกับ หน่วยจัดการราชการส่วนท้องถิ่นทุกจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นจังหวัดนำร่องโครงการนี้ จัดการแสดงเพื่อนึกถึงถึงเอกลักษณ์ของชาติไทย เสนอประวัติศาสตร์ไทยในแต่ละจังหวัดโดยสังเขป จากนั้นจึงประกอบพิธีเคารพธงชาติไทย พร้อมบรรเลงและขับร้องเพลงชาติใน Time  18:00 น. สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปยังแต่ละจังหวัด โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน - 5  December  พ.ศ. 2552 ซึ่งนับว่าเป็นโครงการที่ภาคประชาชนให้ความใส่ใจและเข้าร่วมจำนวนมาก

สำหรับการเผยแพร่ทางสื่อมวลชนนั้น มีการถ่ายทอดเสียงสดทางสถานีวิทยุกระจายเสียงทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเป็นแม่ข่ายในการกระจายเสียง และถ่ายทอดสด ทางสถานีโทรทัศน์แบบไม่มี รายจ่ายทุกแห่ง และสถานีโทรทัศน์เคเบิลหรือสถานีโทรทัศน์ผ่านระบบดาวเทียม ซึ่งมีสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในนามโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เป็นแม่ข่ายในการแพร่ภาพออกอากาศ เผยแพร่ทั่วราชอาณาจักรไทย
ร้องเพลงชาติไทยดียังไง

    การร้องเพลงชาติไทยช่วยสนับสนุนให้คนไทยหันมารักกันมากกว่าเดิม มีความสมานสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
    การร้องเพลงชาติไทยทำให้คนไทยสำนึกและสำนั
รูปที่เกี่ยวข้อง
รูปภาพที่เกี่ยวข้องเว็บเพลงชาติไทย เรียนรู้เกี่ยวกับเพลงชาติไทย บทเพลงอันยิ่งใหญ่บนแผ่นดินทอง
เว็บเพลงชาติไทย สาระน่ารู้เพลงชาติไทย ร่วมร้องเพลงชาติเพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียว
อ้างอิงจาก: เพลงชาติไทย
แท็ก: เพลงชาติไทย
อ้างจาก: เพลงชาติไทยเว็บเพลงชาติไทย เรียนรู้เกี่ยวกับเพลงชาติไทย บทเพลงอันยิ่งใหญ่บนแผ่นดินทอง
หมวดหมู่: เพลงชาติไทย
หน้าหลัก: http://www.เพลงชาติไทย.com
รายละเอียดสินค้า:
ติดต่อเรา: //]
ติดต่อเรา: //
ชื่อ: เพลงชาติไทย.com
ที่อยู่: ประเทศไทย
เบอร์โทรติดต่อ: ไม่ระบุ
อีเมล์: ไม่ระบุ
#8
เพลงชาติไทย สาระน่ารู้เพลงชาติไทย บนเพลงอันทรงคุณค่าในใจชาวไทยทุกคน

เพลงชาติไทย สาระน่ารู้เพลงชาติไทย เป็นคนไทยต้องร้องเพลงชาติด้วยความจริงใจ วันนี้ผมจะมานำเสนอเรื่องราวของเพลงชาติอ่านบทความนี้แล้วจะทำให้ท่านทราบข้อมูลทั้งหมด
เพลงชาติไทย

ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย

เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน

อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล

ด้วยไทยล้วนหมาย รักสามัคคี

ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด

เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่

สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี

เถลิงประเทศชาติไทยทวี มีชัย ชโย


คนไทยควรร้องเพลงชาติไทยด้วยความอิ่มอกอิ่มใจในเอกราชอธิปไตยของไทย

    ชาวไทยทุกคนควรร้องเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมี อย่างภาคภูมิใจ สมกับบรรพบุรุษที่ดูแลเอาใจใส่เอกราชอธิปไตยมาจนถึงทุกวันนี้
    ประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้าหากทุกคนหันมาสามัคคี ปรองดอง เป็นหนึ่งอันเดียวกัน
    การปรับปรุงประเทศไทยจะรอใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ชาวไทยทุกคนต้องร่วมมือกัน
    ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คือ ศูนย์รวมของความเป็นไทย ปวงชนชาวไทยควรปฏิบัติตนให้สมกับเป็นคนไทย
    ไม่มีเพลงชาติใดในโลกจะร้องได้ไพเราะเท่ากับเพลงชาติไทย
    ชาวไทยควรร้องเพลงชาติไทยทุกวัน เพราะตระหนักในความเป็นไทย ให้มีความสามัคคีกันเฉกเช่นที่บรรพบุรุษได้ทำมา
    คนที่ไม่เคยร้องเพลงชาติไทย หรือร้องเพลงชาติไทยไม่เป็น ไม่ใช่คนไทย
    ประเทศไทยเป็นเมืองสงบ น่าอยู่ ดั่งเพลงชาติไทย ที่กล่าวว่าไทยรักสงบ
    ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้า หากคนไทยทุกคนสามัคคีกันเหมือนที่ร้องเพลงชาติไทย
    การไม่เห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนร่วม จะนำพาประเทศให้เจริญมั่งคั่ง
    ชาวไทยทุกคนควรร้องเพลงชาติไทยด้วยความสำนึกในความเป็นไทย ที่บรรพบุรุษเสียสละเลือดเนื้อ เพื่อเอกราชของชาติไทย

รักประเทศไทยรู้จักประเทศไทย

    ประเทศไทยมีทั้งหมด 77 จังหวัด
    ประเทศไทยมีพื้นที่ราวๆ 513,115 ตารางกิโลเมตร
    ช้างเป็นสัตว์ประจำชาติของไทย
    ดอกไม้ประจำชาติ คือ ดอกราชพฤกษ์
    คาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย

การบรรเลงเพลงชาติไทย

จากการเรียนรู้ค้นคว้าเกี่ยวกับการบรรเลงเพลงชาติ ความว่า (ตาม Detail ด้านล่างนี้)

ในข้อบังคับของทหารว่าด้วยการเคารพ มาตรา 3 การบรรเลงเพลงเคารพ ได้ระบุถึงการบรรเลงเพลงเคารพในส่วนของเพลงชาติไว้ดังนี้ เพลงชาติจัดเป็นเพลงเคารพด้วยแตรวง ใช้บรรเลงแสดงความเคารพต่อธงประจำกองทหาร ธงประจำกองยุวชนทหาร ธงชาติประจำออฟฟิคของรัฐบาล ในขณะขึ้นลง และธงราชนาวีประจำเรือใหญ่ในขณะทำพิธีธงขึ้นลง

แนวการปฏิบัติสำหรับธงชาติไทยโดยทั่วไป โดยบัญชาใช้อยู่ในยุคนี้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ และธงของเมืองนอก ในราชอาณาจักร พ.ศ. 2529 ได้ระบุแจ่มแจ้งไว้เช่นกันว่า เพลงชาตินับเนื่องเป็นหนึ่งอาณัติสัญญาณในการเคารพธงชาติ กล่าวคือ

1. เมื่อมีการชักธงชาติขึ้นและลง ให้แสดงความเคารพโดยการยืนตรง หันไปทางเสาธง อาคาร หรือสถานที่ที่มีการชักธงชาติขึ้นและลง จนกว่าจะเสร็จการ

2. ในกรณีที่ได้ยินเพลงชาติหรือสัญญาณการชักธงชาติ จะเห็นหรือไม่เห็นการชักธงชาติก็ตาม ให้แสดงความเคารพโดยหยุดนิ่งในอาการสำรวม จนกว่าการชักธงชาติหรือเสียงเพลงชาติ หรือสัญญาณการชักธงชาติจะสิ้นสุดลง

แนวการปฏิบัติดังกล่าวนี้ ได้ริเริ่มให้มีขึ้นครั้งที่หนึ่ง จากการบรรเลงเพลงชาติ ตามสัญญาณจากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ในเวลา 08.00 น. โดยบัญชาของจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2485 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ในสมัยนี้ นอกจากการบรรเลงเพลงชาติ ช่วงเวลา 08.00 น. และ 18.00 น. ผ่านทางวิทยุกระจายเสียงเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์แล้ว ยังมีการแพร่ภาพวีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ในประเทศไทยตามช่องต่างๆ อีกด้วย ซึ่งเดิมแต่ละสถานีจะเป็นผู้จัดทำวีดิทัศน์ประกอบขึ้นเอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2554 รัฐบาลไทยมีข้อบังคับให้สำนักรายได้เสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดทำวีดิทัศน์กลางขึ้น เพื่อเผยแพร่โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ไทยทุกแห่ง ในรูปแบบเดียวกันทั่วประเทศ โดยเริ่มใช้วีดิทัศน์ดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไป แต่ในยุคนี้การ Save สื่อโทรทัศน์สามารถ Present ได้อย่างหลากหลายมากกว่าเดิม โดยทางสถานนี้ของแต่ละช่องสามารถดีไซน์การนำเสนอไม่ว่าจะเป็นสื่อประกอบเพลงชาติ แต่ยังคงทำนองและคำรองตามแบบฉบับของทางการที่กำหนดไว้

ตามประชาสัมพันธ์คณะการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์การจัดทำผังรายการ สำหรับการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2556 กำหนดให้ผู้ที่รับใบอนุมัติที่ใช้คลื่น Frequency ให้บริการทั่วไปและต้องจัดให้ออกอากาศเพลงชาติไทยทุกวันใน Time  08.00 น. และ 18.00 น.
วีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติไทย

  วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานได้แถลงข่าว เกี่ยวกับโครงการจัดทำวีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะอนุกรรมการปลูกฝังความรักชาติและจิตสำนึกความเป็นไทย ในคณะกรรมการความโดดเด่นของชาติ เล็งเห็นว่าภาพประกอบเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมีที่เผยแพร่ตั้งแต่สมัยก่อน
จนถึงยุคนี้มีความมากมายมากจนเกินพอดีไม่เป็นเอกภาพ จึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจขึ้นเพื่อจัดทำดีวีดีภาพประกอบเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งมีนายวิรัช อยู่ถาวร นักดนตรีและนักประพันธ์เพลง เป็นประธานโครงการ จัดทำวีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมีที่เป็นแนวทางเดียวกัน โดยสร้างภาพประกอบให้สมควรกับบทความของเพลงชาติไทยและสาระของเนื้อเพลง พล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า โดยทั้ง 2 เพลงนี้ได้ใช้เนื้อร้องและทำนองเดิมทุกประการ และจัดทำจำนวน 4 แบบ รวมทั้งสิ้น 2,000 ชุด คือ วีซีดีเพลงชาติไทย 2 รูปแบบ แบบที่ 1 ชื่อชุด ทุกเชื้อชาติร่วมใจยืนตรงเคารพธงชาติ เป็นการเสนอแนวความคิด ไม่ว่าจะเป็นคนภาคใดก็ตาม หรือนับถือศาสนาใด ทุกท่านพร้อมร่วมใจเคารพธงชาติร่วมกันด้วยความสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แบบที่ 2 ชื่อชุด ร่วมใจเพื่อชาติไทยของเรา เป็นการเสนอแนวความคิด คนไทยทุกงาน ทุกเพศทุกวัย ร่วมแรงร่วมใจระบายสีธงชาติ ซึ่งแต่ละสีสื่อถึงความหมาย สีแดงคือชาติ สีขาวคือทุกศาสนาและสีน้ำเงินคือพระมหากษัตริย์ สำหรับวีซีดีเพลงสรรเสริญพระบารมี 2 รูปแบบ แบบที่ 1 นำเสนอแนวความเข้าใจสมุดจัดเก็บพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยใช้ Computer  Graphics ในการสร้างภาพที่งดงามสมพระเกียรติ และแบบที่ 2  Present ไอเดีย รูปที่คนไทยทุกคนต้องมีทุกบ้าน โดย Present ว่าไม่ว่าที่ใด พระองค์ท่านทรงอยู่เคียงข้างกับพสกนิกรและทำเพื่อปวงชนชาวไทยทุกท่าน ซึ่งเป็นการ Present ภาพพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ที่ทรงพระราชดำเนินไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วทุกภาคของประเทศไทย
วัถตุประสงค์ของการสร้างเว็บ เพลงชาติไทย.com

    เพื่อสร้างเว็บสำหรับ Learning เกี่ยวกับเพลงชาติไทย และประวัติศาตร์ไทย ให้ชนรุ่นหลังได้วิจัย เกี่ยวกับความเป็นมาของชนชาติไทย
    เพื่อให้เด็กและเยาวชนใช้ประกอบการเรียน การพัฒนาความรู้ และเป็นแหล่งศึกษาเกี่ยวกับประเทศไทย
    เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดี ให้กับเด็ก เยาวชน และคนไทยทุกท่าน เกี่ยวกับการรักประเทศ รักแผ่นดิน สำนึกในความเสียสละของบรรพบุรุษของไทย
    เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับชาติไทย โดย Present ให้เข้าใจง่าย โดยการ Present ด้วยเนื้อหาที่กระทัดรัด และเข้าใจเรื่องราวของชาติไทยได้เป็นอย่างดี
    เพื่อให้คนไทยหันมารักกันให้มากๆ กว่าจะได้เอกราช บรรพบุรุษต้องแลกด้วยความเหนื่อยยาก และความเสียสละ คนไทยจึงควรมองให้ความสำคัญของประเทศชาติ
    เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ให้คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับสถาบันหลักของแผ่นดีมากกว่าประโยชน์ของตัวเอง
    เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ไทยให้ชนรุ่นหลังได้เข้าใจ โดยรวมบทความที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ในหลายแง่มุม รวมทั้งเพลงชาติไทย และเพลงที่ใช้ในพิธีสำคัญต่างๆ
    เพื่อเป็นสารานุกรมออนไลน์ให้เด็ก  Student  นักศึกษา และผู้ที่สนใจ สามารถค้นคว้าประวัติศาตร์ของชาติไทย เพื่อปลูกจิตสำนึกรักแผ่นดินเกิดของตัวเอง
    เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝัง เด็ก เยาวชน ให้สำนึกในหน้าที่ของตัวเอง และช่วยกันรักษาชาติตั้งแต่เยาว์วัย และปลูกฝังไม่ให้เด็กโตขึ้นเห็นประโยชน์ตัวเองมากกว่าประโยชน์ของชาติ
    เพื่อเผยแพร่เพลงชาติไทยให้กับคนไทยในประเทศ และคนไทยที่อยู่ในต่างแดน ให้หันมาสนใจรากเง่าของความเป็นไทย
    เพื่อเป็น Manual การศึกษาสำหรับเด็กๆ เยาวชน นักศึกษา นิสิตนักศึกษา ที่อยากทำ Report ส่งครู คุณครู หรือผู้ที่ชอบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย

Data เกี่ยวกับเพลงขาติไทย

พลงชาติไทย เป็นชื่อเพลงชาติของสยามและประเทศไทย ประพันธ์ทำนองโดย พระเจนดุริยางค์

เพลงชาติไทยประพันธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2475 คำร้องฉบับแรกสุดโดยขุนวิจิตรมาตรา

เพลงชาติแบบไทย

คณะกรรมการได้พิจารณาเพลงชาติโดยตัดสินให้ผลงานเพลง "มหานิมิตร" ซึ่งได้ประพันธ์โดย จางวางทั่ว พาทยโกศล เป็นผลจากการทำงานที่ชนะเลิศ เพลงมหานิมิตรนี้จางวางทั่วได้ประพันธ์และดัดแปลงมาจากเพลงหน้าพาทย์สำคัญของไทยที่มีชื่อว่า "ตระนิมิตร" ซึ่งให้สามารถบรรเลงเป็นทางสากล เพลงตระนิมิตรนี้ เป็นเพลงที่ถือว่าเป็นเพลงบรมครู นักดนตรีจะใช้บรรเลงในพิธีสำคัญต่างๆ อาทิเช่น พิธีไหว้ครู บรรเลงเป็นการอัญเชิญ ครูบาคุณครู เทวดาทั้งหลาย มาประชุมกันเพื่อความเป็นสิริมงคล ดังนั้นจึงมีความหมาย ควรแก่การเคารพนับถือเป็นสิริมงคล เหมาะสมที่จะใช้เป็นเพลงชาติไทยได้

รัฐบาลได้ทดลองบรรเลงเพลงชาติไทยออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงอยู่ระยะเวลาหนึ่ง แต่ต่อมาเมื่อคณะกรรมการพิจารณาแล้วว่า เพลงชาติจะเสนอผลการประกวดให้คณะรัฐมนตรีประกาศการันตีผลนั้น คณะกรรมการ ได้ประชุมและมีความเห็นว่า เพลงชาติไทยมีลักษณะที่บ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถ้ามีการใช้อยู่ 2 เพลง จะทำให้คลายความศักดิ์สิทธิ์ลง จึงได้ตัดสินใจไม่เสนอเพลงชาติแบบไทยซึ่งได้คัดกรองไว้ให้คณะรัฐมนตรีประชาสัมพันธ์การันตีเป็นเพลงชาติในที่สุด

เพลงชาติแบบสากล

คณะกรรมการได้พิจารณาเพลงชาติโดยมีความเห็นให้ใช้ทำนองเพลง ซึ่งประพันธ์โดยพระเจนดุริยางค์เป็นทำนองเพลงชาติไทยแบบสากล สำหรับบทร้องนั้นได้คัดกรองบทร้องของท่านขุนวิจิตรมาตราซึ่งได้แก้ไขปรับปรุงเพิ่มมากขึ้นเป็นบทร้องชนะเลิศ และได้ทำการเพิ่มบทร้องของนายฉันท์ ขำวิไล ซึ่งเป็นบทร้องที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ คณะรัฐมนตรีได้ประชาสัมพันธ์การันตีผลให้เป็นบทร้องเพลงชาติฉบับราชการเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2477 เป็นต้นมา บทร้องเพลงชาติไทยทั้งของขุนวิจิตรมาตราและนายฉันท์ ประพันธ์ในรูปฉันทลักษณ์แบบกลอนสุภาพ กลอนแปด ความยาว 4 บท แต่ละบทมี 4 วรรค ผลจากการทำงานของแต่ละท่านจึงมีความยาวของบทร้องเป็น 16 วรรค เมื่อนำมารวมกันแล้วจึงทำให้บทร้องเพลงชาติทั้งหมดมีความยาวมากถึง 32 วรรค ซึ่งกล่าวได้ว่ายาวมาก หากจะร้องเพลงชาติให้ครบทั้งสี่บทจะต้องอาศัย Time ร้องถึง 3 นาที 52 วินาที ในยุคสมัยนั้นคนไทยโดยส่วนใหญ่แล้วจึงนิยมร้องเพลงขาติไทยแต่เฉพาะบทร้องของขุนวิจิตรมาตรา และต่อมาภายหลังจึงไม่มีการขับร้อง คงเหลือแค่เพียงทำนองเพลงบรรเลงไว้เท่านั้น

เพลงชาติฉบับแกรมมี่ พ.ศ. 2548

ในปี พ.ศ. 2548 กระทรวง Culture ได้ทำการเปิดเผยเพลงชาติไทยฉบับใหม่ ซึ่งกระทรวงกลาโหมมอบหมายให้  Company  จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เรียบเรียง และจัดทำใหม่ ให้มีความมากมายมากขึ้น สำหรับใช้ในหลายโอกาส ตามแนวความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ต้องการสนับสนุนความเป็นชาตินิยมในหมู่คนไทย ซึ่งเพลงชาติฉบับดังกล่าว มีการจัดทำออกมาถึง 6 รูปแบบ ดังนี้

1.แบบเป็นทางการ เสียงร้องหนักแน่นฮึกเหิม เหมาะสำหรับเปิดในสถานที่ราชการ ในงานราชการ งานทหาร หรือ Activity ที่ผู้จัดอยากปลุกเร้าพลังรักชาติ

2.แบบไม่เป็นทางการ เสียงร้องนุ่มนวลขึ้นกว่าฉบับแรก เหมาะสำหรับเปิดในงานทางการของภาคเอกชน งานมหรสพ หรืองานกึ่งทางการกึ่งลำลอง

3.แบบแกรมมี่ซาวด์ เอาใจวัยรุ่น ขับร้องโดยนักร้องรุ่นเก่า ช่วงท้ายสร้างคีย์และเมโลดี้ใหม่

4.แบบแกรมมี่ซาวด์ เอาใจวัยรุ่น ขับร้องโดยนักร้องรุ่นใหม่ ช่วงท้ายสร้างคีย์และเมโลดี้ใหม่

5.แบบเอาใจเด็กเล็ก ใช้คณะเยาวชนร้องประสานเสียง เหมาะสำหรับเปิดในสถานศึกษาอนุบาลและประถม

6.แบบเอาใจผู้สูงอายุ ใช้เครื่องดนตรีไทยบรรเลง

เพลงชาติไทยโครงการภาครัฐ พ.ศ. 2552

ในช่วงปี พ.ศ. 2552 รัฐบาลไทยสมัยนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีความคิดที่จะสร้างกระบวนการในการรวมพลังสร้างความสมานสามัคคีของปวงชนชาวไทยทั้งชาติ จึงจัดตั้งโครงการ ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง ขึ้น โดยร่วมมือกับ หน่วยจัดการราชการส่วนท้องถิ่นทุกจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นจังหวัดนำร่องโครงการนี้ จัดการแสดงเพื่อนึกถึงถึงไม่เหมือนใครของชาติไทย เสนอประวัติศาสตร์ไทยในแต่ละจังหวัดโดยสังเขป จากนั้นจึงประกอบพิธีเคารพธงชาติไทย พร้อมบรรเลงและขับร้องเพลงชาติใน Time  18:00 น. แลกเปลี่ยนหมุนเวียนไปยังแต่ละจังหวัด โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน - 5 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 ซึ่งนับว่าเป็นโครงการที่ภาคประชาชนให้ความสนอกสนใจและเข้าร่วมจำนวนมาก

สำหรับการเผยแพร่ทางสื่อมวลชนนั้น มีการถ่ายทอดเสียงสดทางสถานีวิทยุกระจายเสียงทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเป็นแม่ข่ายในการกระจายเสียง และถ่ายทอดสด ทางสถานีโทรทัศน์แบบไม่มี ค่าใช้จ่ายทุกแห่ง และสถานีโทรทัศน์เคเบิลหรือสถานีโทรทัศน์ผ่านระบบดาวเทียม ซึ่งมีสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในนามโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เป็นแม่ข่ายในการแพร่ภาพออกอากาศ เผยแพร่ทั่วราชอาณาจักรไทย
ร้องเพลงชาติไทยดียังไง

    การร้องเพลงชาติไทยช่วยส่งเสริมให้คนไทยหันมารักกันมากกว่าเดิม มีความสมานสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
    ก
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
รูปภาพที่เกี่ยวข้องเพลงชาติไทย สาระน่ารู้เพลงชาติไทย บนเพลงอันทรงคุณค่าในใจชาวไทยทุกคน
เพลงชาติไทย สาระน่ารู้เพลงชาติไทย เป็นคนไทยต้องร้องเพลงชาติด้วยความจริงใจ
อ้างอิงจาก: เพลงชาติ
แท็ก: เพลงชาติไทย
อ้างจาก: เพลงชาติเพลงชาติไทย สาระน่ารู้เพลงชาติไทย บนเพลงอันทรงคุณค่าในใจชาวไทยทุกคน
หมวดหมู่: เพลงชาติไทย
หน้าหลัก: http://www.เพลงชาติไทย.com
รายละเอียดสินค้า:
ติดต่อเรา: //]
ติดต่อเรา: //
ชื่อ: เพลงชาติไทย.com
ที่อยู่: ประเทศไทย
เบอร์โทรติดต่อ: ไม่ระบุ
อีเมล์: ไม่ระบุ
#9
สาระน่ารู้เพลงชาติไทย เพลงแห่งความสมานสมัคคีของชาวไทย

เนื้อเพลงชาติไทย ร้องเพลงชาติให้ดังสมกับที่เกิดเป็นคนไทย คุณกำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเพลงชาติไทยศึกษาอย่างละเอียดได้จากบทความนี้
เพลงชาติไทย

ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย

เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน

อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล

ด้วยไทยล้วนหมาย รักสามัคคี

ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด

เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่

สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี

เถลิงประเทศชาติไทยทวี มีชัย ชโย


คนไทยควรร้องเพลงชาติไทยด้วยความภูมิใจในเอกราชอธิปไตยของไทย

    ชาวไทยทุกท่านควรร้องเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมี อย่างภาคภูมิใจ สมกับบรรพบุรุษที่ดูแลเอาใจใส่เอกราชอธิปไตยมาจนถึงทุกวันนี้
    ประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้าหากทุกคนหันมาสามัคคี ปรองดอง เป็นหนึ่งอันเดียวกัน
    การพัฒนาประเทศไทยจะรอใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ชาวไทยทุกท่านต้องร่วมมือกัน
    ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คือ ศูนย์รวมของความเป็นไทย ปวงชนชาวไทยควรปฏิบัติตนให้สมกับเป็นคนไทย
    ไม่มีเพลงชาติใดในโลกจะร้องได้ไพเราะเท่ากับเพลงชาติไทย
    ชาวไทยควรร้องเพลงชาติไทยทุกวัน เพราะเข้าใจในความเป็นไทย ให้มีความสามัคคีกันเฉกเช่นที่บรรพบุรุษได้ทำมา
    คนที่ไม่เคยร้องเพลงชาติไทย หรือร้องเพลงชาติไทยไม่เป็น ไม่ใช่คนไทย
    ประเทศไทยเป็นเมืองสงบ น่าอยู่ ดั่งเพลงชาติไทย ที่กล่าวว่าไทยรักสงบ
    ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้า หากคนไทยทุกคนสามัคคีกันเหมือนที่ร้องเพลงชาติไทย
    การไม่เห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนร่วม จะนำพาประเทศให้เจริญมั่งคั่ง
    ชาวไทยทุกคนควรร้องเพลงชาติไทยด้วยความสำนึกในความเป็นไทย ที่บรรพบุรุษเสียสละเลือดเนื้อ เพื่อเอกราชของชาติไทย

รักประเทศไทยรู้จักประเทศไทย

    ประเทศไทยมีทั้งหมด 77 จังหวัด
    ประเทศไทยมีพื้นที่ประมาณ 513,115  Table กิโลเมตร
    ช้างเป็นสัตว์ประจำชาติของไทย
    ดอกไม้ประจำชาติ คือ ดอกราชพฤกษ์
    คาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย

การบรรเลงเพลงชาติไทย

จากการพัฒนาความรู้ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับการบรรเลงเพลงชาติไทย ความว่า (ตาม Detail ด้านล่างนี้)

ในข้อบังคับของทหารว่าด้วยการเคารพ มาตรา 3 การบรรเลงเพลงเคารพ ได้กำหนดถึงการบรรเลงเพลงเคารพในส่วนของเพลงชาติไว้ดังนี้ เพลงชาติจัดเป็นเพลงเคารพด้วยแตรวง ใช้บรรเลงแสดงความเคารพต่อธงประจำกองทหาร ธงประจำกองยุวชนทหาร ธงชาติประจำสำนักงานของรัฐบาล ในขณะขึ้นลง และธงราชนาวีประจำเรือใหญ่ในขณะทำพิธีธงขึ้นลง

แนวการปฏิบัติสำหรับธงชาติไทยโดยทั่วไป โดยสั่งการใช้อยู่ในปัจจุบันตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ และธงของเมืองนอก ในราชอาณาจักร พ.ศ. 2529 ได้ระบุแจ่มแจ้งไว้เช่นกันว่า เพลงชาตินับเนื่องเป็นหนึ่งอาณัติสัญญาณในการเคารพธงชาติ กล่าวคือ

1. เมื่อมีการชักธงชาติขึ้นและลง ให้แสดงความเคารพโดยการยืนตรง หันไปทางเสาธง อาคาร หรือสถานที่ที่มีการชักธงชาติขึ้นและลง จนกว่าจะเสร็จการ

2. ในกรณีที่ได้ยินเพลงชาติหรือสัญญาณการชักธงชาติ จะเห็นหรือไม่เห็นการชักธงชาติก็ตาม ให้แสดงความเคารพโดยหยุดนิ่งในอาการสำรวม จนกว่าการชักธงชาติหรือเสียงเพลงชาติ หรือสัญญาณการชักธงชาติจะสิ้นสุดลง

แนวการปฏิบัติดังกล่าวนี้ ได้ริเริ่มให้มีขึ้นครั้งที่หนึ่ง จากการบรรเลงเพลงชาติ ตามสัญญาณจากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ในเวลา 08.00 น. โดยบัญชาของจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2485 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ในสมัยนี้ นอกจากการบรรเลงเพลงชาติ ช่วงวันเวลา 08.00 น. และ 18.00 น. ผ่านทางวิทยุกระจายเสียงเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์แล้ว ยังมีการแพร่ภาพวีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ในประเทศไทยตามช่องต่างๆ อีกด้วย ซึ่งเดิมแต่ละสถานีจะเป็นผู้จัดทำวีดิทัศน์ประกอบขึ้นเอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2554 รัฐบาลไทยมีข้อบังคับให้สำนักงาน Part Time สร้างไม่เหมือนใครของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดทำวีดิทัศน์กลางขึ้น เพื่อเผยแพร่โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ไทยทุกแห่ง ในรูปแบบเดียวกันทั่วประเทศ โดยเริ่มใช้วีดิทัศน์ดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไป แต่ในยุคนี้การ Save สื่อโทรทัศน์สามารถ Present ได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยทางสถานนี้ของแต่ละช่องสามารถออกแบบการ Present ไม่ว่าจะเป็นสื่อประกอบเพลงชาติ แต่ยังคงทำนองและคำรองตามแบบฉบับของทางการที่กำหนดไว้

ตามประกาศคณะการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์การจัดทำผังรายการ สำหรับการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2556 กำหนดให้ผู้ที่รับใบอนุมัติที่ใช้คลื่นความถี่ให้บริการทั่วไปและต้องจัดให้ออกอากาศเพลงชาติไทยทุกวันในเวลา 08.00 น. และ 18.00 น.
วีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติไทย

  วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานได้แถลงข่าว เกี่ยวกับโครงการจัดทำวีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยออฟฟิคปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะอนุกรรมการปลูกฝังความรักชาติและจิตสำนึกความเป็นไทย ในคณะกรรมการไม่เหมือนใครของชาติ เล็งเห็นว่าภาพประกอบเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมีที่เผยแพร่ตั้งแต่สมัยก่อน
จนถึงสมัยนี้มีความหลากหลายมากจนเกินพอดีไม่เป็นเอกภาพ จึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจขึ้นเพื่อจัดทำดีวีดีภาพประกอบเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งมีนายวิรัช อยู่ถาวร นักดนตรีและ Author เพลง เป็นประธานโครงการ จัดทำวีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมีที่เป็นขั้นตอนเดียวกัน โดยสร้างภาพประกอบให้สมควรกับบทความของเพลงชาติไทยและสาระของเนื้อเพลง พล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า โดยทั้ง 2 เพลงนี้ได้ใช้เนื้อร้องและทำนองเดิมทุกประการ และจัดทำจำนวน 4 แบบ รวมทั้งสิ้น 2,000 ชุด คือ วีซีดีเพลงชาติไทย 2 รูปแบบ แบบที่ 1 ชื่อชุด ทุกเชื้อชาติร่วมใจยืนตรงเคารพธงชาติ เป็นการเสนอแนวความนึกคิด ไม่ว่าจะเป็นคนภาคใดก็ตาม หรือนับถือศาสนาใด ทุกท่านพร้อมร่วมใจเคารพธงชาติร่วมกันด้วยความสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แบบที่ 2 ชื่อชุด ร่วมแรงร่วมใจเพื่อชาติไทยของเรา เป็นการเสนอแนวความคิด คนไทยทุกวิชาชีพ ทุกเพศทุกวัย ร่วมใจระบายสีธงชาติ ซึ่งแต่ละสีสื่อถึงความหมาย สีแดงคือชาติ สีขาวคือทุกศาสนาและสีน้ำเงินคือพระมหากษัตริย์ สำหรับวีซีดีเพลงสรรเสริญพระบารมี 2 รูปแบบ แบบที่ 1  Present แนวความเห็นสมุดบันทึกพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยใช้ Computer กราฟิกในการสร้างภาพที่งดงามสมพระเกียรติ และแบบที่ 2 นำเสนอความคิด รูปที่คนไทยทุกคนต้องมีทุกบ้าน โดยนำเสนอว่าไม่ว่าที่ใด พระองค์ท่านทรงอยู่เคียงข้างกับพสกนิกรและทำเพื่อปวงชนชาวไทยทุกคน ซึ่งเป็นการนำเสนอภาพพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ที่ทรงพระราชดำเนินไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วทุกภาคของประเทศไทย
วัถตุประสงค์ของการสร้างเว็บ เพลงชาติไทย.com

    เพื่อสร้างเว็บสำหรับเรียนรู้เกี่ยวกับเพลงชาติไทย และประวัติศาตร์ไทย ให้ชนรุ่นหลังได้ค้นคว้า เกี่ยวกับความเป็นมาของชนชาติไทย
    เพื่อให้เด็กและเยาวชนใช้ประกอบการเรียน การพัฒนาความรู้ และเป็นแหล่งศึกษาเกี่ยวกับประเทศไทย
    เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดี ให้กับเด็ก เยาวชน และคนไทยทุกคน เกี่ยวกับการรักประเทศ รักแผ่นดิน สำนึกในความเสียสละของบรรพบุรุษของไทย
    เพื่อเผยแพร่ Knowledge เกี่ยวกับชาติไทย โดยนำเสนอให้เข้าใจง่าย โดยการ Present ด้วยเนื้อหาที่กระทัดรัด และเข้าใจเรื่องราวของชาติไทยได้เป็นอย่างดี
    เพื่อให้คนไทยหันมารักกันให้มากๆ กว่าจะได้เอกราช บรรพบุรุษต้องแลกด้วยความเหนื่อยยาก และความเสียสละ คนไทยจึงควรมองให้ความสำคัญของประเทศชาติ
    เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ให้คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับสถาบันหลักของแผ่นดีมากกว่าประโยชน์ของตัวเอง
    เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ไทยให้ชนรุ่นหลังได้เข้าใจ โดยรวมบทความที่สอดคล้องกับประวัติศาสตร์ในหลายแง่มุม รวมทั้งเพลงชาติไทย และเพลงที่ใช้ในพิธีสำคัญต่างๆ
    เพื่อเป็นสารานุกรมออนไลน์ให้เด็ก นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจ สามารถค้นคว้าประวัติศาตร์ของชาติไทย เพื่อปลูกจิตสำนึกรักแผ่นดินเกิดของตัวเอง
    เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝัง เด็ก เยาวชน ให้เข้าใจในหน้าที่ของตัวเอง และช่วยกันรักษาชาติตั้งแต่เยาว์วัย และปลูกฝังไม่ให้เด็กโตขึ้นเห็นประโยชน์ตัวเองมากกว่าประโยชน์ของชาติ
    เพื่อเผยแพร่เพลงชาติไทยให้กับคนไทยในประเทศ และคนไทยที่อยู่ในต่างแดน ให้หันมาชอบรากเง่าของความเป็นไทย
    เพื่อเป็นคู่มือการศึกษาสำหรับเด็กๆ เยาวชน นิสิตนักศึกษา นักศึกษา ที่อยากทำรายงานส่งครู อาจารย์ หรือผู้ที่ชอบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย

Data เกี่ยวกับเพลงขาติไทย

พลงชาติไทย เป็นชื่อเพลงชาติของสยามและประเทศไทย ประพันธ์ทำนองโดย พระเจนดุริยางค์

เพลงชาติไทยประพันธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2475 คำร้องฉบับแรกสุดโดยขุนวิจิตรมาตรา

เพลงชาติแบบไทย

คณะกรรมการได้ไตร่ตรองเพลงชาติโดยตัดสินให้ผลงานเพลง "มหานิมิตร" ซึ่งได้ประพันธ์โดย จางวางทั่ว พาทยโกศล เป็นผลจากการทำงานที่ชนะเลิศ เพลงมหานิมิตรนี้จางวางทั่วได้ประพันธ์และดัดแปลงมาจากเพลงหน้าพาทย์สำคัญของไทยที่มีชื่อว่า "ตระนิมิตร" ซึ่งให้สามารถบรรเลงเป็นทางสากล เพลงตระนิมิตรนี้ เป็นเพลงที่ถือว่าเป็นเพลงบรมครู นักดนตรีจะใช้บรรเลงในพิธีสำคัญต่างๆ อาทิเช่น พิธีไหว้ครู บรรเลงเป็นการอัญเชิญ ครูบาอาจารย์ เทวดาทั้งหลาย มาประชุมกันเพื่อความเป็นสิริมงคล ดังนั้นจึงมีความหมาย ควรแก่การเคารพนับถือเป็นสิริมงคล สมควรที่จะใช้เป็นเพลงชาติไทยได้

รัฐบาลได้ทดสอบบรรเลงเพลงชาติไทยออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ต่อมาเมื่อคณะกรรมการวิเคราะห์แล้วว่า เพลงชาติจะเสนอผลการประกวดให้คณะรัฐมนตรีประชาสัมพันธ์ยืนยันผลนั้น คณะกรรมการ ได้ประชุมและมีความเห็นว่า เพลงชาติไทยมีลักษณะที่แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถ้ามีการใช้อยู่ 2 เพลง จะทำให้คลายความศักดิ์สิทธิ์ลง จึงได้ตัดสินใจไม่เสนอเพลงชาติแบบไทยซึ่งได้คัดกรองไว้ให้คณะรัฐมนตรีประกาศการันตีเป็นเพลงชาติในที่สุด

เพลงชาติแบบสากล

คณะกรรมการได้พิจารณาเพลงชาติโดยมีความเห็นให้ใช้ทำนองเพลง ซึ่งประพันธ์โดยพระเจนดุริยางค์เป็นทำนองเพลงชาติไทยแบบสากล สำหรับบทร้องนั้นได้คัดเลือกบทร้องของท่านขุนวิจิตรมาตราซึ่งได้แก้ไขปรับปรุงเพิ่มมากขึ้นเป็นบทร้องชนะเลิศ และได้ทำการเพิ่มบทร้องของนายฉันท์ ขำวิไล ซึ่งเป็นบทร้องที่ได้รับเกียรติยศรองชนะเลิศ คณะรัฐมนตรีได้ประชาสัมพันธ์การันตีผลให้เป็นบทร้องเพลงชาติฉบับราชการเมื่อวันที่ 20  August  พ.ศ. 2477 เป็นต้นมา บทร้องเพลงชาติไทยทั้งของขุนวิจิตรมาตราและนายฉันท์ ประพันธ์ในรูปฉันทลักษณ์แบบกลอนสุภาพ กลอนแปด ความยาว 4 บท แต่ละบทมี 4 วรรค ผลงานของแต่ละท่านจึงมีความยาวของบทร้องเป็น 16 วรรค เมื่อนำมารวมกันแล้วจึงทำให้บทร้องเพลงชาติทั้งหมดมีความยาวมากถึง 32 วรรค ซึ่งพูดได้ว่ายาวมาก หากจะร้องเพลงชาติให้ครบทั้งสี่บทจะต้องใช้เวลาร้องถึง 3 นาที 52 วินาที ในยุคสมัยนั้นคนไทยโดยปกติจึงพอใจร้องเพลงขาติไทยแต่เฉพาะบทร้องของขุนวิจิตรมาตรา และต่อมาภายหลังจึงไม่มีการขับร้อง คงเหลือเพียงเพียงทำนองเพลงบรรเลงไว้เท่านั้น

เพลงชาติฉบับแกรมมี่ พ.ศ. 2548

ในปี พ.ศ. 2548 กระทรวง Culture ได้ทำการเปิดเผยเพลงชาติไทยฉบับใหม่ ซึ่งกระทรวงกลาโหมมอบหมายให้  Company  จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เรียบเรียง และจัดทำใหม่ ให้มีความมากมายมากขึ้น สำหรับใช้ในหลายความเป็นไปได้ ตามไอเดียของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่อยากสนับสนุนความเป็นชาตินิยมในหมู่คนไทย ซึ่งเพลงชาติฉบับดังกล่าว มีการจัดทำออกมาถึง 6 รูปแบบ ดังนี้

1.แบบเป็นทางการ เสียงร้องหนักแน่นฮึกเหิม เหมาะสำหรับเปิดในสถานที่ราชการ ในงานราชการ งานทหาร หรือกิจกรรมที่ผู้จัดต้องการปลุกเร้าพลังรักชาติ

2.แบบไม่เป็นทางการ เสียงร้องนุ่มนวลขึ้นกว่าฉบับแรก เหมาะสำหรับเปิดในงานทางการของภาคเอกชน งานมหรสพ หรืองานกึ่งทางการกึ่งลำลอง

3.แบบแกรมมี่ซาวด์ เอาใจวัยรุ่น ขับร้องโดยนักร้องรุ่นเก่า ช่วงท้ายสร้างคีย์และเมโลดี้ใหม่

4.แบบแกรมมี่ซาวด์ เอาใจวัยรุ่น ขับร้องโดยนักร้องรุ่นใหม่ ช่วงท้ายสร้างคีย์และเมโลดี้ใหม่

5.แบบเอาใจเด็กเล็ก ใช้คณะเยาวชนร้องประสานเสียง เหมาะสำหรับเปิดในแหล่งศึกษาหาความรู้อนุบาลและประถม

6.แบบเอาใจผู้สูงอายุ ใช้เครื่องดนตรีไทยบรรเลง

เพลงชาติไทยโครงการภาครัฐ พ.ศ. 2552

ในช่วงปี พ.ศ. 2552 รัฐบาลไทยสมัยนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีความคิดที่จะสร้างหลักการในการรวมพลังสร้างความสมานสามัคคีของปวงชนชาวไทยทั้งชาติ จึงจัดตั้งโครงการ ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง ขึ้น โดยร่วมมือกับ หน่วยบริหารราชการส่วนท้องถิ่นทุกจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นจังหวัดนำร่องโครงการนี้ จัดการแสดงเพื่อคำนึงถึงเอกลักษณ์ของชาติไทย เสนอประวัติศาสตร์ไทยในแต่ละจังหวัดโดยสังเขป จากนั้นจึงประกอบพิธีเคารพธงชาติไทย พร้อมบรรเลงและขับร้องเพลงชาติใน Time  18:00 น. สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปยังแต่ละจังหวัด โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 18 เดือนกันยายน - 5 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 ซึ่งนับว่าเป็นโครงการที่ภาคประชาชนให้ความใส่ใจและเข้าร่วมปริมาณมาก

สำหรับการเผยแพร่ทางสื่อมวลชนนั้น มีการถ่ายทอดเสียงสดทางสถานีวิทยุกระจายเสียงทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเป็นแม่ข่ายในการกระจายเสียง และถ่ายทอดสด ทางสถานีโทรทัศน์แบบไม่มี ค่าใช้จ่ายทุกแห่ง และสถานีโทรทัศน์เคเบิลหรือสถานีโทรทัศน์ผ่านระบบดาวเทียม ซึ่งมีสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในนามโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เป็นแม่ข่ายในการแพร่ภาพออกอากาศ เผยแพร่ทั่วราชอาณาจักรไทย
ร้องเพลงชาติไทยดียังไง

    การร้องเพลงชาติไทยช่วยส่งเสริมให้คนไทยหันมารักกันมากกว่าเดิม มีความสมานสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
    การร้องเพลงชาติไท
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
รูปภาพที่เกี่ยวข้องสาระน่ารู้เพลงชาติไทย เพลงแห่งความสมานสมัคคีของชาวไทย
แนะนำเว็บเพลงชาติไทย เพลงชาติเพลงของปวงชนชาวไทยทุกคน
อ้างอิงจาก: เพลงชาติไทย
แท็ก: เพลงชาติไทย
อ้างจาก: เพลงชาติไทยสาระน่ารู้เพลงชาติไทย เพลงแห่งความสมานสมัคคีของชาวไทย
หมวดหมู่: เพลงชาติไทย
หน้าหลัก: http://www.เพลงชาติไทย.com
รายละเอียดสินค้า:
ติดต่อเรา: //]
ติดต่อเรา: //
ชื่อ: เพลงชาติไทย.com
ที่อยู่: ประเทศไทย
เบอร์โทรติดต่อ: ไม่ระบุ
อีเมล์: ไม่ระบุ
#10
ศึกษาเกี่ยวกับเพลงชาติไทย คนไทยทุกคนควรรักสามัคคีกันไว้

ศึกษาเกี่ยวกับเพลงชาติไทย คนไทยทุกคนควรรักสามัคคีกันไว้ วันนี้ผมจะมานำเสนอเรื่องราวของเพลงชาติไทยเรียนรู้และศึกษาจากบทความนี้
เพลงชาติไทย

ปวงชนชาวไทยทุกคน ควรรักและเทิศทูลความเป็นไทย โดยการร้องเพลงชาติไทยอย่างภาคภูมิใจ

การร้องเพลงชาติไทย เป็นการแสดงออกถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชาติ การสมานสามัคคีในการมุ่งมั่นทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าและสงบร่มเย็น


เพลงชาติไทย

ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย

เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน

อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล

ด้วยไทยล้วนหมาย รักสามัคคี

ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด

เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่

สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี

เถลิงประเทศชาติไทยทวี มีชัย ชโย


เพลงสรรเสริญพระบารมี

ข้าวรพุทธเจ้า เอามโนและศิระกราน

นบพระภูมิบาลบุญดิเรก เอกบรมจักริน

พระสยามินทร์พระยศยิ่งยง เย็นศิระเพราะพระบริบาล

ผลพระคุณ ธ รักษา ปวงประชาเป็นสุขศานต์

ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด จงสฤษดิ์ดัง

หวังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ชโย


ทำไมเราจึงควรร้องเพลงชาติไทย

1. ชาวไทยทุกคนควรร้องเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมี อย่างภาคภูมิใจ สมกับบรรพบุรุษที่รักษาเอกราชอธิปไตยมาจนถึงทุกวันนี้
2. ประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้าหากทุกคนหันมาสามัคคี ปรองดอง เป็นหนึ่งอันเดียวกัน
3. การพัฒนาประเทศไทยจะรอใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ชาวไทยทุกคนต้องร่วมมือกัน
4. ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คือ ศูนย์รวมของความเป็นไทย ปวงชนชาวไทยควรปฏิบัติตนให้สมกับเป็นคนไทย
5. ไม่มีเพลงชาติใดในโลกจะร้องได้ไพเราะเท่ากับเพลงชาติไทย
6. ชาวไทยควรร้องเพลงชาติไทยทุกวัน เพราะตระหนักในความเป็นไทย ให้มีความสามัคคีกันเฉกเช่นที่บรรพบุรุษได้ทำมา
7. คนที่ไม่เคยร้องเพลงชาติไทย หรือร้องเพลงชาติไทยไม่เป็น ไม่ใช่คนไทย
8. ประเทศไทยเป็นเมืองสงบ น่าอยู่ ดั่งเพลงชาติไทย ที่กล่าวว่าไทยรักสงบ
9. ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้า หากคนไทยทุกคนสามัคคีกันเหมือนที่ร้องเพลงชาติไทย
10. การไม่เห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนร่วม จะนำพาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง
11. ชาวไทยทุกคนควรร้องเพลงชาติไทยด้วยความสำนึกในความเป็นไทย ที่บรรพบุรุษเสียสละเลือดเนื้อ เพื่อเอกราชของชาติไทย

รักประเทศไทยรู้จักประเทศไทย

1. ประเทศไทยมีทั้งหมด 77 จังหวัด
2. ประเทศไทยมีพื้นที่ประมาณ 513,115 ตารางกิโลเมตร
3. ช้างเป็นสัตว์ประจำชาติของไทย
4. ดอกไม้ประจำชาติ คือ ดอกราชพฤกษ์
5. คาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย

ข้อมูลเกี่ยวกับเพลงขาติไทย

เพลงชาติไทย เป็นชื่อเพลงชาติของสยามและประเทศไทย ประพันธ์ทำนองโดย พระเจนดุริยางค์

พลงชาติไทยประพันธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2475 คำร้องฉบับแรกสุดโดยขุนวิจิตรมาตรา

เพลงชาติแบบไทย

คณะกรรมการได้พิจารณาเพลงชาติโดยตัดสินให้ผลงานเพลง "มหานิมิตร" ซึ่งได้ประพันธ์โดย จางวางทั่ว พาทยโกศล เป็นผลงานที่ชนะเลิศ เพลงมหานิมิตรนี้จางวางทั่วได้ประพันธ์และดัดแปลงมาจากเพลงหน้าพาทย์สำคัญของไทยที่มีชื่อว่า "ตระนิมิตร" ซึ่งให้สามารถบรรเลงเป็นทางสากล เพลงตระนิมิตรนี้ เป็นเพลงที่ถือว่าเป็นเพลงบรมครู นักดนตรีจะใช้บรรเลงในพิธีสำคัญต่างๆ อาทิเช่น พิธีไหว้ครู บรรเลงเป็นการอัญเชิญ ครูบาอาจารย์ เทวดาทั้งหลาย มาประชุมกันเพื่อความเป็นสิริมงคล ดังนั้นจึงมีความหมาย ควรแก่การเคารพนับถือเป็นสิริมงคล เหมาะสมที่จะใช้เป็นเพลงชาติไทยได้

รัฐบาลได้ทดลองบรรเลงเพลงชาติไทยออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงอยู่ระยะเวลาหนึ่ง แต่ต่อมาเมื่อคณะกรรมการพิจารณาแล้วว่า เพลงชาติจะเสนอผลการประกวดให้คณะรัฐมนตรีประกาศรับรองผลนั้น คณะกรรมการ ได้ประชุมและมีความเห็นว่า เพลงชาติไทยมีลักษณะที่บ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถ้ามีการใช้อยู่ 2 เพลง จะทำให้คลายความศักดิ์สิทธิ์ลง จึงได้ตัดสินใจไม่เสนอเพลงชาติแบบไทยซึ่งได้คัดเลือกไว้ให้คณะรัฐมนตรีประกาศรับรองเป็นเพลงชาติในที่สุด

เพลงชาติแบบสากล

คณะกรรมการได้พิจารณาเพลงชาติโดยมีความเห็นให้ใช้ทำนองเพลง ซึ่งประพันธ์โดยพระเจนดุริยางค์เป็นทำนองเพลงชาติไทยแบบสากล สำหรับบทร้องนั้นได้คัดเลือกบทร้องของท่านขุนวิจิตรมาตราซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมเป็นบทร้องชนะเลิศ และได้ทำการเพิ่มบทร้องของนายฉันท์ ขำวิไล ซึ่งเป็นบทร้องที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ คณะรัฐมนตรีได้ประกาศรับรองผลให้เป็นบทร้องเพลงชาติฉบับราชการเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2477 เป็นต้นมา บทร้องเพลงชาติไทยทั้งของขุนวิจิตรมาตราและนายฉันท์ ประพันธ์ในรูปฉันทลักษณ์แบบกลอนสุภาพ กลอนแปด ความยาว 4 บท แต่ละบทมี 4 วรรค ผลงานของแต่ละท่านจึงมีความยาวของบทร้องเป็น 16 วรรค เมื่อนำมารวมกันแล้วจึงทำให้บทร้องเพลงชาติทั้งหมดมีความยาวมากถึง 32 วรรค ซึ่งเรียกได้ว่ายาวมาก หากจะร้องเพลงชาติให้ครบทั้งสี่บทจะต้องใช้เวลาร้องถึง 3 นาที 52 วินาที ในยุคสมัยนั้นคนไทยส่วนใหญ่จึงนิยมร้องเพลงขาติไทยแต่เฉพาะบทร้องของขุนวิจิตรมาตรา และต่อมาภายหลังจึงไม่มีการขับร้อง คงเหลือแต่เพียงทำนองเพลงบรรเลงไว้เท่านั้น

เพลงชาติฉบับแกรมมี่ พ.ศ. 2548

ในปี พ.ศ. 2548 กระทรวงวัฒนธรรมได้ทำการเปิดเผยเพลงชาติไทยฉบับใหม่ ซึ่งกระทรวงกลาโหมมอบหมายให้ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เรียบเรียง และจัดทำใหม่ ให้มีความหลากหลายมากขึ้น สำหรับใช้ในหลายโอกาส ตามแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ต้องการส่งเสริมความเป็นชาตินิยมในหมู่คนไทย ซึ่งเพลงชาติฉบับดังกล่าว มีการจัดทำออกมาถึง 6 รูปแบบ ดังนี้

1.แบบเป็นทางการ เสียงร้องหนักแน่นฮึกเหิม เหมาะสำหรับเปิดในสถานที่ราชการ ในงานราชการ งานทหาร หรือกิจกรรมที่ผู้จัดต้องการปลุกเร้าพลังรักชาติ

2.แบบไม่เป็นทางการ เสียงร้องนุ่มนวลขึ้นกว่าฉบับแรก เหมาะสำหรับเปิดในงานทางการของภาคเอกชน งานมหรสพ หรืองานกึ่งทางการกึ่งลำลอง

3.แบบแกรมมี่ซาวด์ เอาใจวัยรุ่น ขับร้องโดยนักร้องรุ่นเก่า ช่วงท้ายสร้างคีย์และเมโลดี้ใหม่

4.แบบแกรมมี่ซาวด์ เอาใจวัยรุ่น ขับร้องโดยนักร้องรุ่นใหม่ ช่วงท้ายสร้างคีย์และเมโลดี้ใหม่

5.แบบเอาใจเด็กเล็ก ใช้คณะเยาวชนร้องประสานเสียง เหมาะสำหรับเปิดในโรงเรียนอนุบาลและประถม

6.แบบเอาใจผู้สูงอายุ ใช้เครื่องดนตรีไทยบรรเลง

ร้องเพลงชาติไทยดีอย่างไร

1. การร้องเพลงชาติไทยช่วยทำให้คนไทยหันมารักกันมากยิ่งขึ้น มีความสมานสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
2. การร้องเพลงชาติไทยทำให้คนไทยตระหนักและสำนักในความเป็นไทย ว่าเอกราชอธิปไตยของปวงชนชาวไทย กว่าจะได้มาได้ บรรพบุรุษต้องเอาเลือดเนื้อเข้าแลก ปวงชนชาวไทยจึงควนสำนึกถึงความเหนื่อยยากของบรรพบุรุษที่เสียสละเพื่อลูกหลาน
3. การร้องเพลงชาติไทยช่วยทำให้คนเสีย ลด ละ เลิก การคอรัปชั่น ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงต่อประเทศชาติ ยังแต่จะบ่อนทำรายชาติให้วอดวาย การร้องเพลงชาติช่วยให้คนที่คิดร้ายต่อประเทศ หันมาสำนักแผ่นดินแม่ แผ่นดินทอง ของไทย
4. การร้องเพลงชาติไทยเป็นการแสดงออกซึ่งความเป็นไทย ให้นาๆ อริยประเทศ เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของชาติไทย
5. การร้องเพลงชาติไทยเป็นการเทิศทูลสถาบันหลักของชาติ อันได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
6. การร้องเพลงชาติไทยทำให้คนไทยไม่ลืมกัน ไม่คิดร้ายต่อกัน ให้อภัยกัน และช่วยกันนำพาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง ให้สมกับปู่ ย่า ตา ยาย ที่พลีชีพเพื่อชนรุ่นหลัง
7. การร้องเพลงชาติไทย เป็นการปลุกจิตสำนึกไม่ให้คนไทยลืมตัวตนความเป็นไทย ที่เสียสละเพื่อประเทศเป็นที่ตั้ง และสามัคคีให้ชาติไทยคงอยู่ถาวร
8. การร้องเพลงชาติไทยเป็นการแสดงออกถึงคนไทยที่สามารถแสดงตนว่าเป็นคนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

เด็กๆ เอ๋ย จงฟังไว้ให้ดี

1. จงตั้งใจร้องเพลงชาติไทยด้วยจิตสำนักความเป็นไทย โตขึ้นจักได้รักชาติ บ้าน เมือง ไม่คิดทำลายประเทศให้เสียหาย
2. จงร้องเพลงชาติไทยใ
รูปที่เกี่ยวข้อง
รูปภาพที่เกี่ยวข้องศึกษาเกี่ยวกับเพลงชาติไทย คนไทยทุกคนควรรักสามัคคีกันไว้
ศึกษาเกี่ยวกับเพลงชาติไทย คนไทยทุกคนควรรักสามัคคีกันไว้
อ้างอิงจาก: เพลงชาติไทย
แท็ก: เพลงชาติไทย
อ้างจาก: เพลงชาติไทยศึกษาเกี่ยวกับเพลงชาติไทย คนไทยทุกคนควรรักสามัคคีกันไว้
หมวดหมู่: เพลงชาติไทย
หน้าหลัก: http://www.เพลงชาติไทย.com
รายละเอียดสินค้า:
ติดต่อเรา: //]
ติดต่อเรา: //
ชื่อ: เพลงชาติไทย.com
ที่อยู่: ประเทศไทย
เบอร์โทรติดต่อ: ไม่ระบุ
อีเมล์: ไม่ระบุ
#11
แนะนำเว็บเพลงชาติไทย เพลงชาติเพลงของปวงชนชาวไทยทุกคน

ข้อมูลเพลงชาติไทย ประวัติความเป็นมาของเพลงชาติไทย เรียนรู้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเพลงชาติไทยทำความเข้าใจได้จากเนื้อหานี้
เพลงชาติไทย

ปวงชนชาวไทยทุกท่าน ควรรักและเทิศทูลความเป็นไทย โดยการร้องเพลงชาติไทยอย่างอิ่มอกอิ่มใจ

การร้องเพลงชาติไทย เป็นการแสดงออกถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชาติ การสมานสามัคคีในการมุ่งหน้าทำให้เมืองไทยเจริญก้าวหน้าและสงบร่มเย็น


เพลงชาติไทย

ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย

เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน

อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล

ด้วยไทยล้วนหมาย รักสามัคคี

ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด

เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่

สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี

เถลิงประเทศชาติไทยทวี มีชัย ชโย


เพลงสรรเสริญพระบารมี

ข้าวรพุทธเจ้า เอามโนและศิระกราน

นบพระภูมิบาลบุญดิเรก เอกบรมจักริน

พระสยามินทร์พระยศยิ่งยง เย็นศิระเพราะพระบริบาล

ผลพระคุณ ธ รักษา ปวงประชาเป็นสุขศานต์

ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด จงสฤษดิ์ดัง

หวังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ชโย


ทำไมเราจึงควรร้องเพลงชาติไทย

1. ชาวไทยทุกท่านควรร้องเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมี อย่างภูมิใจ สมกับบรรพบุรุษที่รักษาเอกราชอธิปไตยมาจนถึงทุกวันนี้
2. ประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้าหากทุกท่านหันมาสามัคคี ปรองดอง เป็นหนึ่งอันเดียวกัน
3. การปรับปรุงประเทศไทยจะรอใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ชาวไทยทุกคนต้องร่วมมือกัน
4. ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คือ ศูนย์รวมของความเป็นไทย ปวงชนชาวไทยควรปฏิบัติตนให้สมกับเป็นคนไทย
5. ไม่มีเพลงชาติใดในโลกจะร้องได้ไพเราะเท่ากับเพลงชาติไทย
6. ชาวไทยควรร้องเพลงชาติไทยทุกวัน เพราะเข้าใจในความเป็นไทย ให้มีความสามัคคีกันเฉกเช่นที่บรรพบุรุษได้ทำมา
7. คนที่ไม่เคยร้องเพลงชาติไทย หรือร้องเพลงชาติไทยไม่เป็น ไม่ใช่คนไทย
8.  Thailand เป็นเมืองสงบ น่าอยู่ ดั่งเพลงชาติไทย ที่กล่าวว่าไทยรักสงบ
9. ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้า หากคนไทยทุกท่านสามัคคีกันเหมือนที่ร้องเพลงชาติไทย
10. การไม่เห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนร่วม จะนำพาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง
11. ชาวไทยทุกคนควรร้องเพลงชาติไทยด้วยความสำนึกในความเป็นไทย ที่บรรพบุรุษเสียสละเลือดเนื้อ เพื่อเอกราชของชาติไทย

รัก Thailand รู้จักประเทศไทย

1. ประเทศไทยมีทั้งหมด 77 จังหวัด
2. ประเทศไทยมีพื้นที่ราวๆ 513,115 ตารางกิโลเมตร
3. ช้างเป็นสัตว์ประจำชาติของไทย
4. ดอกไม้ประจำชาติ คือ ดอกราชพฤกษ์
5. คาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย

ข้อมูลเกี่ยวกับเพลงขาติไทย

เพลงชาติไทย เป็นชื่อเพลงชาติของสยามและ Thailand  ประพันธ์ทำนองโดย พระเจนดุริยางค์

พลงชาติไทยประพันธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2475 คำร้องฉบับแรกสุดโดยขุนวิจิตรมาตรา

เพลงชาติแบบไทย

คณะกรรมการได้ไตร่ตรองเพลงชาติโดยตัดสินให้ผลงานเพลง "มหานิมิตร" ซึ่งได้ประพันธ์โดย จางวางทั่ว พาทยโกศล เป็นผลงานที่ชนะเลิศ เพลงมหานิมิตรนี้จางวางทั่วได้ประพันธ์และดัดแปลงมาจากเพลงหน้าพาทย์สำคัญของไทยที่มีชื่อว่า "ตระนิมิตร" ซึ่งให้สามารถบรรเลงเป็นทางสากล เพลงตระนิมิตรนี้ เป็นเพลงที่ถือว่าเป็นเพลงบรมครู นักดนตรีจะใช้บรรเลงในพิธีสำคัญต่างๆ อาทิเช่น พิธีไหว้ครู บรรเลงเป็นการอัญเชิญ ครูบาคุณครู เทวดาทั้งหลาย มาประชุมกันเพื่อความเป็นสิริมงคล เพราะฉะนั้นจึงมีความหมาย ควรแก่การเคารพนับถือเป็นสิริมงคล สมควรที่จะใช้เป็นเพลงชาติไทยได้

รัฐบาลได้ทดสอบบรรเลงเพลงชาติไทยออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ต่อมาเมื่อคณะกรรมการไตร่ตรองแล้วว่า เพลงชาติจะเสนอผลการประกวดให้คณะรัฐมนตรีประชาสัมพันธ์รับรองผลนั้น คณะกรรมการ ได้ประชุมและมีความเห็นว่า เพลงชาติไทยมีลักษณะที่แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถ้ามีการใช้อยู่ 2 เพลง จะส่งเสริมให้คลายความศักดิ์สิทธิ์ลง จึงได้ตัดสินใจไม่เสนอเพลงชาติแบบไทยซึ่งได้คัดเลือกไว้ให้คณะรัฐมนตรีประชาสัมพันธ์การันตีเป็นเพลงชาติในที่สุด

เพลงชาติแบบสากล

คณะกรรมการได้วิเคราะห์เพลงชาติโดยมีความเห็นให้ใช้ทำนองเพลง ซึ่งประพันธ์โดยพระเจนดุริยางค์เป็นทำนองเพลงชาติไทยแบบสากล สำหรับบทร้องนั้นได้คัดกรองบทร้องของท่านขุนวิจิตรมาตราซึ่งได้แก้ไขปรับปรุงเพิ่มเป็นบทร้องชนะเลิศ และได้ทำการเพิ่มบทร้องของนายฉันท์ ขำวิไล ซึ่งเป็นบทร้องที่ได้รับ Award รองชนะเลิศ คณะรัฐมนตรีได้ประกาศรับประกันผลให้เป็นบทร้องเพลงชาติฉบับราชการเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2477 เป็นต้นมา บทร้องเพลงชาติไทยทั้งของขุนวิจิตรมาตราและนายฉันท์ ประพันธ์ในรูปฉันทลักษณ์แบบกลอนสุภาพ กลอนแปด ความยาว 4 บท แต่ละบทมี 4 วรรค ผลจากการทำงานของแต่ละท่านจึงมีความยาวของบทร้องเป็น 16 วรรค เมื่อนำมารวมกันแล้วจึงทำให้บทร้องเพลงชาติทั้งหมดมีความยาวมากถึง 32 วรรค ซึ่งเรียกได้ว่ายาวมาก หากจะร้องเพลงชาติให้ครบทั้งสี่บทจะต้องใช้ Time ร้องถึง 3 นาที 52 วินาที ในยุคสมัยนั้นคนไทยโดยส่วนใหญ่จึงนิยมร้องเพลงขาติไทยแต่เฉพาะบทร้องของขุนวิจิตรมาตรา และต่อมาภายหลังจึงไม่มีการขับร้อง คงเหลือแค่เพียงทำนองเพลงบรรเลงไว้เท่านั้น

เพลงชาติฉบับแกรมมี่ พ.ศ. 2548

ในปี พ.ศ. 2548 กระทรวงวัฒนธรรมได้ทำการเปิดเผยเพลงชาติไทยฉบับใหม่ ซึ่งกระทรวงกลาโหมมอบหมายให้ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เรียบเรียง และจัดทำใหม่ ให้มีความหลากหลายมากขึ้น สำหรับใช้ในหลายหนทาง ตามไอเดียของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ต้องการส่งเสริมความเป็นชาตินิยมในหมู่คนไทย ซึ่งเพลงชาติฉบับดังกล่าว มีการจัดทำออกมาถึง 6 รูปแบบ ดังนี้

1.แบบเป็นทางการ เสียงร้องหนักแน่นฮึกเหิม เหมาะสำหรับเปิดในสถานที่ราชการ ในงานราชการ งานทหาร หรือกิจกรรมที่ผู้จัดอยากปลุกเร้าพลังรักชาติ

2.แบบไม่เป็นทางการ เสียงร้องนุ่มนวลขึ้นกว่าฉบับแรก เหมาะสำหรับเปิดในงานทางการของภาคเอกชน งานมหรสพ หรืองานกึ่งทางการกึ่งลำลอง

3.แบบแกรมมี่ซาวด์ เอาใจวัยรุ่น ขับร้องโดยนักร้องรุ่นเก่า ช่วงท้ายสร้างคีย์และเมโลดี้ใหม่

4.แบบแกรมมี่ซาวด์ เอาใจวัยรุ่น ขับร้องโดยนักร้องรุ่นใหม่ ช่วงท้ายสร้างคีย์และเมโลดี้ใหม่

5.แบบเอาใจเด็กเล็ก ใช้คณะเยาวชนร้องประสานเสียง เหมาะสำหรับเปิดในสถานศึกษาอนุบาลและประถม

6.แบบเอาใจผู้สูงอายุ ใช้เครื่องดนตรีไทยบรรเลง

ร้องเพลงชาติไทยดีอย่างไร

1. การร้องเพลงชาติไทยช่วยส่งเสริมให้คนไทยหันมารักกันมากยิ่งขึ้น มีความสมานสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
2. การร้องเพลงชาติไทยทำให้คนไทยสำนึกและสำนักในความเป็นไทย ว่าเอกราชอธิปไตยของปวงชนชาวไทย กว่าจะได้มาได้ บรรพบุรุษต้องเอาเลือดเนื้อเข้าแลก ปวงชนชาวไทยจึงควนสำนึกถึงความเหนื่อยยากของบรรพบุรุษที่เสียสละเพื่อลูกหลาน
3. การร้องเพลงชาติไทยช่วยทำให้คนเสีย ลด ละ เลิก การคอรัปชั่น ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงต่อประเทศชาติ ยังแต่จะบ่อนทำรายชาติให้วอดวาย การร้องเพลงชาติช่วยให้คนที่คิดร้ายต่อประเทศ หันมาสำนักแผ่นดินแม่ แผ่นดินทอง ของไทย
4. การร้องเพลงชาติไทยเป็นการแสดงออกซึ่งความเป็นไทย ให้นาๆ อริยประเทศ เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของชาติไทย
5. การร้องเพลงชาติไทยเป็นการเทิศทูลสถาบันหลักของชาติ อันได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
6. การร้องเพลงชาติไทยทำให้คนไทยไม่ลืมกัน ไม่คิดร้ายต่อกัน ให้อภัยกัน และช่วยกันนำพาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง ให้สมกับปู่ ย่า ตา ยาย ที่พลีชีพเพื่อชนรุ่นหลัง
7. การร้องเพลงชาติไทย เป็นการปลุกจิตสำนึกไม่ให้คนไทยลืมตัวตนความเป็นไทย ที่เสียสละเพื่อประเทศเป็นที่ตั้ง และสามัคคีให้ชาติไทยคงอยู่ถาวร
8. การร้องเพลงชาติไทยเป็นการแสดงออกถึงคนไทยที่สามารถแสดงตนว่าเป็นคนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

เด็กๆ เอ๋ย จงฟังไว้ให้ดี

1. จงตั้งใจร้องเพลงชาติไทยด้วยจิตสำนักความเป็นไทย โตขึ้นจักได้รักชาติ บ้าน เมือง ไม่คิดทำลายประเทศให้เสียหาย
2. จงร้องเพลงชาติไทยให้ดังๆ
ภาพที่เกี่ยวข้อง
รูปภาพที่เกี่ยวข้องแนะนำเว็บเพลงชาติไทย เพลงชาติเพลงของปวงชนชาวไทยทุกคน
ข้อมูลเพลงชาติไทย ประวัติความเป็นมาของเพลงชาติไทย
อ้างอิงจาก: เพลงชาติไทย
แท็ก: เพลงชาติไทย
อ้างจาก: เพลงชาติไทยแนะนำเว็บเพลงชาติไทย เพลงชาติเพลงของปวงชนชาวไทยทุกคน
หมวดหมู่: เพลงชาติไทย
หน้าหลัก: http://www.เพลงชาติไทย.com
รายละเอียดสินค้า:
ติดต่อเรา: //]
ติดต่อเรา: //
ชื่อ: เพลงชาติไทย.com
ที่อยู่: ประเทศไทย
เบอร์โทรติดต่อ: ไม่ระบุ
อีเมล์: ไม่ระบุ
#12
เพลงชาติไทย ร้องเพลงชาติให้ดังสมกับที่เกิดเป็นคนไทย

ชี้แนะเพลงชาติไทย ร่วมร้องเพลงชาติเพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียว อ่านบทความใหม่ล่าสุดเกี่ยวกับเพลงชาติไทยอ่านเนื้อหาคุณภาพได้จากส่วนนี้
เพลงชาติไทย

ปวงชนชาวไทยทุกคน ควรรักและเทิศทูลความเป็นไทย โดยการร้องเพลงชาติไทยอย่างอิ่มอกอิ่มใจ

การร้องเพลงชาติไทย เป็นการแสดงออกถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชาติ การสมานสามัคคีในการมุ่งมั่นทำให้เมืองไทยเจริญก้าวหน้าและสงบร่มเย็น


เพลงชาติไทย

ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย

เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน

อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล

ด้วยไทยล้วนหมาย รักสามัคคี

ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด

เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่

สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี

เถลิงประเทศชาติไทยทวี มีชัย ชโย


เพลงสรรเสริญพระบารมี

ข้าวรพุทธเจ้า เอามโนและศิระกราน

นบพระภูมิบาลบุญดิเรก เอกบรมจักริน

พระสยามินทร์พระยศยิ่งยง เย็นศิระเพราะพระบริบาล

ผลพระคุณ ธ รักษา ปวงประชาเป็นสุขศานต์

ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด จงสฤษดิ์ดัง

หวังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ชโย


เพราะอะไรเราจึงควรร้องเพลงชาติไทย

1. ชาวไทยทุกคนควรร้องเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมี อย่างอิ่มอกอิ่มใจ สมกับบรรพบุรุษที่รักษาเอกราชอธิปไตยมาจนถึงทุกวันนี้
2.  Thailand จะเจริญก้าวหน้าหากทุกคนหันมาสามัคคี ปรองดอง เป็นหนึ่งอันเดียวกัน
3. การพัฒนาประเทศไทยจะรอใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ชาวไทยทุกคนต้องร่วมมือกัน
4. ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คือ ศูนย์รวมของความเป็นไทย ปวงชนชาวไทยควรปฏิบัติตนให้สมกับเป็นคนไทย
5. ไม่มีเพลงชาติใดในโลกจะร้องได้ไพเราะเท่ากับเพลงชาติไทย
6. ชาวไทยควรร้องเพลงชาติไทยทุกวัน เพราะตระหนักในความเป็นไทย ให้มีความสามัคคีกันเฉกเช่นที่บรรพบุรุษได้ทำมา
7. คนที่ไม่เคยร้องเพลงชาติไทย หรือร้องเพลงชาติไทยไม่เป็น ไม่ใช่คนไทย
8. ประเทศไทยเป็นเมืองสงบ น่าอยู่ ดั่งเพลงชาติไทย ที่กล่าวว่าไทยรักสงบ
9. ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้า หากคนไทยทุกท่านสามัคคีกันเหมือนที่ร้องเพลงชาติไทย
10. การไม่เห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนร่วม จะนำพาประเทศให้เจริญมั่งคั่ง
11. ชาวไทยทุกคนควรร้องเพลงชาติไทยด้วยความสำนึกในความเป็นไทย ที่บรรพบุรุษเสียสละเลือดเนื้อ เพื่อเอกราชของชาติไทย

รักเมืองไทยรู้จักประเทศไทย

1.  Thailand มีทั้งหมด 77 จังหวัด
2.  Thailand มีพื้นที่ราวๆ 513,115  Table กิโลเมตร
3. ช้างเป็นสัตว์ประจำชาติของไทย
4. ดอกไม้ประจำชาติ คือ ดอกราชพฤกษ์
5. คาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย

ข้อมูลเกี่ยวกับเพลงขาติไทย

เพลงชาติไทย เป็นชื่อเพลงชาติของสยามและ Thailand  ประพันธ์ทำนองโดย พระเจนดุริยางค์

พลงชาติไทยประพันธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2475 คำร้องฉบับแรกสุดโดยขุนวิจิตรมาตรา

เพลงชาติแบบไทย

คณะกรรมการได้ไตร่ตรองเพลงชาติโดยตัดสินให้ผลจากการทำงานเพลง "มหานิมิตร" ซึ่งได้ประพันธ์โดย จางวางทั่ว พาทยโกศล เป็นผลงานที่ชนะเลิศ เพลงมหานิมิตรนี้จางวางทั่วได้ประพันธ์และดัดแปลงมาจากเพลงหน้าพาทย์สำคัญของไทยที่มีชื่อว่า "ตระนิมิตร" ซึ่งให้สามารถบรรเลงเป็นทางสากล เพลงตระนิมิตรนี้ เป็นเพลงที่ถือว่าเป็นเพลงบรมครู นักดนตรีจะใช้บรรเลงในพิธีสำคัญต่างๆ อาทิเช่น พิธีไหว้ครู บรรเลงเป็นการอัญเชิญ ครูบาอาจารย์ เทวดาทั้งหลาย มาประชุมกันเพื่อความเป็นสิริมงคล เพราะฉะนั้นจึงมีความหมาย ควรแก่การเคารพนับถือเป็นสิริมงคล สมควรที่จะใช้เป็นเพลงชาติไทยได้

รัฐบาลได้ทดสอบบรรเลงเพลงชาติไทยออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงอยู่ระยะเวลาหนึ่ง แต่ต่อมาเมื่อคณะกรรมการไตร่ตรองแล้วว่า เพลงชาติจะเสนอผลการประกวดให้คณะรัฐมนตรีประชาสัมพันธ์ยืนยันผลนั้น คณะกรรมการ ได้ประชุมและมีความเห็นว่า เพลงชาติไทยมีลักษณะที่บ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถ้ามีการใช้อยู่ 2 เพลง จะทำให้คลายความศักดิ์สิทธิ์ลง จึงได้ตัดสินใจไม่เสนอเพลงชาติแบบไทยซึ่งได้คัดกรองไว้ให้คณะรัฐมนตรีประชาสัมพันธ์ยืนยันเป็นเพลงชาติในที่สุด

เพลงชาติแบบสากล

คณะกรรมการได้วิเคราะห์เพลงชาติโดยมีความเห็นให้ใช้ทำนองเพลง ซึ่งประพันธ์โดยพระเจนดุริยางค์เป็นทำนองเพลงชาติไทยแบบสากล สำหรับบทร้องนั้นได้คัดกรองบทร้องของท่านขุนวิจิตรมาตราซึ่งได้แก้ไขปรับปรุงเพิ่มมากขึ้นเป็นบทร้องชนะเลิศ และได้ทำการเพิ่มบทร้องของนายฉันท์ ขำวิไล ซึ่งเป็นบทร้องที่ได้รับการเชิดชูรองชนะเลิศ คณะรัฐมนตรีได้ประชาสัมพันธ์รับประกันผลให้เป็นบทร้องเพลงชาติฉบับราชการเมื่อวันที่ 20  August  พ.ศ. 2477 เป็นต้นมา บทร้องเพลงชาติไทยทั้งของขุนวิจิตรมาตราและนายฉันท์ ประพันธ์ในรูปฉันทลักษณ์แบบกลอนสุภาพ กลอนแปด ความยาว 4 บท แต่ละบทมี 4 วรรค ผลงานของแต่ละท่านจึงมีความยาวของบทร้องเป็น 16 วรรค เมื่อนำมารวมกันแล้วจึงทำให้บทร้องเพลงชาติทั้งหมดมีความยาวมากถึง 32 วรรค ซึ่งกล่าวได้ว่ายาวมาก หากจะร้องเพลงชาติให้ครบทั้งสี่บทจะต้องอาศัยเวลาร้องถึง 3 นาที 52 วินาที ในยุคสมัยนั้นคนไทยโดยส่วนมากจึงชื่นชอบร้องเพลงขาติไทยแต่เฉพาะบทร้องของขุนวิจิตรมาตรา และต่อมาภายหลังจึงไม่มีการขับร้อง คงเหลือเพียงเพียงทำนองเพลงบรรเลงไว้เท่านั้น

เพลงชาติฉบับแกรมมี่ พ.ศ. 2548

ในปี พ.ศ. 2548 กระทรวงวัฒนธรรมได้ทำการเปิดเผยเพลงชาติไทยฉบับใหม่ ซึ่งกระทรวงกลาโหมมอบหมายให้  Company  จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เรียบเรียง และจัดทำใหม่ ให้มีความหลากหลายมากขึ้น สำหรับใช้ในหลายความเป็นไปได้ ตาม Idea ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ต้องการส่งเสริมความเป็นชาติชื่นชอบในหมู่คนไทย ซึ่งเพลงชาติฉบับดังกล่าว มีการจัดทำออกมาถึง 6 รูปแบบ ดังนี้

1.แบบเป็นทางการ เสียงร้องหนักแน่นฮึกเหิม เหมาะสำหรับเปิดในสถานที่ราชการ ในงานราชการ งานทหาร หรือกิจกรรมที่ผู้จัดอยากปลุกเร้าพลังรักชาติ

2.แบบไม่เป็นทางการ เสียงร้องนุ่มนวลขึ้นกว่าฉบับแรก เหมาะสำหรับเปิดในงานทางการของภาคเอกชน งานมหรสพ หรืองานกึ่งทางการกึ่งลำลอง

3.แบบแกรมมี่ซาวด์ เอาใจวัยรุ่น ขับร้องโดยนักร้องรุ่นเก่า ช่วงท้ายสร้างคีย์และเมโลดี้ใหม่

4.แบบแกรมมี่ซาวด์ เอาใจวัยรุ่น ขับร้องโดยนักร้องรุ่นใหม่ ช่วงท้ายสร้างคีย์และเมโลดี้ใหม่

5.แบบเอาใจเด็กเล็ก ใช้คณะเยาวชนร้องประสานเสียง เหมาะสำหรับเปิดในสถานศึกษาอนุบาลและประถม

6.แบบเอาใจผู้สูงอายุ ใช้เครื่องดนตรีไทยบรรเลง

ร้องเพลงชาติไทยดีอย่างไร

1. การร้องเพลงชาติไทยช่วยทำให้คนไทยหันมารักกันมากกว่าเดิม มีความสมานสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
2. การร้องเพลงชาติไทยทำให้คนไทยเข้าใจและสำนักในความเป็นไทย ว่าเอกราชอธิปไตยของปวงชนชาวไทย กว่าจะได้มาได้ บรรพบุรุษต้องเอาเลือดเนื้อเข้าแลก ปวงชนชาวไทยจึงควนสำนึกถึงความเหนื่อยยากของบรรพบุรุษที่เสียสละเพื่อลูกหลาน
3. การร้องเพลงชาติไทยช่วยสนับสนุนให้คนเสีย ลด ละ เลิก การคอรัปชั่น ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงต่อประเทศชาติ ยังแต่จะบ่อนทำรายชาติให้วอดวาย การร้องเพลงชาติช่วยให้คนที่คิดร้ายต่อประเทศ หันมาสำนักแผ่นดินแม่ แผ่นดินทอง ของไทย
4. การร้องเพลงชาติไทยเป็นการแสดงออกซึ่งความเป็นไทย ให้นาๆ อริยประเทศ เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของชาติไทย
5. การร้องเพลงชาติไทยเป็นการเทิศทูลสถาบันหลักของชาติ อันเช่น ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
6. การร้องเพลงชาติไทยทำให้คนไทยไม่ลืมกัน ไม่คิดร้ายต่อกัน ให้อภัยกัน และช่วยกันนำพาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง ให้สมกับปู่ ย่า ตา ยาย ที่พลีชีพเพื่อชนรุ่นหลัง
7. การร้องเพลงชาติไทย เป็นการปลุกจิตสำนึกไม่ให้คนไทยลืมตัวตนความเป็นไทย ที่เสียสละเพื่อประเทศเป็นที่ตั้ง และสามัคคีให้ชาติไทยคงอยู่ถาวร
8. การร้องเพลงชาติไทยเป็นการแสดงออกถึงคนไทยที่สามารถแสดงตนว่าเป็นคนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

เด็กๆ เอ๋ย จงฟังไว้ให้ดี

1. จงตั้งใจร้องเพลงชาติไทยด้วยจิตสำนักความเป็นไทย โตขึ้นจักได้รักชาติ บ้าน เมือง ไม่คิดทำลายประเทศให้เสียหาย
2. จงร้องเพลงชาติไทยให้
ภาพที่เกี่ยวข้อง
รูปภาพที่เกี่ยวข้องเพลงชาติไทย ร้องเพลงชาติให้ดังสมกับที่เกิดเป็นคนไทย
เพลงชาติไทย เป็นคนไทยต้องร้องเพลงชาติด้วยความจริงใจ
อ้างอิงจาก: เพลงชาติไทย
แท็ก: เพลงชาติไทย
อ้างจาก: เพลงชาติไทยเพลงชาติไทย ร้องเพลงชาติให้ดังสมกับที่เกิดเป็นคนไทย
หมวดหมู่: เพลงชาติไทย
หน้าหลัก: http://www.เพลงชาติไทย.com
รายละเอียดสินค้า:
ติดต่อเรา: //]
ติดต่อเรา: //
ชื่อ: เพลงชาติไทย.com
ที่อยู่: ประเทศไทย
เบอร์โทรติดต่อ: ไม่ระบุ
อีเมล์: ไม่ระบุ