10 หนังสือที่แพงที่สุดในโลก

[etatae333]

10 หนังสือที่แพงที่สุดในโลก


The First Book of Urizen




ชื่อเรื่อง : The First Book of Urizen
ผลงานของ : William Blake
ราคา : 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 87.5 ล้านบาท

ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1794 จัดว่าเป็นงานมาสเตอร์พีซที่ของนักเขียนคนนี้ เชื่อกันว่าบนโลกนี้มีเหลืออยู่เพียง
แค่ 8 เล่มเท่านั้น และ 1 ในนั้น ถูกขายให้กับนักสะสมชาวนิวยอร์กในราคาดังกล่าว




The Tales of Beedle the Bard



ชื่อเรื่อง : The Tales of Beedle the Bard
ผลงานของ : J.K. Rowling
ราคา : 3.98 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 139.3 ล้านบาท

พูดถึงเจเค โรว์ลิ่ง คงไม่มีใครไม่รู้จัก นักเขียนหญิงผู้สร้างพ่อมดน้อย แฮรี่ พ็อตเตอร์ ให้โด่งดังไปทั่วโลก แต่ก่อนจะดังเปรี้ยงปร้างขนาดนี้
ตัวนักเขียนเอง ได้ออกแบบหนังสือทำมือ 7 เล่มพิเศษ ทุกเล่มเขียนและวาดรูปด้วยลายมือของเจเคเอง ทั้ง 6 เล่ม ถูกมอบเป็นของขวัญ
ให้กับเพื่อนๆ และบรรณาธิการ เจ้าตัวเก็บเอาไว้เพียงเล่มเดียวเพื่อเป็นที่ระลึก แต่ว่า... ต่อมาในปี ค.ศ. 2007 เธอก็ได้นำผลงานทำมือ
เล่มที่ 7 ออกประมูลเพื่อช่วยเหลือเด็กยากจนในเว็บไซต์อเมซอน ยอดประมูลพุ่งสูงถึง 3.98 ล้านเหรียญสหรัฐฯ



Geographia Cosmographia



ชื่อเรื่อง : Geographia Cosmographia
ผลงานของ : Claudius Ptolemy
ราคา : 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 140 ล้านบาท

ว่ากันว่าเป็นแอดลาส หรือแผนที่โลกเล่มแรก ฝีมือของปโตเลมี ความเก่าแก่ก็ไม่เท่าไหร่ เขียนเมื่อปี ค.ศ. 1477 เท่านั้นเอง ในปี ค.ศ. 2006
มันถูกขายที่ลอนดอน ในราคา 2,136,000 ปอนด์ คิดเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ คือ 4 ล้านเหรียญ   





Treatise on Fruit Trees



ชื่อเรื่อง : Traité des arbres fruitiers [Treatise on Fruit Trees]
ผลงานของ : ผู้เขียนคือ Henri Louis Duhamel du Monceau
ผู้วาดคือ : Pierre Antoine Poiteau และ Pierre Jean François Turpin
ราคา : 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 157.5 ล้านบาท

คงเป็นหนังสือต้นไม้ที่แพงที่สุดแล้วมั้งเล่มนี้ ภายในเป็นภาพของต้น 16 ชนิด ขายได้สูงถึง 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ





The Gutenberg Bible



ชื่อเรื่อง : The Gutenberg Bible
ราคา : 4.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 171.5 ล้านบาท

ว่ากันว่าบนโลกนี้เหลือหนังสือเล่มนี้อยู่เพียงแค่ 48 เล่มเท่านั้น และคงเพราะยังงี้ ราคาของมันถึงได้แพงนัก 





First Folio



ชื่อเรื่อง : First Folio
ผลงานของ : William Shakespeare
ราคา : 6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 381.5 ล้านบาท

ราคาแรกเริ่มก็แค่ 1-2 ปอนด์เท่านั้น แต่เมื่อในตลาดหลงเหลือหนังสือชุดนี้แค่ 228 เล่ม จากทั้งหมด 750 บรรดานักสะสมก็เลยเดือดร้อน
ตามหากันจ้าละหวั่น และในปี ค.ศ. 2001 ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ พอล เอลเลน ได้จ่ายเงินทั้งหมด 6,166,000 เหรียญสหรัฐฯ
เพื่อซื้อหนังสือเล่มนี้



The Canterbury Tales



ชื่อเรื่อง : The Canterbury Tales
ผลงานของ : Geoffrey Chaucer
ราคา : 7.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 262.5 ล้านบาท

หนังสือชุดพิมพ์ครั้งแรกในช่วงศตวรรษที่ 15 ขายได้ในราคา 4.6 ล้านปอนด์ หรือ 7.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเจ้าของหนังสือให้ข้อมูลว่า
ซื้อหนังสือเล่มนี้มาในราคาแค่ 6 ปอนด์เท่านั้น ช่างเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าจริงๆ




Birds of America



ชื่อเรื่อง : Birds of America
ผลงานของ : James Audubon
ราคา : 11.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 402.5 ล้านบาท

ในปี ค.ศ. 2000 หนังสือเล่มนี้ถูกประมูลไปในราคา 8,802,500 เหรียญสหรัฐฯ และอีกสิบปีต่อมา มันถูกขายอีกครั้งในราคาสูงถึง 7,321,250 ปอนด์
(หรือราวๆ 11.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เชื่อกันว่าเร็วๆ นี้ มันจะถูกนำมาประมูลอีกครั้ง เพื่อสร้างสถิติหนังสือที่แพงที่สุดในโลก 





The Gospels of Henry the Lion, Order of Saint Benedict



ชื่อเรื่อง : The Gospels of Henry the Lion, Order of Saint Benedict
ราคา : 11.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 409.5 ล้านบาท

รัฐบาลของเยอรมนี ซื้อหนังสือเล่มนี้ไปในราคา 8,140,000 ปอนด์ หรือ 11.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หนังสือมีทั้งหมด 266 หน้า ภาพสี 50 หน้า
ถือเป็นงานศิลปะชิ้นมาสเตอร์พีซ ที่นำเสนอศิลปะแบบโรมันเนสก์ อันโด่งดังในช่วงศตวรรษที่ 12 





The Codex Leicester



ชื่อเรื่อง : The Codex Leicester
ผลงานของ : Leonardo da Vinci
ราคา : 30.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1,078 ล้านบาท

เห็นตัวเลขแล้วพี่ตินอยากจะกรีดร้อง อะไรนะ พันล้าน!!! แลกกับหนังสือ 72 หน้า! โอ้ แม่เจ้า อย่างไรก็ตาม มันก็จัดว่าเป็นของมีค่าจริงๆ
เพราะว่าเป็นสมุดบันทึกส่วนตัวของลีโอนาร์โด ดาวินชีผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งเล่มเขียนลายมือ มีทั้งภาพวาดสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ แปลกๆ ใหม่ๆ เขียนบันทึก
ทฤษฎีเอาไว้อย่างละเอียด ในปี ค.ศ. 2004 บิลล์เกท ประมูลหนังสือเล่มนี้ไปในราคา 30,800,000 เหรียญสหรัฐฯ และมันก็กลายเป็นหนังสือ
ราคาแพงที่สุดในโลกไปทันที ว่ากันว่าบิลล์ เกท ได้แรงบันดาลใจเอาไปทำเป็นสกรีนเซิร์ฟเวอร์ของ Windows 95 ด้วยนะ


Credit :: อตินเอง
เครดิตเรื่องจาก http://flavorwire.com