โซโลมอนราชาบงการปีศาจ (Solomon King of Demon)

โซโลมอนราชาบงการปีศาจ (Solomon King of Demon)

เริ่มโดย etatae333, 14 สิงหาคม 2015, 14:06:46

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

โซโลมอนราชาบงการปีศาจ (Solomon King of Demon)



พระเจ้าโซโลมอน มีชื่อเสียงในเรื่องสติปัญญา, ความร่ำรวย,และจำนวนมเหสี ภรรยาน้อย 700 คน และนางสนมอีก 300 คน
พระองค์ได้รับการยกย่องจากคัมภีร์ฮีบรู เกี่ยวกับการปกครองจักรวรรดิที่ขยายอาณาเขตจากอียิปต์ไปจนถึงยูเฟรตีส อย่างไรก็ตาม 
เช่นเดียวกับบิดาของเขา คือกษัตริย์ดาวิด, โซโลมอนและความสำเร็จของเขา เป็นเรื่องที่ยังเป็นที่ถกเถียงกัน


การปกครองของโซโลมอน ได้รับการยกย่องว่าเป็นยุคทองของอิสราเอลและประวัติศาสตร์ยูดาย์อย่างน้อย ก็จากการอ่านเรื่องราวตามคัมภีร์ไบเบิล
การปกครองของเขายาวนาน สี่สิบปี ประมาณปี 970 ถึง 930 ก.ส.ศ. ศพของเขาถูกฝังในกรุงเยรูซาเล็ม,เมืองของดาวิด 
เมืองที่โซโลมอนขยายอาณาเขตออกไปอย่าง กว้างขวางที่สุด

โซโลมอน (Solomon) มาจากราก S-L-M ที่แปลว่าความสงบ ในอิสลาม เรียกว่า นบีสุลัยมาน เป็นศาสดาคนที่ 25 ของชาวมุสลิม
บุคคลในคัมภีร์ฮิบรู (พันธสัญญาเดิม)เป็นการเล่าเรื่องที่ชี้ให้เห็นถึงการถ่อมตนและการเกรงกลัวใน อัลเลาะฮ์ ส่วนในคัมภีร์อัลกุรอาน
กล่าวว่าพระเจ้าโซโลมอนเป็นลูกของเดวิดชื่ออีกชื่อหนึ่งที่ใช้กันคือ "Jedidiah" ในคัมภีร์ทานัคห์ (Tanakh) (พันธสัญญาเดิม) และกล่าวว่า
เป็นกษัตริย์องค์ที่สามของสหราชอาณาจักรอิสราเอลและกษัตริย์องค์สุดท้ายก่อนที่จะแยกเป็นราชอาณาจักรอิสราเอลทางเหนือและ
ราชอาณาจักรยูดาห์ทางใต้ หลังจากการแยกตัวผู้ที่สืบเชื้อสายก็ปกครองแต่เพียงราชอาณาจักรยูดาห์เท่านั้น


กษัตริย์โซโลมอนตามคัมภีร์ ฮีบรู มักพรรณนาถึงกิจกรรมพิธีการตามความเชื่อของโซโลมอนและ บอกต่อเกี่ยวกับความมั่งคั่งของเขา
สติปัญญา และเกียรติศักดิ์ในระดับนานาชาติ แต่ก็ทรงเป็นกษัตริย์ ที่ทรงโปรดกวีและศิลปะ และแม้พระองค์จะได้ชื่อว่าเป็นคนฉลาด
หลักแหลมมาก แต่พระองค์ก็ยังทรงมีนักปราชญ์และกวีเป็นที่ปรึกษามากมาย งานวรรณกรรมที่ว่ากันว่าเกิดในยุคนั้นก็ยังมีหลงเหลือ
เล่าขานมาถึงทุกวันนี้ คือ สุภาษิตโซโลมอน บทเพลงโซโลมอน ตำนานพันหนึ่งราตรี

เรื่องราวของโซโลมอนถูกเล่าขานกันมายาวนานกว่าสามพันปี จากการศึกษาบันทึกอักขระบนหนังสัตว์และก้อนหิน กล่าวกันว่า
กษัตริย์โซโลมอนนั้นเป็นผู้มีความฉลาด, มั่งคั่ง และทรงอำนาจเป็นอย่างมากอาณาจักรของพระองค์นั้นกว้างใหญ่มีความมั่งคั่ง
ทางการค้าเป็นอย่างมาก  มีเงินและทองคำจำนวนมากที่ได้มาจากการค้า และจากพ่อค้าที่เข้ามาค้าขาย โดยมีบางส่วนมาจาก
กษัตริย์อาราเบีย และผู้ปกครองเมืองต่างๆที่มอบให้เป็นของกำนัน แผ่นดินของกษัตริย์โซโลมอน ปูด้วยแผ่นทองคำจำนวนสองร้อยแผ่น
และมีบันลังก์งาช้างตกแต่งด้วยทองคำประณีตที่สุด พระองค์ทรงสร้างพระวิหารโซโลมอน (Solomon's Temple - Temple Mount)
ในกรุงเยรุซาเล็มที่ถือกันว่าเป็นพระวิหารแห่งเยรุซาเล็มหลังแรก

ตำนานวิหารแห่งโซโลมอน



วิหารของโซโลมอน(Solomon's Temple)และพระราชวัง ถูกสร้างขึ้นทางทิศเหนือของเมืองคนเยบุส. เมืองที่ดาวิดยึดครองอยู่ไกลมา
ทางภาคใต้มากทีสุดของชายขอบตะวันออก. การก่อสร้างเป็นไปอย่างยากรำบากเพราะเป็นพื้นที่ลาดชัน แต่คนงาน และวิศวกรโยธา
ก็ต้องทำเพราะเป็นคำบัญชาที่ขัดไม่ได้ อย่างไรก็ตามวิหารที่มีชื่อเสียงของโซโลมอนถูกสร้างบนพื้นที่ด้านทิศเหนือของชายขอบตะวันออก 
ที่สูงประมาณ 750ฟุต ไปทางทิศเหนือของเมืองเยบุส.ล้อมรอบทั้งสองด้านด้วยแนวดินแคบยาว  แต่ยังไม่ได้รับยืนยันใดๆทางโบราณคดี
เพราะว่าบางส่วนของเมืองได้รับการสร้างใหม่หลายครั้งในช่วงหลายพันปีมานี้.


ปัจจุบัน คือเทมเพิลเมานท์(Temple Mount) หรือ โดมทองแห่งเยรูซาเล็ม(Dome of the Rock)สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม
ตั้งอยู่บน ฮะรอมอัลชารีฟ(Haram al-Sharif) เป็นวิหารที่สวยงามที่โลกอาหรับรู้จัก  สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางการต่อสู้แย่งชิงกันยาวนาน
กว่า 4,000 ปี  ปรากฏตามบันทึกในช่วงศัตวรรษที่ 3 ว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวคานาอัน  แต่ว่ากันว่าน่าจะมีการสักการะ
กันมาอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 5,000ปี จึงทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่แผ่นดินทางศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

ในคัมภีร์ฮีบรูมีหลักฐานถึงสร้างวิหารว่าเริ่มต้นหลังจากอพยพชาวยิวออกจากอียิปต์ 480 ปี  และเป็นการครองราชค์ในปีที่ 4 ของโซโลมอน
กินเวลาการสร้างยาวนานกว่า 20 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ  เมื่องานทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์, โซโลมอนได้เก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่ นบีเดวิดมอบให้ไว้ในวิหาร
ทั้ง เงิน,ทองคำ และสิ่งของเครื่องใช้  รวมทั้งหีบพันธสัญญาด้วย. ในครั้งนั้นว่ากันว่า มีการทำพิธีอุทิศ รวมทั้งพิธีย้ายหีบพันธสัญญาเข้าไป
ในวิหารและการอธิษฐานยาวนานโดยโซโลมอน เพื่อยืนยันคำมั่นสัญญาของเขากับดาวิด   

ตำนานกุญแจย่อยของโซโลมอน - พันธสัญญาแห่งโซโลมอน(Testament of Solomon)



พระคัมภีร์กล่าวว่า ครั้งหนึ่งโซโลมอนได้ไปขอสติปัญญาจากพระเจ้าเพื่อจะได้นำมาใช้ในการปกครอง อาณาจักร แต่ต่อมาพระองค์ไม่ยอมดำเนิน
ในแนวทางของพระเจ้า เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ พระเจ้าจึงลงโทษให้อาณาจักรถูกแยกเป็น 2 ส่วน กลายเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อมาฝ่ายเหนือ
ล่มสลายไปด้วยน้ำมือของอาณาจักรอัสซีเรีย และฝ่ายใต้ก็ล่มสลายด้วยน้ำมือของอาณาจักรบาบิโลน และนี่เป็นเหตุให้คนอิสราเอลต้องกระจัดกระจาย
ไปทั่วโลกนับแต่บัดนั้น ตำนานคัมภีร์กุญแจแห่งโซโลมอน



