ข้อสงสัยเกี่ยวกับถุงใต้ตาและวิธีดูแลรักษา

ข้อสงสัยเกี่ยวกับถุงใต้ตาและวิธีดูแลรักษา

เริ่มโดย rusyze471, 06 ตุลาคม 2015, 00:48:59

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

rusyze471

ถุงใต้ตา เป็นปัญหาที่แก้ไขยาก ซึ่งมักพบว่าเป็นพร้อมกับปัญหา รอยคล้ำและริ้วรอยรอบดวงตาที่สร้างความกังวลให้กับทุกคน ปัญหาการเกิดถุงใต้ตา เกิดขึ้นได้หลายต้นเหตุ ไม่ว่าจะเป็น การใช้สายตาเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ การได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดดมากเกินไป กรรมพันธุ์ สภาพแวดล้อมที่อยู่ รวมถึงอาหารการกิน ความเคร่งเครียด การลดลงอย่างฉับพลันของฮอร์โมนเพศหญิง ฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุให้เซลล์ผิวเสื่อมได้มากขึ้น ซึ่งสามารถสรุปปัญหาของการเกิดขึ้น ได้ 2 ลักษณะ คือ ถุงใต้ตาแท้ และถุงใต้ตาเทียม โดยมีข้อแตกต่างกันดังนี้
1. ถุงใต้ตาแท้ มีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์ วิธีนี้ต้องพึ่งการทำศัลยกรรมแต่งแต้ม เพราะถุงใต้ตาชนิดนี้เกิดจากระบบต่อมไร้ท่อภายในร่างกายทำงานผิดธรรมดา ปกติคนเราจะมีก้อนไขมันสามก้อนอยู่ที่ใต้ตา และเมื่ออายุมากขึ้นก้อนไขมันเหล่านี้ก็จะค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นตามไปด้วย แต่สำหรับบางคนที่มีตัวปัญหานี้ บางครั้งก็สังเกตอาการใหญ่โตของถุงใต้ตาได้ตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ ได้เลย วิธีการคุ้มกันมีตั้งแต่การผ่าตัดถุงใต้ตา การใช้ยาละลายไขมัน การใช้คลื่นวิทยุ หรือ Radio Frequency (RF) หากเลือกเฟ้นรักษาอาการดังกล่าวด้วยวิธีการใช้คลื่น RF ก็จะช่วยทำให้ไขมันใต้ตาดูเล็กลง แต่กระนั้นก็ไม่สามารถทำให้ปัญหานี้หายขาดได้ เพราะเป็นเพียงวิธีการที่ช่วยยกกระชับผิวใต้ตา ซึ่งจะทำให้ถุงใต้ตาดูเล็กลงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การบรรเทาทุกข์ทางการแพทย์ถ้าเป็นสมัยก่อนมักคิดถึงการผ่าตัด ซึ่งโดยมากจะช่วยเรื่องถุงใต้ตาได้ดี แต่ช่วยเรื่องรอยคล้ำได้น้อย นอกจากตัดรอยดำออกไปด้วย ไม่เพียงแค่ความเจ็บและค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง การผ่าตัดอาจช่วยให้ผิวเรียบเนียน ตึงผ่องใส แต่ความงามนี้อาจอยู่ได้ไม่นานเพียง 1-2 ปี หากขาดการดูแลและใช้ชีวิตอยู่กับปัจจัยเสี่ยงข้างต้นก็จะเกิดปัญหาซ้ำใหม่ได้ เพราะการผ่าตัดคือ การตัดเอาถุงไขมันใต้ตาทิ้งไป แต่ปัญหาการสะสมของน้ำและไขมันก็ยังปรากฏได้ใหม่ตลอดเวลา เมื่อสภาพผิวเริ่มอ่อนปวกเปียกลงผนวกกับอายุที่เพิ่มขึ้นกระบวนการซ่อมแซมตัวเองของเซลล์ผิวก็เสื่อมถอยขาดประสิทธิภาพ ทำให้การไหลเวียนถ่ายของเสียรอบดวงตาบกพร่อง ก่อเกิดการเก็บตัวซ้ำของถุงใต้ตา และริ้วรอยหมองคล้ำอยู่เรื่อยไป ปัจจุบันนี้ มีวิธีการบำรุงรักษาแบบใหม่ๆ คือ การนำสารโปรตีนอนุภาคเล็กที่เรียกว่า Acetyl tetrapeptide 5 (อะเซ็ทติล เต็ตตร้า เปปไทด์ 5) ที่ทางการแพทย์ใช้เป็นยาลดความดันเลือด นำมาใช้ในเครื่องสำอางถนอมผิว เพื่อเสริมการปรับปรุงปัญหาด้วยตัวเอง ซึ่งมีการศึกษาเล่าเรียนวิจัยในยุโรปแล้วว่า สารดังกล่าวสามารถช่วยลดการเกิดถุงใต้ตา รอยบวม ตลอดจนรอยคล้ำได้ เพราะช่วยปรับการไหลเวียนของโลหิตและน้ำเหลืองให้เป็นไปอย่างเทียบเท่า อีกทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้เซลล์ผิววิภูมั่นคงขึ้นและช่วยให้ของเสียถูกขับถ่ายออกจากเซลล์ผิวได้ดีขึ้น จึงช่วยลดการสะสมตัวของน้ำและไขมันที่อาจเกิดขึ้นรอบดวงตา 
2. ถุงใต้ตาเทียม พบว่ามีต้นสายปลายเหตุมากจากระบบการไหลเวียนในตัวตนไม่ดี ทำให้ของเหลวไปคั่งอยู่ที่ใต้ตา คนที่มีปัญหาถุงใต้ตาเทียมแบบนี้ มักจะมาจากความประพฤติต่าง ๆ เช่น ชอบนอกดึก ร้องไห้เป็นประจำ ขยี้ตา ใช้สายตามากเกินไป ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ตลอดจนการแพ้สารต่าง ๆ เช่น แพ้มาสคาร่า อาจมีการสะสมทำให้คันพอคันก็จะถู ขยี้ตา จะไปกระตุ้นทำให้ทิ้งรอยดำได้ และหนุ่มสาวคนไหนที่มีนิสัยชอบนอนดึกๆ หรืออดนอนอยู่เป็นนิจล่ะก็ รู้ไว้เลยว่าจะทำให้การไหลเวียนโลหิตไม่ดี สารอาหารในเลือดน้อยลง เส้นเลือดตีบ รอยคล้ำก็ชัดขึ้น และหากปล่อยให้เป็นนานๆ เส้นเลือดจะเปราะแตกง่าย ทำให้เกิดสารเหลืออยู่ใต้ตาทำให้ตาคล้ำได้ หากเป็นเช่นนี้ คุณสามารถดำรงถุงใต้ตาให้หายได้เองโดยไม่ต้องผ่าตัดก็ได้ เพียงแค่เปลี่ยนพฤติกรรมไม่ดีทั้งหลาย แล้วลองนวดที่ดวงตาเบา ๆ หรือหมั่นประคบเย็นที่ดวงตาเป็นประจำ อาการดังกล่าวก็จะค่อย ๆ หายไปได้เองค่ะ 
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

rusyze471

friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

rusyze471

friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions