ชะตากรรมของนักโทษสมัยก่อน

ชะตากรรมของนักโทษสมัยก่อน

เริ่มโดย etatae333, 17 มิถุนายน 2016, 16:18:03

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

ชะตากรรมของนักโทษสมัยก่อน



การทรมานและประหารชีวิตนับเป็นวิธีการลงโทษที่เก่าแก่ที่สุด มีวัตถุประสงค์ เพื่อแก้แค้นให้สาสมใจ เมื่อฆ่าผู้อื่นตาย
ก็ต้องตายตกตามกัน  หรือมีการทรมานและประหารไว้เพื่อให้ผู้คนหวาดกลัวไม่กล้าทำผิด และเพื่อป้องกันความสงบสุข
ของสังคม โดยตัดผู้ที่ทำผิดร้ายแรงออกจากสังคมอย่างถาวร ไม่ให้มีโอกาสกลับมาทำอันตรายแก่ผู้ใดได้อีก
(แต่ก็มีนักโทษหลายคนโดนทรมานและประหารโดยไม่มีความผิดเยอะนะพี่)


วิธีการประหารชีวิตมีพัฒนาการมาอย่างหลากหลาย โดยวิธีการที่ยกเลิกไปแล้วเพราะทารุณโหดร้ายเกินรับได้ เช่น
ประหารโดยกดให้จมน้ำตาย อาจจะเป็นการนำตัวคนร้ายใส่ไปในตะกร้าแล้วหย่อนลงน้ำก็ได้ 
**เอาหินขว้างให้ตาย ซึ่งใช้กับโทษลักทรัพย์หรือเป็นชู้กับลูกเมียผู้อื่น **
เอาไฟครอกหรือเผาให้ตาย ซึ่งใช้กับผู้กระทำผิดในทางศาสนาหรือลัทธิความเชื่อ ฯลฯ


หน้ากากนรก


   
ในยุคศตวรรษที่ 16 ในดินแดนเอสปันย่า ในยุคการปกครองของราชันย์ฟิลิป(King Philip)นั้น ปกครองอยู่
ซึ่งพระองค์ชอบทรมานนักโทษไม่น้อย โดยมีดยุ๊คแห่งอัลฟ่า(Duke of Avlve)เป็นผู้คิดค้นเครื่องมือมาทรมาน
นักโทษไม่เว้นแต่ละวัน แต่การทรมานที่ขึ้นชื่อ ดยุ๊คอัลฟ่า คือการทรมานโดยหน้ากากเหล็กนั้นแหละ

วิธีการใช้หน้ากากเหล็กนั้นคือง่ายๆ จับนักโทษมาขังและเอาหน้ากากนี้สวมเข้าหัว จากนั้นให้นักโทษแลบลิ้นยาวๆ
ถ้าไม่ยอมก็ใช้คีมบังคับแลบลิ้นออกมา จากนั้นก็เอาเหล็กที่เขี่ยไฟร้อนๆ แดงแจ๋มาวางบนลิ้นของนักโทษ เนื้อแดงๆ
ของลิ้นเมื่อโดนความร้อนจากเหล็กแดงจ้านั้นทำให้นักโทษเจ็บปวดทรมานส่งเสียงร้อยโหยหวน และการนาบลิ้น
กับเหล็กร้อนนั้นจะดำเนินต่อไปจนกระทั้งลิ้นนั้นบวมใหญ่ และคราวนี้ก็มาถึงจุดประสงค์ของการใช้เหล็กสวมหัวแล้วละ
เพราะในเมื่อลิ้นบวมใหญ่นั้นไม่สามารถจะดึงหดกลับเข้าไปในช่องเหล็กที่อยู่ตรงปากได้อีกต่อไป

กลายเป็นนักโทษลิ้นจุกปากพูดไม่ออก.........แบบนี้แล

scary scary scary




Peine Forte Et Dure
   


อังกฤษยุคศตวรรษที่ 13 เป็นยุคแห่งความมืดบอดแห่งการทรมานนักโทษอีกยุคหนึ่ง โดยมีกษัตริย์เอ็ดวาร์ดที่ 1 (Edward 1 )
เป็นผู้ปกครองแผ่นดิน พระองค์ทรงสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ที่ใช้ทรมานนักโทษหลายอย่าง

โดยหนึ่งในนั้นคือ Peine Forte Et Dure ซึ่งเป็นเครื่องทรมานสำหรับนักโทษปากแข็งที่ไม่ยอมปริปากพูดอะไรสักที
โดยเครื่องมือนี้ทำด้วยไม้หรือแผ่นไม้ขนาดใหญ่และหนัก เวลาจะใช้ก็นำไปวางบนอกของนักโทษปากแข็ง จากนั้นก็นำของหนักๆ
วางบนแผ่นไม้นั้นโดยมีนักโทษนอนหงายรับแผ่นไม้ไว้อีกที่หนึ่ง น้ำหนักที่กดแน่นทำให้นักโทษหายใจไม่ออกเรื่อยๆ
แต่กระนั้นถ้านักโทษไม่ปริปากอะไร ผู้คุมจะเพิ่มน้ำหนักขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายด้วยน้ำหนักมากมายกดทับจนสุดทน

อวัยวะภายในของนักโทษก็ทนไม่ไหว พากันพุ่งทะลุปากและระเบิดดิ้นรนออกมา
จากเนื้อหนังในทันที และการตายในบัดดล


scary scary scary




Booze Death ทรมานด้วยของมึนเมา
   


เป็นการทรมานในยุคของจักรพรรด์ ไดเบอริอุส(Emperor Tiberius) ในยุค 14-37 สมัยอาณาจักรโรมัน ซึ่งพระองค์ชอบมาก
ในการเฝ้าดูนักโทษทั้งหลายถูกทรมานก่อนประหาร โดยหนึ่งในนั้นคือการดื่มของมึนเมาจนตาย คือการเรียกนักโทษให้ออกมา
และบังคับให้ดื่มไวน์จากเหยือกขนาดใหญ่ชนิดไม่อั้น ถ้านักโทษดื่มไม่ไหวก็จะกรอกมันเรื่อยๆ 

แต่ที่ถือเป็นไม้เด็ดของการทรมานนี้คือการมัดอวัยะเพศชายของนักโทษนั้นให้แน่นหนาด้วยเส้นลวดแข็งแรงจนไม่สามารถปัสสาวะได้
ดังนั้นแม้จะปวดสาวะมากที่ใดนักโทษก็ไม่สามารถปลดปล่อยได้ ดังนั้นลองคิดดูเวลาผู้คุมเกิดไม่ถูกหวยขึ้นมา(สมัยนั้นมีเรอะ)
บังคับให้นักโทษดื่มเหล้าจากไถ 2-3 โถไปเรื่อยๆ อย่างสะใจ มันจะเกิดอะไรขึ้น....

....กระเพะปัสสาวะระเบิดภายในตายอนาถสิครับท่าน

piuyty piuyty piuyty



การทรมานแบบอินเดีย


   
มหาราชาแห่งแคว้น Jaipar ถือเป็นมหาราชาที่ชอบทรมานนักโทษไม่น้อย พระองค์ทรงรังเกียจพวกชาวบ้านที่ลักลอบจับสัตว์
ในเขตปกครองพระองค์มาก ครั้งถ้าจับชาวบ้านนี้ได้ พระองค์ได้เล่นงานพวกนี้ด้วยการทรมานที่แสบทรวงในนั้นคือ "ทรมานด้วยพริก"

วิธีการคือ จับนักโทษถลกให้เห็นก้นสวยๆ แล้วให้ผู้คุมแหวกทวารนั้นให้อ้าสุดๆ และยัดพริกขี้หนูแดงสดเผ็ดจัดเข้า
ไปในทวารนักโทษนั้น...............(ไม่ถึงตายหรอกน่า)
wq wq wq

แต่ที่ฮิตที่สุดสมัยนั้นคือ "การจับนักโทษไปให้ช้างเหยียบตาย" วิธีการไม่ยาก นั้นคือเอานักโทษมัดมือไขว้หลังไว้อย่าให้หนี
แล้วก็พาดหัวนั้นโทษไว้กับแท่นไม้แข็งแรง แล้วเอาช้างขนาดใหญ่มาเหยียบนักโทษให้เละเหมือนหัวแดงโม โดยส่วนใหญ่แล้ว
ช้างจะเล่นหัวนักโทษก่อน มันจะไม่ย่ำเท้าหนักๆ ปล่อยให้นักโทษจิตตกหายใจพรืดๆ ด้วยความกลัวตายใต้ฝ่าเท้าสักพัก