กุญแจย่อยของโซโลมอน (Lesser Key of Solomon) หรือ คลาวิคิวลา ซาโลมอนิส (Clavicula Salomonis)   

เป็นตำราเวทย์ซึ่งไม่ปรากฏชื่อผู้แต่งในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 และเป็นหนังสือที่แพร่หลายที่สุดในปิศาจวิทยา รวมถึงยังเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
ในอีกชื่อคือ เลเมเกทัน (Lemegeton) กุญแจย่อยของโซโลมอนปรากฏในคริสต์ศตวรรษที่ 17 แต่เนื้อหาภายในนั้นส่วนใหญ่เคยปรากฏในข้อเขียน
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 เช่น ซูโดโมนาร์เชีย แดโมนัม ของโยฮัน เวเยอร์ และตำราเวทย์ในยุคกลางเล่มอื่นๆ บางส่วนของเนื้อหาเช่นการ
เรียกปิศาจนั้นมีมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14

กุญแจย่อยของโซโลมอนมีรายละเอียดของภูตและการอัญเชิญเพื่อใช้งาน ซึ่งรายละเอียดนี้รวมถึงตราพิทักษ์และพิธีกรรมซึ่งจำเป็นต้องใช้
ในการควบกุญแจย่อยของโซโลมอนนั้นแบ่งเป็น 5 บท

บทที่ 1 อาร์สโกเอเทีย



ศาสตร์แห่งโกเอเทีย กล่าวถึงปิศาจ 72 ตนที่กล่าวว่าโซโลมอนเคย เรียกขึ้นมาใช้งานโดยขังไว้ในภาชนะทองเหลืองที่ผนึกด้วยตราเวท อาร์สโกเอเทีย
บรรยายถึงการสร้างภาชนะแบบเดียวกันและใช้เวทมนตร์เรียกปิศาจ โดยระบุถึงยศของปิศาจแต่ละตนในนรกและดวงตราผนึกที่ใช้ควบคุม

ในพ.ศ. 2447 แซมมวล แมเธอร์ส และ อเลสเตอร์ โครลีย์ ได้แปลและเรียบเรียงอาร์สโกเอเทียเป็นภาษาอังกฤษโดยใช้ชื่อว่า
เดอะ โกเอเทีย : กุญแจย่อยของกษัตริย์โซโลมอน (คลาวิคิวลา ซาโลมอนิส เรจิส) (The Goetia: The Lesser Key of Solomon the King
(Clavicula Salomonis Regis)) ซึ่งเป็นตำราสำคัญในระบบเวทมนตร์ของโครลีย์ คุม และป้องกันตัวจากภูต ในตำราที่พบเดิมนั้น
รายละเอียดจะแตกต่างกันไปในหลายๆฉบับ


บทที่ 2 อาร์สทิวร์เกียโกเอเทีย



อธิบายถึงชื่อ ลักษณะ และผนึกของภูตอากาศ 31 ตน (แต่ละตนมียศเป็น หัวหน้า, จักรพรรดิ, ราชา และ เจ้าชาย) ซึ่งโซโลมอนเคย เรียกและควบคุม
วิธีการป้องกันตัวจากภูติ ชื่อของภูติรับใช้ พิธีอัญเชิญและใช้งาน ภูติเหล่านี้มีทั้งดีและเลว ภูติเหล่านี้สามารถใช้ค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ เปิดเผยความลับ
ของบุคคล และขนย้ายวัตถุใดๆได้ตราบที่ถูกควบคุมไว้ด้วยธาตุทั้งสี่ ภูติเหล่านี้ถูกระบุถึงด้วยลำดับที่ซับซ้อนในหนังสือ

บทที่ 3 อาร์สพอลลินา 



ศาสตร์แห่งพอลเป็นบทที่สาม ซึ่งในตำนานนั้นเป็นศาสตร์ที่นักบุญพอลเป็นผู้ค้นพบ แต่ในหนังสือเล่มนี้ระบุว่าเป็น "ศาสตร์พอลไลน์ของโซโลมอน "
ศาสตร์แห่งพอลนี้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายตั้งแต่สมัยกลาง ในหนังสือเล่มนี้แบ่งเป็นสองบทย่อย

★ บทย่อยแรก อธิบายถึงเทวทูตในช่วงเวลาต่างๆของวันและคืน ซึ่งรวมถึงรายละเอียดเรื่องผนึก พฤติกรรม ผู้รับใช้ (เรียกว่าดุ๊ค)
ความสัมพันธ์กับดาวเคราะห์ทั้งเจ็ดที่รู้จักในขณะนั้น ตำแหน่งของดวงดาวที่เหมาะสม รายชื่อ และวิธีการอัญเชิญเทวทูตเหล่านั้น


★ บทย่อยที่สอง กล่าวถึงเทวทูตผู้ปกครองจักรราศี ตำแหน่งทางดาราศาสตร์ ความสัมพันธ์กับธาตุทั้งสี่ ชื่อ และผนึก เทวทูตเหล่านี้
เรียกว่าเทวทูตแห่งมนุษย์ เพราะมนุษย์ทั้งมวลล้วนแต่เกิดภายใต้จักรราศีทั้งสิบสอง


บทที่ 4  อาร์สอัลมาเดล 




ศาสตร์แห่งอัลมาเดล  ว่าด้วยการทำ อัลมาเดล ซึ่งเป็นแผ่นขี้ผึ้งที่มีตราพิทักษ์เขียนไว้และตั้งเทียนไขไว้สี่เล่ม บทนี้กล่าวถึงการเลือกสี
วัสดุ และพิธีกรรมที่ใช้ในการทำอัลมาเดลและเทียนไข อาร์สอัลมาเดลยังกล่าวถึงเทวทูตที่ จะเรียกมาพร้อมอธิบายวิธีอัญเชิญ ทั้งยังระบุว่า
ผู้อัญเชิญสามารถขอให้เทวทูตช่วยได้แต่สิ่งที่สมเหตุผลและ เป็นธรรมเท่านั้น บทนี้ยังระบุเรื่องผู้ปกครองทั้งสิบสองของเทวทูต
นอกจากนั้นยังมีรายละเอียดของวันและตำแหน่งของดวงดาวที่เหมาะสมกับการอัญเชิญแต่ก็ไม่ยาวนัก

บทที่ 5  อาร์สนอทอเรีย 



ศาสตร์อันโดดเด่น ตำราเวทย์ซึ่งรู้จักกันตั้งแต่สมัยกลาง หนังสือเล่มนี้อ้างว่าศาสตร์นี้พระเจ้าได้เผยให้แก่โซโลมอนผ่านเทวทูต บทนี้รวบรวมมนตร์ต่างๆ
ผสมด้วยแคบบาลาห์และ เวทมนตร์ในภาษาต่างๆ วิธีการสวดมนต์เหล่านี้ และความสัมพันธ์ของพิธีกรรมเหล่านี้กับการเข้าใจศาสตร์ต่างๆ
ในบทนี้ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ของดวงจันทร์กับผู้สวดมนต์และระบุว่ามนตร์ เหล่านี้เป็นการเรียกเทวทูต อาร์สนอทอเรียอ้างว่าเมื่อสวดมนต์เหล่านี้
อย่างถูกต้องก็จะทำให้เข้าใจ ศาสตร์แขนงที่สัมพันธ์กันและยังทำให้จิตใจมั่นคง ความทรงจำดี  ในบทนี้ยังกล่าวถึงการที่โซโลมอนได้รับวิวรณ์
จากเทวทูตอีกด้วย


ตำนานแหวนโซโลมอน(Seal of Solomon)



แหวนแห่งโซโลมอน หรือดวงตราแห่งโซโลมอน ถูกเรียกขานกันในชื่อดาวของเดวิด มีลักษณะเป็นดาวสัญลักษณ์ 6เหลี่ยมที่ใช้เป็นสัญลักษณ์พื้นฐาน
ในการอัญเชิญปีศาจทั้ง 72 ตนมาสู่โลกมนุษย์ และทำให้โซโลมอนพูดคุยกับสัตว์ต่างๆได้อีกด้วย


ตามตำนานเมื่อกาลก่อนครั้งยังไม่ปรากฏนามของพระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์ของฮิบรูพระองค์หนึ่งพระนามว่าโซโลมอน ได้มีพระราชโองการขึ้นฉบับหนึ่ง
สั่งให้เหล่ามหาอำมาตย์ที่ปรึกษาของพระองค์สร้างแหวน วิเศษขึ้นวงหนึ่ง และให้แหวนวิเศษนั้นมีคำจารึกซึ่งไม่เกี่ยงว่าจะเป็นคาถาหรือบทสวดใดๆก็ได้
ลงบนแหวน และเมื่อใดก็ตามที่พระองค์ทอดพระเนตร  แหวนนี้จะต้องเปลี่ยนอารมณ์ของพระองค์ได้ ไม่คำนึงว่าพระองค์จะทรงดีใจหรือเสียใจอยู่
หรือต่อให้พระองค์ทรงโกรธอยู่ แหวนนี้ก็จักต้องสามารถทำให้หายโกรธได้ ไม่เว้นแม้แต่ตอนที่พระองค์กำลังทรงดีใจ แหวนวงนี้ก็ต้องแสดง
อิทธฤทธิ์ออกมาให้ทรงหายดีใจได้


   
เหล่าอำมาตย์ต่างก็คิดกันหนักว่าจะไปหาแหวนวิเศษขนาดนั้นจากที่ไหนช่างและ กวีทั่วทั้งเยรูซาเล็มถูกตามตัวมารับงานขึ้นเรือนแหวน นักบวช
ตามวิหารต่างๆถูกตามมาสร้างสวดมนต์เพื่อแหวน แล้วก็เป็นอย่างที่เหล่าอำมาตย์คาดไว้ ไม่มีใครสามารถสร้างแหวนที่ทรงพลานุภาพอย่างนั้นได้
การประชุมของเหล่าที่ปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้มีแทบทุกวัน วันกำหนดที่จะถวายแหวนแด่พระองค์ก็ใกล้เข้ามาทุกที ความกังวลนั้นเข้ามาอยู่ยึด
อยู่ในจิตใจของทุกคน แต่ที่หนักที่สุดเห็นจะเป็นปราชญ์เฒ่าผู้เป็นหัวหน้าคณะที่ปรึกษาของ กษัตริย์โซโลมอน เพราะถ้าทำไม่สำเร็จพระราชอาญา
ก็คงต้องตกกับตัวเองแต่เพียงผู้เดียว

ความกังวลเมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่ว่าใครก็ตามก็มักจะก่อตัวใหญ่ขึ้น และเมื่อกังวลเรื่องหนึ่งได้มันก็จะกังวลต่อไปอีกไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่ เรื่อง ปราชญ์เฒ่า
ผู้เป็นหัวหน้าก็เช่นกัน ถึงตอนนี้แล้วความกังวลมากมายจึงก่อตัววนอยู่รอบๆความคิดของปราชญ์เฒ่า ไหนจะเรื่องพระราชอาญาที่อาจถึงแก่ชีวิต
ไหนจะเรื่องครอบครัว ไหนจะเรื่องความจงรักภักดี ฯลฯ



และเมื่อถึงที่สุดแล้ว ความเป็นปราชญ์ของเขาก็คิดได้ว่า เขาจะกังวลไปทำไม ในเมื่อความมั่นคงในชีวิตมนุษย์อย่างแท้จริงมันไม่เคยมีจริง คนเรานั้น
จะดีใจหรือหดหู่กับเคราะห์หามยามร้ายมากเกินไปทำไมและในวินาทีนั้น เองท้องฟ้าก็ดูเหมือนจะเปิดออกให้ได้เห็นแสงสว่าง

ในวันที่ถวายแหวนวิเศษแด่กษัตริย์โซโลมอน ทันทีที่พระองค์หยิบแหวนขึ้นมาทอดพระเนตรคำจารึก พระองค์ถึงกับนิ่งไปพักใหญ่ แล้วจึงทรงแย้ม
พระโอษฐ์ออกมาอย่างพึงใจ เหล่าอำมาตย์ทั้งปวงจึงพร้อมใจกันเปล่งเสียงถวายพระพร ในแหวนวิเศษนั้นมีคำจารึกไว้ว่า

And this, too, shall pass away
"แล้วสิ่งนี้ก็จะผ่านไปเช่นกัน"



ขอบคุณบทความจากหนังสือเท่าดวงอาทิตย์
เขียนโดย Kititus
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

PLAYBOY ขั้นเทพ

friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
***** PLAYBOY ขั้นเทพ #  PRESENTS   การบ้านสะท้านปฐพี   ==> ความมันส์!..กำลังจะบังเกิดแล้วครัชพี่น้อง *****

Drift K

friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions