คดีการตายปริศนาที่เขาดยัตลอฟ Dyatlov Pass Incident

คดีการตายปริศนาที่เขาดยัตลอฟ Dyatlov Pass Incident

เริ่มโดย etatae333, 10 กันยายน 2016, 09:28:40

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

คดีการตายปริศนาที่เขาดยัตลอฟ Dyatlov Pass Incident



วันที่ 25 มกราคม 1959 ทีมนักเล่นสกีลงรถไฟ ที่เมืองอิฟเดล ก่อนจะต่อรถบรรทุกไปยังหมู่บ้านวิซไฮ
ซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้ายบนเส้นทางการสำรวจ และหลังจากนี้ต่อไปพวกเขาจะต้องเดินเท้าขึ้นยอดเขาไปตามลำพังโดยจะไม่ได้
เห็นผู้คนไปตลอดทั้งเส้นทาง วันที่ 28 มกราคม ยูริ ยูดิน เกิดป่วยกะทันหัน เขาจึงถูกบังคับให้เดินทางกลับ ทีมนักเล่นสกี
จึงเหลือเพียงแค่ 9 คน




เป็นระเบียบปฏิบัติสำหรับนักไต่เขาที่จะต้องระบุวันเดินทางกลับ เอาไว้ เพื่อคนทางบ้านจะได้ทราบกำหนดการ หากว่าพวกเขา
ยังไม่กลับมาตามวันที่กำหนดจะได้ส่งทีมกู้ภัยไปช่วยเหลือ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ อิกอร์กำหนดว่าจะส่งโทรเลขแจ้งเพื่อนฝูง
เมื่อกลับลงมาจากเขาภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อยูริ ยูดิน ป่วยต้องเดินทางกลับ อิกอร์ก็ถือโอกาสเปลี่ยนแผน
โดยบอกกับยูริว่าเขาอาจจะลงเขาช้ากว่ากำหนด 2-3 วัน

วันที่ 31 มกราคม ทีมนักเล่นสกีเดินทางถึงสุดเขตที่ราบสูง พวกเขาสร้างเพิงพักชั่วคราวเพื่อเก็บเสบียงและอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็น
สำหรับการปีน เขา โดยจะกลับมาเอาไปใช้สำหรับขาลง วันรุ่งขึ้นคนทั้งหมดก็เริ่มภาระกิจการปีนเขาเพื่อเดินทางไปยังช่องเขาที่
เชื่อมต่อกับยอดเขาโอตอร์เทน แต่สภาพอากาศที่เลวร้าย พายุหิมะทำให้ทีมนักเล่นสกีหลงทาง เฉไฉไปทางทิศตะวันตก
และมุ่งขึ้นสู่เทือกเขาโคแลต สแยกหล์ ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า "เทือกเขามรณะ"




อิกอร์ รู้ตัวว่ามาผิดทางก็เป็นเวลาเย็นแล้ว ทีมนักเล่นสกีจึงตัดสินใจกางเต็นท์พักแรมบนเชิงเขาโคแลต สแยกหล์ การตัดสินใจ
ครั้งนี้เป็นหนึ่งในปริศนาที่ทีมกู้ภัยไม่เข้าใจ เพราะทีมนักเล่นสกีอยู่ห่างจากเขตป่าไม้เพียงแค่ 1.5 กม. พวกเขาน่าจะเดินย้อน
กลับไปกางเต็นท์ในป่า ซึ่งปลอดภัยกว่าการกางเต็นท์ในที่โล่งท่ามกลางอุณหภูมิ -30 องศาเซลเซียส

เพื่อนบางคน พยายามหาเหตุผลเข้าข้างอิกอร์ โดยคิดว่าเขาอาจอยากทดสอบความแข็งแกร่งของทีม แต่การนำกิ่งไม้สด
มาก่อกองไฟในขณะที่มีกิ่งไม้แห้งมากมายอยู่ในบริเวณ ทำให้เกิดทฤษฎีว่าจะเป็นด้วยเหตุผลใดก็ตาม
ณ เวลานั้นทีมนักเล่นสกีสูญเสียประสาทการมองเห็น




วัน ที่ 12 กุมภาพันธ์ เพื่อนร่วมสถาบันเริ่มเป็นห่วงทีมนักเล่นสกี เมื่ออิกอร์ไม่ติดต่อกลับมาตามกำหนดการ หากแต่ยูริ ยูดิน
ให้ข้อมูลใหม่ว่าอิกอร์อาจจะกลับมาล่าช้ากว่ากำหนด 2-3 วัน

หลังจาก ที่ทนรอถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อนๆก็มั่นใจว่ามีสิ่งปรกติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงแจ้งเรื่องไปยังหน่วยกู้ภัยให้ออกค้นหา
โดยประกอบไปด้วยคณะอาจารย์และนักศึกษาสถาบันยูรัลโพลีเทคนิคอล เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารส่งเครื่องบินเล็ก
และเฮลิคอปเตอร์ออกสำรวจ

วัน ที่ 26 กุมภาพันธ์ ทีมกู้ภัยพบเต็นท์ร้างของทีมนักเล่นสกีบนเชิงเขาโคแลต สแยกหล์ สภาพเต็นท์ทุกหลังจมใต้กองหิมะ
มีรอยถูกฉีกขาดจากด้านในจนยับเยิน ข้าวของเครื่องใช้ยังอยู่ในเต็นท์ครบถ้วน แต่ไม่พบนักเล่นสกีแม้แต่คนเดียวในบริเวณนั้น
มีเพียงรอยเท้ามุ่งตรงไปยังเขตป่าไม้ ทีมกู้ภัยจึงแกะตามรอยเท้าไปเป็นระยะทางเกือบกิโลเมตรก็พบซากกองไฟและร่าง
ของ ยูริ คริโวนิเชนโก้ กับยูริ โดโรเชนโก้ จมอยู่ใต้หิมะ




การหนีออกมานอนหนาวตาย ห่างจากเต็นท์ถึง 500 เมตรก็นับ ว่าประหลาดมากอยู่แล้ว แต่สภาพศพของคนทั้งสองที่นุ่งเพียง
ชุดชั้นในไม่สวมรองเท้ายิ่งทำให้แปลก ประหลาดมากยิ่งขึ้นไปอีก รอยหักของกิ่งสนสูง 5 เมตร ที่อยู่ใกล้ๆกองไฟทำให้เชื่อได้ว่า
ใครคนใดคนหนึ่งปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อมอง หาอะไรสักอย่าง

เมื่อสำรวจบริเวณ โดยรอบ ก็พบร่างของอิกอร์ ดยัตลอฟ ซิไนด้า กอลโมโกโรวา และรัสเตม สโลโบดิน ดูเหมือนว่าทั้งสามคน
กำลังเดินทางกลับเต็นท์เพราะทนความหนาวเย็นไม่ไหว แต่ไม่มีร่องรอยของคนที่เหลืออยู่ในบริเวณนั้น การชันสูตรไม่พบร่องรอย
บาดแผลใดๆบนร่างกาย จึงลงความเห็นว่าผู้เคราะห์ร้ายทั้ง 5 คน เสียชีวิตจากภาวะร่างกายสูญเสียความร้อน (Hypothermia)
แม้ว่ารัสเตม สโลโบดิน จะมีรอยร้าวเล็กๆที่กะโหลกศีรษะแต่มันไม่รุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิต




หลัง จากนั้นอีก 2 เดือน วันที่ 4 พฤษภาคม ทีมกู้ภัยก็พบร่างที่เหลือของทีมนักเล่นสกีจมอยู่ใต้กองหิมะหนา 4 เมตรลึกเข้าไปในป่า
ทุกศพไม่มีร่องรอยบาดแผลใดๆบนร่างกายเหมือน 5 ศพแรกที่พบ อเล็กแซนเดอร์ โคลีวาตอฟ เสียชีวิตจากร่างกายบอบช้ำภายใน
อย่างรุนแรง นิโคไล ทิบอกซ์บริจนอลลี กะโหลกศีรษะร้าว อเล็กแซนเดอร์ โซโลทาเรฟ และลยุดมิลา ดูบินิน่า ซี่โครงหักหลายแห่ง
ซึ่งแพทย์ให้ความเห็นว่าบาดแผลดังกล่าวเกิดจากการถูกกระแทกอย่างรุนแรงโดย เฉียบพลันเท่านั้น เช่น การถูกรถยนต์วิ่งด้วย
ความเร็วสูงพุ่งเข้าชน ยิ่งน่าประหลาดมากที่สุดเมื่อพบว่าลิ้นของลยุดมิลาหายไป


4 ศพสุดท้ายที่พบล้วนแล้ว แต่แต่งกายในชุดป้องกันความหนาวอย่างถูกต้องกับสภาพอากาศ อเล็กแซนเดอร์ โซโลทาเรฟ
สวมเสื้อกันหนาวและหมวกของลยุดมิลา ดูบินิน่า ในขณะที่ลยุดมิลาพันเท้าด้วยเศษผ้าจากกางเกงของยูริ คริโวนิเชนโก้
จากหลักฐานนี้ทำให้เชื่อว่าพวกเขาพยายามต่อสู้กับสภาพอากาศที่หนาวเย็นด้วย การนำเสื้อผ้าของผู้ที่เสียชีวิตก่อนมาสวมใส่
แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครชนะสภาพอากาศที่ทารุณโหดร้ายไปได้



สภาพอวัยวะ ภายในที่เหมือนถูกของ แข็งกระแทกอย่างรุนแรงจนแตกหักโดยไม่มีบาดแผลภายนอกร่างกายให้เห็นแม้แต่น้อย
ก็นับว่าเป็นปริศนามากพอดูอยู่แล้ว แต่หลังจากตรวจสอบเสื้อผ้าของผู้เสียชีวิตพบว่า มีการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีเข้มข้น
ก็ยิ่งทำให้คดีนี้เป็นปริศนามากยิ่ง ขึ้นไปอีก

จากการสืบสวนของตำรวจไม่พบว่ามี ทีมนักไต่เขาทีมอื่นในช่วงเวลานั้น ไม่มีบ้านเรือนผู้คนอาศัยอยู่หรือร่องรอยของสัตว์ร้าย
ในบริเวณนั้น ไม่พบสิ่งผิดปรกติใดๆทั้งสิ้น ทีมนักเล่นสกีทั้ง 9 คนอยู่บน เทือกเขามรณะโดยลำพัง แต่อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้
พวกเขาละทิ้งเต็นท์ที่พักออกมานอนหนาวตายในกอง หิมะ




สมุดบันทึกการเดินทางและภาพถ่าย ตั้งแต่วันเริ่มออกเดินทางจนถึงเย็นวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ก็ไม่แสดงถึงสิ่งผิดปรกติใดๆ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นจะต้องเกิดขึ้นโดยทันทีทันใดอย่างที่ไม่มีใคร คาดคิดมาก่อน

สิ่งที่ยังคงเหลืออยู่บนเชิงเขามรณะคือ อนุสาวรีย์ของนักเล่นสกีและชื่อสถานที่ที่ถูกเรียกว่า "ช่องเขาดยัต ลอฟ"
ตามนามสกุลของอิกอร์ ดยัตลอฟ หัวหน้าคณะทีมสำรวจ

มี 2 ทฤษฎีพอจะ อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเทือกเขามรณะในคืนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ได้ระดับหนึ่ง

ทฤษฎีแรกคือ เกิดหิมะถล่มลงมาทับเต็นท์ที่พักของนักเล่นสกี ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเต็นท์จึงจมอยู่ใต้กองหิมะ
นักเล่นสกีใช้ของมีคมกรีดเต็นท์เพื่อหาทางออกซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเต็นท์ จึงอยู่ในสภาพยับเยิน

แรงกระแทก ของก้อนหิมะอาจส่งผลให้นักเล่นสกีบางคนได้รับบาดเจ็บกะโหลกศีรษะร้าว และบางคนซี่โครงหัก
นักเล่นสกีเกรงว่าหิมะอาจจะถล่มซ้ำลงมาอีก จึงตัดสินใจหนีออกห่างจากเต็นท์ที่พัก เหลือเพียงเรื่องเดียวที่ไม่สามารถ
อธิบายได้คือสารกัมมันตรังสีเข้มข้นจาก เสื้อผ้าของผู้เสียชีวิตมาจากไหน



อีกทฤษฎีคือนักเล่นสกีกางเต็นท์ในเขตทดลองอาวุธลับของทหาร ในคืนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นักเล่นสกีอีกชุดหนึ่ง
ซึ่งออกเดินทางขึ้นเขาห่างจากทีมของผู้เสียชีวิตไปทาง ตอนใต้ราว 50 กม. อ้างว่าพวกเขาเห็นลูกไฟทรงกลมสีส้ม
ขนาดใหญ่ลอยอยู่บริเวณใกล้เคียงกับจุดที่ พบผู้เสียชีวิต  ทีมนักเล่นสกีอาจจะออกจากเต็นท์ ที่พักเพื่อดูลูกไฟประหลาด
และทันใดนั้นก็เกิดการระเบิดขึ้น แรงกระแทกจากการระเบิดทำให้นักเล่นสกีบางคนได้รับบาดเจ็บ

ซึ่งทฤษฎีนี้สามารถอธิบายเรื่องสารกัมมันตรังสีเข้มข้นบนเสื้อผ้าของนักเล่น สกีได้ หากแต่ไม่มีร่องรอยการระเบิดในบริเวณที่เกิดเหตุ
และพยานที่อ้างว่าเห็นลูกไฟประหลาดก็ไม่เห็นการระเบิด และที่สำคัญที่สุดคือ ณ เวลานั้นยังไม่มีการสร้างสถานีทดลองอาวุธ
ทางทหารในบริเวณนั้น แต่ถ้ามีการทดลองอาวุธลับจริงมันก็ยังคงถูกปิดเป็นความลับอยู่จนถึงทุก วันนี้


Credit :: แก่งคอย @ dek-d.com
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่