ก่อนที่ช้างจะเบื่อและนั้นแหละคุณจะได้ยิน "โพล้ะ" ดังแว่วๆ ลอยๆ กลางอากาศ

ljhgf ljhgf ljhgf



ขึง Rack (เครื่องทรมานนักโทษ)


   
งคือเป็นอุปกรณ์ทรมานดึงแขนขาทั้ง 4 ในสมัยโบราณ รูปร่างของมันจะเป็นแผ่นไม้รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือเป็นจะรูปไข่, หรือโต๊ะ
โดยปกติทำด้วยไม้ แล้วทำให้สูงขึ้นเล็กน้อยจากพื้นดิน,  และมีกลไกเพื่อที่จะใช้ขึงนักโทษ เวลาจะใช้ก็จับนักโทษมาผูกแขนผูกขา
ขึงพรืดกับแผ่นไม้แล้วติดตั้งกับอุปกรณ์ให้แน่นจนเคลื่อนไหวไม่ได้ จากนั้นก็หมุนโดยใช้วิธีแบบวิธีลูกรอกหมุนแกน

และแล้วด้วยกลไกของอุปกรณ์ชนิดนี้ทำให้ร่างของนักโทษเคลื่อนแยกออกจากกัน แขนและขาถูกดึงไปในทิศทางตรงกันข้ามจนร่างตึง
ตัวยืดออกไป กล้ามเนื้อแขนขาจะถูกยืด เส้นเอ็ดขาดสะบั้น กระดูกที่เชื่อมต่อร่างกายเริ่มเคลื่อนห่างจากกันเพราะไม่มีเอ็นร้อยยึด

นักโทษกลายเป็นเปรตโดยบัดดล......



eta07 eta07 eta07

สุดท้ายไม่เอามาลงก็คงไม่ได้ การประหารของไทยในสมัยก่อน
วิธีการประหารชีวิตตามพระไอยการกระบถศึก บันทึกและอธิบายเอาไว้อย่างละเอียดถึงวิธีการลงโทษ
ประหาร 21 วิธี หรือ 21 สถาน ดังนี้




สถาน 1 คือ ให้ต่อยกระบานศีศะ (กบาลศีรษะ) เลิกออก (เปิดออก) เสียแล้ว เอาคีมคีบก้อนเหล็กแดงใหญ่
ใส่ลงไปในมันสะหมอง (มันสมอง) ศีศะพลุ่งฟู่ขึ้นดั่งม่อ (หม้อ) เคี่ยวน้ำส้มพะอูม

สถาน 2 คือ ให้ตัดแต่หนังจำระ (จาก) เบื้องหน้าถึงไพรปากเบื้องบนทั้งสองข้างเป็นกำหนด ถึงหมวกหู (ใบหู)
ทั้งสองข้างเป็นกำหนด ถึงเกลียวคอชายผมเบื้องหลังเป็นกำหนด (หนังบริเวณคอถึงท้ายทอย) แล้วให้มุ่นกระหมวดผม
เข้าทั้งสิ้น (ม้วนเข้าหากัน) เอาท่อนไม้สอดเข้าข้างละคน โยกคลอนสั่นเพิกหนังทั้งผมนั้นออกเสียแล้วเอากรวดทรายหยาบ
ขัดกระบานศีศะชำระให้ขาวเหมือนพรรณศรีสังข์


สถาน 3 คือ ให้เอาขอเกี่ยวปากให้อ้าไว้ แล้ให้ตามประทีบ (ดวงไฟ) ไว้ในปาก ไนยหนึ่ง (นัยหนึ่ง) เอาปากสิวอันคม
นั้นแสะแหวะผ่าปากจนหมวกหู (ใบหู) ทั้งสองข้าง แล้วเอาขอเกี่ยวให้อ้าปากไว้ให้โลหิตไหลออกเต็มปาก

สถาน 4 คือ เอาผ้าชุบน้ำมันพันให้ทั่วร่างกายแล้วเอาเพลิงจุด

สถาน 5 คือ เอาผ้าชุบน้ำมันพันนิ้วทั้งสิบนิ้วแล้วเอาเพลิงจุด

สถาน 6 คือ เชือดเนื้อให้เป็นแรงเป็นริ้วอย่าให้ขาดจากกัน ตั้งแต่ใต้คอลงไปถึงข้อเท้าแล้วเอาเชือกผูกจำ
ให้เดินเหยียบริ้วเนื้อริ้วหนังแห่งตน ให้ฉุดคร่าตีจำให้เดินไปกว่าจะตาย

สถาน 7 คือ เชือดเนื้อให้เนื่องด้วยหนังเป็นแร่งเป็นริ้ว ตั้งแต่ใต้คอลงมาถึงเอวและให้เชือดตั้งแต่เอวให้เนื่องด้วยหนัง
เป็นแร้งเป็นริ้วลงมาถึงข้อเท้ากระทำหนังเบื้องบนให้คลุมลงมาเหมือนนุ่งผ้า

สถาน 8 คือ ให้เอาห่วงเหล็กสวมข้อศอกทั้งสองข้าง ข้อเข่าทั้งสองข้างให้มั่นแล้วเอาหลักสอดในวงเหล็กแย่งขึง
ตรึงลงไว้กับแผ่นดินอย่าให้ไหวตัวได้ แล้วเอาเพลิงรน (ลน) ให้รอบตัวจนกว่าจะตาย

สถาน 9 คือ ให้เอาเบ็ดใหญ่ที่มีคมสองข้างเกี่ยวทั่วร่างเพิก (เปิด) หนังเนื้อและเอ็นน้อยใหญ่ให้หลุดขาดออกมาจนกว่าจะตาย

สถาน 10 คือ ให้เอามีดที่คมเชือดเนื้อให้ตกออกจากกายแต่ทีละตำลึง (นำเนื้อมาชั่งให้ได้น้ำหนักหนึ่งตำลึง:มาตราวัดสมัยโบราณ)
จนกว่าจะสิ้นมังสา (เนื้อ)

สถาน 11 คือ ให้แล่สับทั่วร่างแล้ว เอาแปรงหวีชุบน้ำแสบกรีดคอ รูดขูดเสาะหนังและเนื้อแลเอ็นน้อยใหญ่ให้ลอกออกให้สิ้นให้อยู่แต่ร่างกระดูก

สถาน 12 คือ ให้นอนลงโดยข้างๆ หนึ่งแล้วให้เอาหลาวเหล็กตอกลงไปโดยช่องหูให้แน่นกับแผ่นดินแล้วจับขาทั้งสองข้างหมุนเวียน
ไปดังบุคคลทำบังเวียน (เวียนเทียน)

สถาน 13 คือ ทำมิให้หนังพังหนังขาด แล้วเอาลูกสีลา (ลูกหิน) บดทุกกระดูกให้แหลกย่อย แล้วรวบผมเข้าทั้งสิ้น ยกขึ้นหย่อนลงกระทำ
ให้เนื้อเป็นกองเป็นลอม แล้วพับห่อเนื้อหนังกับทั้งกระดูกนั้นทอดวางไว้ดั่งตั่งอันทำด้วยฟางซึ่งเอาไว้เช็ดเท้า

สถาน 14 คือ ให้เคี่ยวน้ำมันให้เดือดพลุ่งพล่าน แล้วลาดสาดลงมาแต่ศีศะ (ศีรษะ) จนกว่าจะตาย

สถาน 15 คือ ให้กักขังสุนัขร้ายทั้งหลายไว้ อดอาหารหลายวันให้เต็มอยากแล้วปล่อยให้กัดทึ้งเนื้อหนังกินให้เหลือแต่ร่างกระดูกเปล่า

สถาน 16 คือ ให้เอาขวานผ่าอกทั้งเป็นแหกออกดั่งโครงเนื้อ

สถาน 17 คือ ให้แทงด้วยหอกทีละน้อยๆ จนกว่าจะตาย

สถาน 18 คือ ให้ขุดหลุมฝังเพียงเอว แล้วเอาฟางปกลงคลุมร่างก่อนคลอกด้วยเพลิงพอหนังไหม้แล้วไถด้วยไถเหล็ก
ให้เป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่เป็นริ้วน้อยริ้วใหญ่

สถาน 19 คือ ให้เชือดเนื้อล่ำออกทอดด้วยน้ำมัน เหมือนทอดขนมให้ กินเนื้อตัวเองจนกว่าจะตาย

สถาน 20 คือ ให้ตีด้วยตะบองสั้นตะบองยาวจนกว่าจะตาย

สถาน 21 คือ ตีด้วยหวายที่มีหนามจนกว่าจะตาย


scary scary scary

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A9%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95+ +



friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่