10 ผีดังจากทั่วโลก

10 ผีดังจากทั่วโลก

เริ่มโดย etatae333, 05 พฤศจิกายน 2016, 10:23:18

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

10 ผีดังจากทั่วโลก



ผีเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ในทางวิทยาศาสตร์ จนหลายคนไม่เชื่อว่ามันมีอยู่จริง หากแต่กระนั้นหลายคนก็กลัวผี
เนื่องจากมันทั้งลี้ลับ น่ากลัว ผี มีจริงหรือไม่? เป็นเรื่องที่ยังรอการพิสูจน์อยู่เราจะทราบดีว่า เรื่องผี หรือวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก
ผีบางตัวมีชื่อเสียงยิ่งกว่าคนเสียอีก และวันนี้เราจะไปดูผีดังทั่วโลก 10 อันดับว่ามันมีอะไรบ้าง


10 Kate Morgan

เคที มอร์แกน 1865-1892 เป็นหญิงสาวสวยชาวอเมริกันที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพนันตัวยง ในวันที่เธอเสียชีวิตนั้นเธอเช็คอินเช่าห้องที่
โรงแรมซาน ดิเอโก คือ เดล โคโรนาโด (Hotel del Coronado) โรงแรมหรูรีสอร์ททรงวิคตอเรียซึ่งตั้งอยู่บนริมชายหาด
เกาะโคโรนาโด (Coronado Island) แคลิฟอร์เนียทางใต้ของซานดิเอโก ซึ่งพึ่งเปิดใหม่เพียงสีปีก่อนที่เธอจะมาพักเท่านั้น


โดยเธอมาพักตั้งแต่ 25 พฤศจิกายน 1892 และเธอก็ไม่เช็คเอาท์ออกอีกเลย เพราะเธอได้กลายเป็นศพเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 1892
ที่บันได สาเหตุจากลูกปืนฝังในกะโหลกศีรษะของเธอ หลายฝ่ายไม่สามารถสรุปได้ว่าเธอฆ่าตัวตายหรือถูกกันแน่ และนับจากนั้นเป็นต้นมา
มีรายงานมากมายจากแขกที่มาพักโรงแรมแห่งนี้ว่าได้พบเห็นวิญญาณของเธอ แต่งกายแบบวิคตอเรียสีขาวเดินไปทั่วโรงแรม
อยู่ในห้องพักของโรงแรม หรือชายหาด(เพราะเธอชอบเดินชายหาด) นอกจากนี้เธอยังปรากฏตัวออกมาในรูปของเสียงร้องที่ดังโหยหวน
แสงไฟวาบแวบ และกลิ่นหอมที่รุนแรง

ปัจจุบันโรงแรมซาน ดิเอโก คือ เดล โคโรนาโดโรงแรมที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในเมือง  ที่นิยมมากแม้จะมีผีก็ตาม เพราะว่าที่นี่
ใช้ผีเป็นจุดขาย ถึงขนาดประกาศหราอยู่กลางเว็บไซต์ และห้องพักที่เธออยู่นั้นคือห้อง 3312 ซึ่งมีราคาแพงเป็นพิเศษ แต่ต่อมา
ห้องนี้ได้ถูกเปลี่ยนแปลงเนื่องจากมีการขยายโรงแรมใหม่  ถ้าคุณอยากเห็นเธอก็เชิญคลิปยูธูปข้างล่างได้เลย






9 Ghosts of the Stanley Hotel

หากคุณอยู่โรงแรม เดอะ แสตนลีย์ ในพาร์ค เอสเตส รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา ให้แนะนำดูภาพยนตร์เรื่อง "เดอะ ไชน์นิ่ง" (The Shining)
ของแสตนลีย์ คูบริค  ที่สร้างจากนิยายอันดับ 3 ของ สตีเผ่น คิง ตอนกลางคืนจะได้อารมณ์มาก โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึงถึงเรื่องราวของ
ครอบครัวทอร์เรนซ์ ที่ประกอบไปด้วย แจ๊ค นักเขียนผู้เคยติดเหล้าและมีประวัติทำร้ายลูกตัวเอง, เวนดี้ ภรรยาที่อ่อนโยน และ แดนนี่ ลูกชาย
ที่มีสัมผัสพิเศษถึงสิ่งเหนือธรรมชาติ ซึ่งตัวแจ๊คพยายามเป็นสามีที่ดี เขาได้งานทำเป็นยามเฝ้าโรงแรมโอเวอร์ลุคยามไร้ผู้คน และที่นั้นเขา
ก็ได้พบว่าโรงแรมที่เขาเป็นยามแห่งนี้เป็นโรงแรมผีดุ!!


แล้วภาพยนตร์เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับโรงแรมนี้ตรงไหนเหรอ ในตอนนั้นพี่คิงกำลังจะแต่งนิยายนี้เขากำลังโด่งดังจากนิยายสองเรื่องก่อนหน้า
เขาเลยวางแผนจะแต่งนิยายที่มีฉากหลังน่ากลัวหน่อย เขาเลยออกเดินทางพร้อมครอบครัวซุ่มไปซุ่มมาจนหยุดโรงแรมแห่งนี้ และก็ก็ประทับใจ
โรงแรมสแตนลี่ย์ เพราะชื่อเสียงของมันที่ว่า "เป็นหนึ่งในที่พักที่ติดอันดับเรื่องผีชุกชุมมากที่สุดของสหรัฐอเมริกา!" และเป็นโรงแรมเดียวกัน
กับโรงแรมในภาพยนตร์เรื่อง "เดอะ ไชน์นิ่ง"

โรงแรมนี้สร้างขึ้นโดยนาย เอฟ.โอ.แสตนลีย์และภรรยาของเขา ฟลอร่า  นายแสตนลีย์เป็นนักธุรกิจผู้มั่งคั่งชาวบอสตันที่ร่ำรวยอย่างมหาศาล
จากธุรกิจเครื่องจักรไอน้ำยี่ห้อสแตนลี่ย์  เขาได้ใช้ชีวิตปั่นปลายสุดท้ายในการสร้างโรงแรมด้วยเงินทั้งหมดของเขาที่สวนสวยร่มรื่นแถบเอสเตส ปาร์ค
ราวปี 1903   จนสร้างเสร็จปี 1909 แล้วก็กลายเป็นสถานที่ตากอากาศติดอันดับอย่างรวดเร็ว เนื่องด้วยความร่มรื่น บรรยากาศสดชื่นเขียวขจี
อากาศก็บริสุทธิ์ ซ้ำยังใกล้อุทยานอีกต่างหาก ผู้คนเลยหลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศ


หากแต่หลังจากที่ นายแสตนลีย์และภรรยาถึงแก่กรรม ก็มีรายงานมาว่ามีการพบเห็นนาย แสตนลีย์และภรรยาเดินไปทั่วโรงแรม โดยมีคนเห็น
ผีแสตนลีย์เดินอยู่ที่ล็อบบี้ บาร์ และห้องเล่นบิลเลียด ขณะที่เชื่อกันว่าวิญญาณของฟลอร่านั่งเล่นเปียโนอยู่ในห้องดนตรี เพราะแขกมักจะ
ได้ยินเสียงบรรเลงเพลงมาจากห้องนั้น และเมื่อพวกเขาเปิดประตูเข้าไปดู ก็เห็นเหมือนแป้นกดบนเปียโนกำลังกระเด้งขึ้นๆ ลงๆ เหมือนมีคนเล่น
แต่ว่า ไม่มีใครเลย และพอเข้าไปใกล้ๆ (ดูซิ ยังจะกล้าไปดูใกล้ๆ อีก) ดนตรีก็หยุดลงอย่างฉับพลันนอกจากนี้ยังเสียงเด็กที่เล่นกันตรงกลางโถง
ทางเดิน จนแขกนอนไม่หลับทั้งคืน

และในคืนที่สตีเฟ่น คิง(ห้องที่คิงพักคือห้อง 217 ที่เป็นหมายเลขเดียวที่ปรากฏในภาพยนตร์และเป็นห้องที่โด่งดังที่สุดของโรงแรม) พักนั่นเอง
เขาได้ฝันร้าย โดยฝันว่าลูกชายวันสามขวบของเขาก็วิ่งเข้ามาในห้อง หน้าตาตื่น กรีดร้องเพราะโดนอะไรบางอย่างไล่ล่าตามหลังมา
เขาตกใจตื่นเหงื่อท่วมตัว และเดินมาสูบบุหรี่และเขาก็เห็นเทือกเขาร็อกกี้ที่หน้าต่าง แล้วแล้วนิยายเรื่อง The Shining ก็ถือกำเนิดในที่สุด









8.The Brown Lady of Raynham Hall

ในปี 1936 ช่างภาพคนหนึ่งจากนิตยสารวิถีชนบทได้จับภาพผีตัวหนึ่งที่เดินลงบันไดอย่างรวดเร็ว ในคฤหาสน์เรย์แฮม ในนอร์โฟล์ค
ประเทศอังกฤษ และภาพใบนี้ได้กลายเป็นภาพผีที่มีชื่อเสียงของโลกและสถานที่ที่ถ่ายรูปผีได้ก็ได้กลายเป็นสถานที่มีชื่อเสียงเรื่อง
ผีสิงของประเทศอังกฤษในเวลาต่อมา


คฤหาสน์เรย์แฮมขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านที่สวยที่สุดและใหญ่ในในนอร์โฟล์ค เป็นที่อยู่อาศัยของผีที่เรียกว่า "สุภาพสตรีสีน้ำตาล" ว่ากันว่า
ผีตนนี้ก็คือ สุภาพสตรีโดโรที  ทาวน์เชนด์ ซึ่งเป็นน้องสาวของเซอร์โรเบิร์ต วอลโพล รัฐบุรุษแห่งสหราชอาณาจักรและถือเป็นนายก
รัฐมนตรีคนแรกของสหราชอาณาจักร ต่อมาเธอก็แต่งงานกับชาร์ลล์ ทาวน์เชนด์ เมื่อปี 1713 และเสียชีวิตอย่างลึกลับในปี 1726

มีข่าวลื่อว่าเธอถูกสามีทรมานและกักขังในอุโมงค์ลับมานานหลายปี ก่อนที่เธอจะตาย จากนั้นเป็นต้นมาก็มีคนพบเห็นผีตัวหนึ่งที่
รูปร่างคล้ายกับเธอสวมชุดสีน้ำตาลและหายตัวไปอย่างรวดเร็ว และเธอมักปรากฏในห้องโถงนี้อยู่เป็นประจำ

ตัวอย่างของผู้พบเห็นก็เช่นในต้นศตวรรษที่ 19 กษัตริย์จอร์จที่ 4 ได้เห็นเธอในขณะที่เขาอยู่ที่ห้องโถง เธอสวมชุดสีน้ำตาล
และใบหน้าของเธอซืดและผมยุ่งเหยิง , ในปี 1835 ผู้พันลอฟตัสได้มาในคฤหาสน์แห่งนี้ในช่วงวันหยุดคริสต์มาส เขาเห็นเธอ
ยืนอยู่ห้องโถงเธอสวมชุดสีน้ำตาลและผิวซีดและดวงตาที่ดำมืดหน้ากลัว เขาได้บอกกับคนอื่นๆ ในสิ่งที่เขาเห็นและได้ให้ศิลปิน
วาดภาพของสตรีสีน้ำตาล(และเธอเป็นที่รู้จักตอนนี้)และปัจจุบันภาพนี้ได้ถูกแขวนในห้องโถงที่เธอปรากฏตัวอยู่

ไม่กี่ปีต่อมานักประพันธ์ผู้หนึ่ง ได้มาในคฤหาสน์แห่งนี้และเขาพยายามจะพบเธอหากแต่วันแรกเธอไม่ได้ปรากฏตัวให้เขาเห็น

จนกระทั้งวันต่อมาเขาเดินลงห้องโถงด้านบนโดยมีเพื่อนสองคนไปด้วย และนั้นเขาก็พบผู้หญิงสีน้ำตาล เธอถือโคมไฟ
และเธอก็ยิงฟันใส่พวกเขาอย่างน่ากลัว ก่อนที่จะหายไป  "สุภาพสตรีสีน้ำตาล" ยังคงเป็นผีที่ปรากฏต่อสายตาของผู้คน
มาหลายศตวรรษ อย่างไรก็ตามการพบเห็นเธอที่โดดเด่นคือวันที่ 19 กันยายน 1936 นั้นคือช่วงที่มีการถ่ายรูปของเธอนั่นเอง







7.Clifton Hall

หากคุณมีเงินสัก 2,750,000 ล้านปอนด์ คนอยากไปซื้ออะไร เราขอแนะนำให้คุณเป็นเจ้าของบ้าน Clifton Hall ที่เมืองนอติงแฮมเชอ
ประเทศอังกฤษแห่งนี้ มันเป็นบ้านหลังใหญ่ที่ประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 เคยเป็นทั้งอพาร์ทเมนท์และโรงเรียน ก่อนที่
นักธุรกิจพันล้านนายอันวา ราชิด วัย 32 ปี ได้ซื้อบ้านหลังนี้เอาไว้เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยส่วนตัว โดยตัวเขา กับภรรยาและลูกสาวอายุ3ขว
บและ5ขวบและลูกชายตัวน้อยๆวัย18เดือนอีก1คน เป็น5ชีวิตได้ย้ายอาศัยมาอยู่บ้านหลังนี้


ซึ่งแรกๆ มันเป็นบ้านที่สวยงามมากและเพียบพร้อมด้วย 17 ห้องนอน 10 ห้องน้ำ 10 ห้องรับแขก มีทั้งโรงยิมและโรงภาพยนตร์ส่วนตัว
และผีสิง!! เพราะพวกเขาเหล่านั้นโดนผีหลอกตั้งแต่วันแรกคืนแรกที่ย้ายเข้าไป เมื่อมีเสียงดังมาจากชั้นบนถามว่า

"มีใครอยู่บ้างไหม"

นายอันวาคิดว่าหูคงอาจจะแว่วไปเลยไม่ได้สนใจ อีก2นาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงนั้นอีก นายอันวา รีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนตรวจดูประตูหน้าต่าง
ก็ปิดล็อคไว้หมด ไม่มีร่องรอยของคนปรากฏอยู่เลย

ต่อมาในตอนตี 5 ของเช้าวันหนึ่งภรรยาของนายอัลวานาง  Nabila ได้ตื่นขึ้นมาชงนมให้ลูกชาย นางเหลือบไปเห็นลูกสาวคนหนึ่ง
นั่งดูทีวีอยู่ นางเรียกเท่าไหร่ๆลูกสาวก็ไม่หันมาตอบ นางก็เลยคิดว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน นางเลยวิ่งขึ้นไปที่ห้องลูกสาวปรากฏว่า
ลูกสาวทั้งสองคนนอนหลับอยู่ในห้องนอนและแล้วความอดทนของครอบครัวนี้ก็สิ้นสุดลง เมื่อพบว่ามีเลือดแห้งมีกลิ่นเหม็นติดอยู่
ที่ผ้าห่มของลูกชายตัวน้อยครอบครัวนี้ก็เลยต้องย้ายออกจากบ้านผีสิงไปในที่สุด ปัจจุบันบ้านหลังนี้ถูกขึ้นบัญชีขายในราคาเพียง
2,750,000 ล้านปอนด์








6.Chloe and Myrtles Plantation

มีสถานที่แห่งหนึ่งที่ได้รับขนานนามว่าโรงแรมผีดุที่สุดในอเมริกา นั่นก็คือ โรงแรม เมอร์เทิลส์แพลนเทชั่น ในรัฐหลุยเซียน่า
(Highway 61 St. Francisville, LA)โรงแรมกลางไร่ เป็นบ้านเก่ายุคอาณานิคม สมัยศตวรรษที่ 18  สร้างในปี 1796


ตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งในสถานที่แห่งนี้มีทาสคนหนึ่งชื่อโคลอี้ที่ชอบแอบฟังเจ้านายเขาคุยกัน วันหนึ่งเธอถูกทำโทษโดยการตัดใบหู
ข้างหนึ่งของเธอ จนเกิดความแค้นเธอเลยอบเค้กวันเกิดโดยใส่ใบยี่โกซึ่งเป็นพืชมีพิษและให้ครอบครัวของนายจ้างกิน

จนเป็นเหตุทำให้ภรรยาและบุตรสาวสองคนตายอย่างทรมานในไม่กี่วันต่อมา ส่วนโคลอี้ก็หนีจากบ้านและถูกฆ่าตัวตาย
โดยการโดดลงในแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ในเวลาต่อมา ทำให้สามีเจ้าของบ้านเสียใจต่อการจากไปของภรรยามากเขาเลย
ปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้านอย่างสวยงาม ก่อนจะอพยพไปนิวออร์ลีน(บางคนบอกว่าไม่มีรายงานว่าทาสโคลอี้นี้มีจริงและลูกสาว
ที่ว่าตายเพราะจากกินเค้กนั้นยังคงมีชีวิตอยู่)

จากนั้นไร่เมอร์เทิลส์ถูกเปลี่ยนมือไปเรื่อยๆ  พร้อมด้วยข่าวการฆาตกรรมที่ซับซ้อนและจำนวนคนที่ถูกฆ่าในบ้านหลังนี้มีรายละเอียด
เพิ่มเติมมากขึ้นจนไม่รู้อันไหนจริง ไม่จริง บ้างก็ว่าเคยมีทาสผิวดำตายในที่แห่งนี้จำนวนมาก บางคนก็ว่าที่นี้เคยเป็นสุสานของพวก
อินเดียแดง บ้านหลังนี้ก็ได้เป็นโรงแรมที่มีรายงานปรากฏการณ์วิญญาณอยู่เสมอ เป็นต้นว่า แขกที่มาพักมักจะเจอกับเสียงแปลกๆ
อยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นเสียงฝีเท้าที่ปราศจากตัว เสียงลากโซ่ตรวนของทาสบางคน บริเวณทางเดินที่เคยมีคนเห็นเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชาย
วิ่งเล่นกันในยามดึก เสียงเปียนโนที่ดังขึ้นโดยปราศจากคนเล่น คนเฝ้าประตูโรงแรมเคยเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวในเวลากลางวันแสกๆ
เดินทะลุประตูเข้าไปโดยเขาไม่ทันจะเปิดประตูให้  เตียงนอนที่ผู้มาพักเล่าว่ามีหญิงผิวดำมาชะโงกหน้าอยู่ข้างเตียง หน้าต่างที่มีผู้พบเห็น
เด็กผู้หญิงใส่ชุดนอนลอยอยู่ข้างนอกเอามือป้องหน้ามองเข้ามาข้างใน และโชคดีเมื่อถ่ายรูปอาจมีภาพรางๆของใครก็ไม่รู้ติดมาด้วย ฯลฯ

ปัจจุบันโรงแรมแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องผีสิงที่บริการแย่มาก เพราะห้องพักไม่มีน้ำอุ่นให้อาบ สภาพแวดล้อมก็น่ากลัว แทนที่จะอยู่ริมทะเล
หรือมีวิวดีๆสวยงามแบบโรงแรมทั่วไป อีกทั้งราคาประมาณ 9,500 บาท มีเพียง 11 เตียงเท่านั้น แต่มันก็ได้รับความนิยมจากแขก
มาใช้บริการเสมอ(มีทัวร์ประวัติศาสตร์ด้วยนะ)










5.Balete Drive

โอ้! ผีฟิลิปปินส์! เบื่อผียุโรปแล้วเนอะ คราวนี้มาดูผีในเอเชียดีกว่า ผีตนนี้อยู่ในพื้นที่บริเวณ Balete Drive,  นิวมะลิลา , เมืองเกซอน , ฟิลิปปินส์
ซึ่งพื้นที่แห่งนี้เรียกได้ว่าพื้นที่ต้องสาปเลยทีเดียว เพราะที่นี้เต็มไปด้วยเรื่องผีมากมาย เช่น ต้นไทรคำสาป, บ้านผีสิง(สร้างตั้งแต่ยุคสเปน 1800)


และที่น่ากลัวที่สุดคือผีที่ปรากฏที่กลางถนนและสร้างความหายนะแก่ผู้คน นั่นก็คือหญิงในชุดขาวที่ตำนานเล่าว่าเธอถูกข่มขืนและฆ่าโดยทหารญี่ปุ่น
ในสงครามโลก โดยเธอมักปรากฏตัวในรูปของผู้หญิงใส่ชุดสีขาว ผมดำยาวไร้หน้า และยืนเลือดท่วมอยู่กลางถนนตอนกลางคืน จนมีคำแนะนำว่าให้
ผู้ขับขี่หลีกเลี่ยงถนนในเวลากลางคืนโดยเฉพาะหากมีคนอยู่ในรถคนเดียว หากจำเป็นก็อย่ามองด้านหลังที่กระจก ไม่งั้นผีจะขึ้นรถในสภาพเลือดท่วม
และสร้างหายนะกับผู้ขับขี่








4.Resurrection Mary

หากคุณกำลังเดินทางในภาคตะวันออกเฉียงใต้เหนือของ Archer Lane ระหว่าง Willowbrook Ballroom และ สุสานฟื้นคืนชีพ(Resurrection Cemetery)
อิลลินอยด์ ชิคาโก ล่ะก็ คุณอย่าจอดรถหญิงสาวนักโบกเด็ดขาด ยิ่งหญิงสาวคนนั้นมีผมสีบลอนด์อ่อนและตาสีฟ้าใส่ชุดสีขาวละก็ยิ่งอย่าให้ขึ้นเด็ดขาด
(มีรายงานว่าเธออาจสวมผ้าพันคอและกระเป๋าคลัชขนาดเล็กและไม่พูดไม่จา) เพราะเธอเป็นผีที่ตายมานานตั้งแต่ผี 1930 แต่หากคุณอยากลองของ
ก็ลองพาเธอขึ้นบนรถดู เธอจะบอกว่าให้ไปลงสุสานฟื้นคืนชีพ)ซึ่งอยู่ข้างหน้าและเมื่อสักพักเธอจะหายไปจากเบาะท้ายรถอย่างไร้ร่องรอยเมื่อถึงจุดหมาย
(ผ่านหรือใกล้ถึง บางทีเธออาจบอกให้จอดรถเพื่อให้เธอลง และหายไปเมื่อถึงป่าช้า)


Resurrection Mary หรือแมรี่คืนชีพ เป็นผีที่ชื่อแมรี่ที่อยู่ในสุสานคืนชีพของพื้นที่ในชิคาโกที่เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องผีที่เป็นสาวนักโบกแล้วหายไปที่เบาะหลัง
รถที่เธออาศัย เธอมักปรากฏในช่วงทศวรรษที่ 1930 ว่ากันว่าอดีตเธอเป็นหญิงวัยรุ่นชอบเต้นกับแฟนที่บอลรูมและเธอก็ถูกฆ่าในคืนฤดูหนาวพ่อแม่ของเธอ
เสียใจมากเลยฝังเธอในสุสานฟื้นคืนชีพ ในชุดเต้นที่สวยงาม หรือบางตำนานก็เชื่อว่าเป็นสาวที่ตายเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ในปี 1934






3.Flying Dutchman

ในปี 1641 กัปตัน Van Der Decken ได้สาบานในแหลมกู๊ด โฮป ในในขณะที่พายุฝนกระหน่ำจนเรือที่เขาแล่นมานั้นใกลอัปปาง ว่า
"ข้าจะวนเวียนอยู่บริเวณแหลมนี้ คราบฟ้าดินสลาย" และนี้คือจุดเริ่มต้นของเรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมน เรือปีศาจที่จะร่อนเร่ไปตามน่านน้ำไปโลก
แต่มันมักจะมาปรากฏตัวให้ผู้คนได้บ่อยในบริเวณ แหลมกู๊ด โฮป จากรายงานพบเห็นว่ากันว่ามันเป็นเรือขนาดใหญ่น่ากลัว มีแสงไปสีแดงเรือง
ที่น่ากลัวออกมาจากเรือและมีกัปตันเรือผู้ซึ่งแต่งกายแบบยุคสมัยเก่ายืนคุมเรืออยู่ พร้อมกับส่งเสียงอันโหยหวนน่าขนหัวลุกออกมา


เรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมนปรากฏให้ผู้คนเห็นมานานหลายศตวรรษ มีผู้คนได้พบเห็นหลายคนและเมื่อผู้ใดพบเห็นล้วนนำหายนะมาสู่คนที่พบเห็นทั้งสิ้น
เช่น ในปี ค.ศ. 1881 คนประจำเรือของพระเจ้าจอร์จที่ 5 ได้เห็นเรือลำใหญ่ลึกลับปรากฏขึ้นทางด้านหัวเรือเมื่อเวลา 4:00 At  และหลังจากนั้น
ไม่กี่วัน คนประจำเรือคนนั้นก็พลัดตกเสากระโดงเรือตายคาที่ ทุกวันนี้ก็ยังมีคนกล่าวอ้างอยู่เสมอว่าเห็นเรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมนยังคงรอนแรม
อยู่เดียวดายกลางทะเลด้วยรูปลักษณ์อันเศร้าโศกและสยดสยองอยู่ และ ริชาร์ด วากเนอร์ คีตกวีชื่อก้องโลกได้อาศัย ตำนานปีศาจนี้แต่งอุปรากร
ที่มีชื่อว่า Der Fliegende Hollander






2.Abraham Lincoln

ในฤดูร้อนปี ค.ศ. 1865 อับราฮัม ลิงคอล์น ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา เดินทางไปชมละครกับภรรยาแล้วถูกลอบสังหารจากชาวใต้
หัวรุนแรง นามว่า จอห์น บูธ ผู้ซึ่งโกรธแค้นประธานาธิบดีลินคอล์นตั้งแต่สมัยสงครามการเมืองสหรัฐอเมริกา จอห์น บูธ ถูกตำรวจไล่ล่าและ
ถูกสังหารในโรงเก็บของโดยมีเงื่อนปมว่าการสังหารบูธในครั้งนี้อาจเป็นการฆ่าตัดตอน เพื่อไม่ให้สืบสาวถึงผู้บงการตัวจริง.


ว่ากันว่า ลินคอล์นเคยเป็นคนทรงซึ่งติดต่อกับวิญญาณคนตายได้ วิญญาณนั้นเองที่บอกให้เขาให้ปลดปล่อยทาสในภาคใต้ เขาปฏิบัติตามคำแนะนำ
นั้นจนเป็นจุดเริ่มต้นสงครามกลางเมือง และเมื่อเขาตายลงวิญญาณเขายังไม่ไปสู่สุขคติเพราะใจเขายังยึดติดอยู่ วิญญาณของเขาเลยวนเวียนอยู่บนโลกนี้

ค.ศ. 1816 แมรี่ ลินคอล์นเคยไปพบช่างถ่ายภาพรูปวิญญาณชื่อมัมเลอร์ เธอขอให้เขาถ่ายรูปเธอกลับรูปวิญญาณของสามีที่ตายไปแล้ว
เมื่อถ่ายภาพของเธอปรากฏว่ามีภาพผีอับราฮัมยืนอยู่ข้างหลังของเธอ แต่ทว่าภายหลังมัมเลอร์ถูกกล่าวหาว่าเป็นหลวกหลวงต้มตุ๋น
และภาพบางภาพปรากฏว่าเป็นของปลอม และภายหลังต่อมา นางลินคอล์นกลับเป็นคนวิกลจริตอย่างรุนแรง เพราะความสูญเสียสามี

นอกจากนี้ยังมีการรายงานการปรากฏตัวของวิญญาณลินคอล์นในทำเนียบขาวเป็นระยะ เช่น

- สมเด็จพระราชินีเฮล์มมิน่าแห่งเนเธอร์แลนด์เคยประทับทำเนียบขาว เคยได้ยินเสียเคาะประตูห้องบรรทม เมื่อเปิดดูเธอถึงกลับล้ม
ทั้งยืนเมื่อทอดพระเนตรเห็นร่างประธานาธิบดีลินคอล์นยืนอยู่ที่นั้น

- ประธานาธิบดีรูลเวลท์แม้ไม่เคยพบวิญญาณของประธานธิบดี แต่ท่านเล่าว่าในขณะที่เขาอยู่ลำพังเพียงคนเดียวในห้องสีฟ้า
ท่านมักรู้สึกว่ามีวิญญาณของลินคอล์นวนเวียนอยู่ที่นั้น

- สาวใช้เคยเล่าให้ภรรยาประธานาธิบดีรูสเวลท์ฟังว่าเคยเห็นวิญญาณลินคอล์นให้ห้องของเขาโดยเห็นท่านนั่งขอบเตียงกำลังถอดรองเท้าบูธออก

- ประธานาธิบดีแฮรี่ เอช ทรูแมนเล่าหลายครั้งว่าท่านมักตกใจตื่นเพราะเสียงเคาะประตูห้องนอนในทำเนียบขาว แต่ทรูแมนไม่เคยเห็น
กับตาเหมือนสมเด็จพระราชินีเฮล์มมิน่าเท่านั้นเอง







1.Anne Boleyn

หอคอยแห่งลอนดอน เป็นพระราชวังหลวงและป้อมปราการ ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเทมส์ในกรุงลอนดอนในอังกฤษ ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ผีสิง
ที่ดุที่สุดในโลก โดยส่วนที่น่ากลัวที่สุดคือตัวหอคอยใช้เป็นป้อมที่จำขังโดยเฉพาะสำหรับนักโทษที่มียศศักดิ์สูง และยังเป็นที่สำหรับ
ประหารชีวิตและทรมาน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีนักโทษหลายต่อหลายคนต้องจบชีวิตลงอย่างน่าสยดสยองในหอคอยแห่งนี้ ทำให้หลายคน
เชื่อว่ายังคงมีวิญญาณของเหล่านักโทษยังคงวนเวียนอยู่ในหอคอยดังกล่าว โดยว่ากันว่า ช่วงดึกจะมีทั้งเสียงร้องโหยหวนรวมถึงมีภาพ
ของดวงวิญญาณจำนวนมากล่องลอยขวักไขว่ในบริเวณหอคอยแห่งนี้


และผีที่ปรากฏออกมาให้ผู้คนพบเห็นมากที่สุดก็คือแอนน์ โบลีน เป็นพระมเหสีองค์ที่ 2 ในสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ
ที่ถูกตั้งข้อหาว่าคบชู้สู่ชาย ถูกจับกุมและส่งไปหอคอยแห่งลอนดอน และถูกประหารด้วยการใช้ดาบบั่นพระเศียร จนเป็นเหตุทำให้
ดวงวิญญาณของพระนางก็ยังคงสิงสถิตในอยู่ที่นั่น กล่าวคือ มีทหารยามพบเป็นสตรีสวมผ้าคลุมศีรษะออกมาเดินเล่นริมระเบียงที่ถูกปิดตาย
หากแต่มีลักษณะที่ทรงหิ้วพระเศียรที่ขาดไว้ในพระหัตถ์ ไม่ก็พระนางจะลากโซ่ตรวนในห้องประหารแล้วกรีดร้องเสียงดัง

โดยช่วงเวลาราวตี2ของทุกคืนนั้นถือว่าเป็นช่วงเวลาน่ากลัวที่สุดของทหารยามรักษาการณ์ เพราะเวลานั้นคือเวลาที่ตรงกับเวลาของการ
ประหารชีวิตบุคคลต่างๆในราชวงศ์ รวมทั้งกรณีของพระนางแอนน์ โบลีนน์ด้วย ดังนั้นเวลาดังกล่าวจึงเป็นช่วงที่ทหารยามจำนวนไม่น้อย
ได้พบเห็นร่างของพระนางอย่างชัดเจน

ในปีค.ศ.1864 ทหารยามนายหนึ่งถึงกับตะลึงเมื่อเห็นหมอกควันสีขาวรวมตัวกันเป็นรูปของสตรีโบราณสวมหมวกโบราณต่อหน้าต่อตา
ร่างนั้นมีอาการจางๆหายๆอยู่3ครั้งก่อนที่จะมีสภาพเป็นหญิงโบราณเดินตรงรี่เข้ามาหาเขา เขาจึงตัดสินใจใช้ดาบปลายปืนแทงร่างนั้นเต็มแรง
ก่อนที่จะยิงปืนเข้าใส่ร่างนั้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่ปรากฏว่าทุกอย่างก็หายไปและเงียบสงัด

อีกจุดหนึ่งในบริเวณพระราชวัง ซึ่งว่ากันว่าเป็นจุดที่มีคนเห็นวิญญาณปรากฏโฉมของแอนน์ โบลีนน์บ่อยๆ ก็คือตรงที่ใกล้ๆกับ
โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ แอด วินคิวลา ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่ร่างไร้เศียรของแอนน์ โบลีนน์ ถูกนำเอาไปฝังไว้  ณ จุดนั้น ทหารยามจำนวนไม่น้อย
มักจะมองเห็นขบวนของเหล่าผีอัศวินจำนวนมากและเลดี้หรือสตรีชั้นสูงจำนวนหนึ่งที่แต่งกายในชุดโบราณสมัยทิวดอร์ พากันเดินหาที่นั่ง
ตามม้ายาวนั่งแบบที่เห็นกันจนเจนตาตามโบสถ์ และที่น่ากลัวมากก็คือผู้นำขบวนก็คือสตรีที่ดูยังไงๆก็คล้ายแอนน์ โบลีนน์ มากๆ

ซึ่งหลังจากนำพลพรรคผีๆมานั่งกันตามที่นั่งในโบสถ์เรียบร้อยแล้วก็ปลีกตัวไปยังแท่นบูชาทันที เมื่อพระนาเดินทางไปถึงแท่นสำคัญนั้น
ร่างทุกร่างที่เห็นอยู่เมื่อครู่ก็พลันหายไปจากสายตาทันควัน ปล่อยให้วิหารนั้นเงียบเชียบราวกับป่าช้าอีกครั้ง และจนบัดนี้เหตุการณ์แปลกๆ
ที่ว่านี้ก็ยังมีให้เห็นทุกคืน

ด้วยเหตุนี้หอคอยลอนดอนจึงดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวที่ชอบเรื่องผีจากทั่วโลก นิยมที่จะเดินทางมาเที่ยวชมหอคอยแห่งนี้จำนวนมากในที่สุด





credit :: cammy@dek-d.com
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่