นักเย็ดศพในตำนาน Carl Tanzler เส้นขั้นบางๆของคำว่ารักและโรคจิต

นักเย็ดศพในตำนาน Carl Tanzler เส้นขั้นบางๆของคำว่ารักและโรคจิต

เริ่มโดย etatae333, 20 ตุลาคม 2017, 14:42:03

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

นักเย็ดศพในตำนาน Carl Tanzler เส้นขั้นบางๆของคำว่ารักและโรคจิต



คาร์ล แทนซ์เลอร์ เป็นนักรังสีวิทยาประจำโรงพยาบาลนาวิกโยธิน ในเมืองคีย์เวสต์ รัฐฟลอริดา วันหนึ่งเขาเกิดนิมิตว่า
ภรรยาคนปัจจุบันนั้นไม่ใช่เนื้อคู่ แต่หากอดใจรอเขาจะได้พบกับคนที่เป็นคู่แท้ในเวลาอีกไม่นาน

คาร์ลไม่เหมือนนักฝันคนอื่นๆ ที่วันๆ เอาแต่นั่งวาดวิมานในอากาศ เพราะหากเขาฝันถึงสิ่งใดเขาจะทำมันให้เป็นความจริง
เหมือนอย่างที่ฝันอยากจะเป็นนักประดิษฐ์ เขาก็ลงมือสร้างเครื่องมือที่ซับซ้อนเป็นผลสำเร็จทั้งๆ ที่เขาไม่ได้เรียนจบ
สาขาวิชาทางด้านนี้แต่อย่างใด

ในช่วงปี 1920 แทนซเลอร์ คาร์ล เป็นคนเยอรมัน แต่งงานกับดอริสและมีลูก 2 คน ก่อนจะนั่งเรือมาฟลอริด้ามาอาศัย
กับน้องสาวที่เมืองเซเฟอร์ฮิล ฟลอริด้า ในปี 1926 โดยภรรยากับลูกสาวตามมาภายหลัง และปีถัดมา 1927 เขาก็ได้
งานเป็นนักรังสีวิทยาในโรงพยาบาลทหารเรือที่เมืองคีย์เวสต์ ฟลอริด้า แต่ใช้ชื่อว่า คาร์ล ฟอน โคเซล


เมื่อได้ที่พักอาศัยเป็นหลักเป็นแหล่ง คาร์ลก็เดินทางไปรับภรรยาและบุตรสาวมาตั้งหลักปักฐานที่ฟลอริดา แต่ระหว่าง
การเดินทางนั้นเอง คาร์ลเกิดนิมิตเห็นหญิงสูงศักดิ์นามว่า เคาท์เตสส์ แอนนา คอนสแตนเตีย ฟอน โคเซล
(Countess Anna Constantia von Cosel) เธอบอกกับคาร์ลว่าเขาไม่ใช่สามัญชน หากแต่เป็นทายาทเลือดสีน้ำเงิน
มียศถาบรรดาศักดิ์เป็นถึงท่านเคาท์คาร์ล แทนซ์เลอร์ ฟอน โคเซล และหญิงที่เขาแต่งงานด้วยนั้นไม่ใช่เนื้อคู่ ผู้ที่เกิดมา
สำหรับเขานั้นเป็นหญิงพื้นเมือง มีดอกกุหลาบปักบนผมสีดำ

ด้วยเหตุนี้เองเมื่อเดินทางมาถึงฟลอริดาไม่นาน คาร์ลก็หย่าร้างกับภรรยาคนปัจจุบัน รอคอยวันพบกับคู่กรรมที่เห็นในนิมิต
ระหว่างนั้นเขาก็นำประกาศนียบัตรปลอม 9 ใบไปสมัครเป็นช่างเทคนิคและผู้เชี่ยวชาญทางแบคทีเรียประจำโรงพยาบาล
นาวิกโยธินในเมืองคีย์เวสต์ อย่างที่บอกไว้ว่าคาร์ลไม่ได้เป็นแค่นักฝันกลางวันทั่วๆ ไป ถึงแม้เขาจะไม่ได้จบการศึกษา
ตามที่กล่าวอ้าง แต่เขาก็มีความสามารถซ่อมแซมเครื่องเอ๊กซเรย์ของโรงพยาบาลและประดิษฐ์อุปกรณ์ทางการแพทย์
หลายชนิด ผู้คนจึงคิดว่าเขามีความรู้ความสามารถในสาขาวิชาต่างๆ ตามใบประกาศนียบัตรปลอม

ในหนังสืออัตชีวประวัติของเขา ได้กล่าวถึงวัยเด็กในขณะที่เขาเดินทางจากเยอรมันเพื่อไปเมืองเจนัว ในอิตาลี ซึ่งเขา
อ้างว่าบรรพบุรุษของเขานามว่า Countess Anna Constantia von Cosel มาหาเขา และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่เขา
หลงใหลในผู้หญิงผมดำรักข้างเดียวของแทนซเลอร์ เกิดขึ้นราวเดือนเมษายน ปี 1930 ขณะที่เขาทำงานในโรงพยาบาล
ทหารเรือในคีย์เวสต์


เขาได้พบกับสาวอเมริกันเชื้อสายคิวบานามว่า Maria Elena Milagro de Hoyos หรือ Helen ซึ่งแม่ของเธอพามา
พบหมอที่โรงพยาบาลแห่งนี้ การที่เขาได้เจอเฮเลนซึงเหมือนกับลักษณะบรรพบุรุษของเขาที่เคยเจอ นั้นก็แน่นอนว่า
เขาไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้เลย



ในช่วงปี 1920 ถึงราวๆปี 1950 ปลายๆ เป็นช่วงที่วัณโรคเป็นโรคร้ายแรงรักษาไม่หายและคร่าชีวิตคนจำนวนมากในอเมริกา
จนถึงขนาดต้องตั้งโรงพยาบาลรักษาวัณโรคโดยเฉพาะและมีการแยกผู้ป่วยนี้จากโรคอื่นๆ มีคนป่วยมากจนถึงขนาดโรงพยาบาล
บางแห่งในช่วงที่มีผู้ป่วยมากสุด รับผู้ป่วยเกือบ 2-5 พันคน ทั้งๆ ที่ความจุจริงๆในพยาบาลขนาดใหญจุได้เพียงพันเตียงเท่านั้น
แต่ส่วนใหญ่กับรับคนไข้เรื่อยๆเพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่หาย ตายสถานเดียว


แน่นอนว่าโรคที่เฮเลนเป็นนั้นคือ วัณโรค ซึ่งคร่าชีวิตคนในตระกูลของเธอไปเกือบหมด และก็เข้าทางแทนซเลอร์ เขาเสนอ
วิธีการรักษาต่างๆ นานา รวมถึงนำอุปกรณ์รักษาต่างไปให้เฮเลนถึงที่บ้าน และยังให้ของขวัญรวมถึงเสื้อผ้าให้เฮเลนด้วย
แต่ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้แน่ชัดว่า เฮเลนรู้สึกยังไงกับชายคนนี้

คาร์ลเสนอตัวขอทำหน้าที่รักษาอีเลน่า แม้ทางโรงพยาบาลจะลังเลในตอนแรก แต่ด้วยความที่คาร์ลมีประกาศนียบัตร (ปลอม)
ถึง 9 ใบ ประกอบกับความสามารถในการประดิษฐ์เครื่องมือทางการแพทย์ อีกทั้งทีมแพทย์เองก็ไม่สามารถรักษาโรคร้ายนี้ได้
ดังนั้น มันก็ไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว โรงพยาบาลและครอบครัวของอีเลน่าจึงอนุญาต



ถึงแม้จะมีความปรารถนาดีอย่างแรงกล้าและมีความสามารถในการประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ แต่คาร์ลก็ไม่มีความรู้ทางการแพทย์
สักเท่าไรนัก เขาลองผิดลองถูกรักษาอีเลน่าด้วยการใช้ไฟฟ้าช็อตบ้าง ปรุงยาสมุนไพรผสมสารเคมีนานาชนิดตามแต่
ที่จะคิดได้ แต่อีเลน่าก็ไม่มีทีท่าจะมีอาการดีขึ้น

ระหว่างทำการรักษา คาร์ลได้นำเสื้อผ้า เพชรนิลจินดาไปประเคนให้กับอีเลน่าเป็นประจำ และถึงกับเอ่ยปากขอแต่งงาน
กับเธอ แต่อีเลน่าไม่ได้ตอบรับ ซึ่งอาจจะเนื่องมาจากตามกฎหมายแล้วเธอยังเป็นภรรยาของหลุยส์จะเป็นเพราะโรคร้าย
กำเริบหรือการรักษาด้วยวิธีพิสดารพันลึกก็ตามแต่

ความพยายามของแทนซเลอร์ไม่เป็นผล ในที่สุดเฮเลนก็สิ้นลม จากโลกนี้ไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 1931 ด้วยวัย
เพียง 22 ปีเท่านั้น และเขาเป็นธุระจัดการจ่ายเงินค่าทำศพรวมถึงทำสุสานเก็บศพให้เฮเลนด้วย คาร์ลออกแบบ
ให้มันเลิศหรูอลังการและแถมยังแอบติดตั้งโทรศัพท์สายตรง เพื่อจะได้คุยกับเธอได้ ทุกคืนแทนซเลอร์จะไปหาเฮเลน
จนกระทั่งเดือนเมษายน ในปี 1933 เขาจัดการนำศพเธอออกมาและนำกลับไปอยู่บ้านกับเขา โดยใช้รถลากเด็กเล่น
บรรทุกศพไปตอนกลางคืน ซึ่งเขาอ้างว่าวิญญาณของสาวเฮเลนตามมาอยู่กับเขาและร้องเพลงเป็นภาษาสเปนให้ฟังด้วย



ถ้าวันไหนเขาไม่สามารถไปได้ คาร์ลใช้โทรศัพท์สายตรงโทรศัพท์พูดคุยกับอีเลน่าตั้งแต่ค่ำจนถึงรุ่งสาง
ในที่สุดเขาก็แทบจะไม่ได้ไปทำงานที่โรงพยาบาล ทำให้เขาถูกเชิญออกจากงานในปี 1933

เมื่อไม่ต้องไปทำงาน คาร์ลก็มีเวลาอยู่กับคนรักมากขึ้น อีเลน่าบอกว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกัน
คาร์ลจึงแอบลักลอบนำโลงศพขึ้นรถลากด้วยตนเอง แต่เมื่อรถลากพ้นเขตสุสานออกมา น้ำหนักที่แท้จริง
ของโลงก็แผลงฤทธิ์ทำให้รถลากหักโค่น โลงศพตกลงมากระแทกพื้นถนน

แม้ปราศจากรถลากแต่คาร์ลก็ยังรวบรวมพละกำลังลากโลงศพมาตามถนนตามลำพัง เขานำร่างของอีเลน่าทอดลงบนเตียงนอน
เวลาที่ล่วงเลยมาถึง 2 ปี ประกอบกับแรงกระแทกเมื่อครู่ ทำให้ร่างของอีเลน่าหลุดออกเป็นชิ้น ๆ แต่คาร์ลก็ไม่ยอมแพ้
นำสายเอ็นจากเปียโนมามัดกระดูกให้ต่อเข้าด้วยกัน ใช้ขี้ผึ้งและปูนขาวปะผุตามร่างกาย ผสมน้ำยาเคมีชะโลมร่างให้มีกลิ่น
เหมือนเนื้อหนังมนุษย์



ในความจริงตายไป 2 ปีแล้ว ร่างกายก็เน่าหมดแล้ว แต่แทนซเลอร์เขาใช้กรรมวิธีประกอบร่างดังนี้

-ประกอบกระดูกเข้าด้วยกันโดยใช้ลวดและไม้แขวนเสื้อ
-ลูกตาใช้แก้วตาปลอม
-หนังใช้ผ้าไหมชุบด้วยขี้ผึ้งให้เปียกโชกและปูนปลาสเตอร์ด้วย
-ส่วนผมทำจากวิกซึ่งเขาได้ผมมาจากแม่ของเฮเลนที่เก็บไว้และมอบให้เขาหลังจากฝังเฮเลนในปี 1931 ได้ไม่นาน
-ส่วนช่วงท้องและอก ใช้ผ้ายัดไว้ให้คงรูปและจับเธอแต่งตัวด้วยชุดกระโปรง เครื่องประดับ ถุงมือ ตามสมัยนิยม
  แล้วนำเธอนอนบนเตียง หลังจากนั้นเขาก็ฉีดน้ำหอมของน้ำยารักษาศพ เพื่อไม่ให้กลิ่นโชย


ความแตกเมื่อปี 1940 เมื่อน้องสาวของเฮเลนได้ข่าวว่าแทนซเลอร์อยู่กับศพพี่สาวตัวเอง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าตรวจค้น
และพบศพพี่สาวนอนอยู่บนเตียง และแทนซเลอร์ถูกจับในข้อหาทำลายหลุมศพและย้ายศพออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาต
แต่ก็ถูกปล่อยตัวไปเนื่องจากหมดอายุความ




ในตอนที่มีการพบศพ ทางเจ้าหน้าที่ได้ชันสูตรศพและพบท่อกระดาษในบริเวณช่องคลอดของศพเพื่อให้สามารถมี
เพศสัมพันธ์กับศพได้ แต่การชันสูตรดังกล่าวไม่ได้เปิดเผยและแพทย์ที่ชันสูตรศพของเฮเลนได้ออกมาพูดในปี 1972
ซึ่งคดีหมดอายุความไปแล้ว ทำให้ยังมีคำถามค้างคาว่าตกลงเขามีอะไรกับศพจริงหรือไม่

หลังจากชันสูตรศพของเฮเลนแล้ว มีการนำกลับไปฝังในหลุมศพที่ไม่มีป้ายอย่างลับๆ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำสองขึ้นมาอีก
คาร์ลถูกจับและถูกส่งตัวไปตรวจสภาพจิตที่โรงพยาบาล



แพทย์ลงความเห็นว่าเขาป่วยเป็นโรคจิต แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้คาร์ลหลุดจากคดีขโมยศพ หากแต่เขาหลุดเพราะ
คดีหมดอายุความ ส่วนร่างของอีเลน่าถูกนำไปตั้งแสดงให้สาธารณชนได้ชมในสุสาน ดีน-โลเปซ ระยะหนึ่งก่อนที่จะ
นำไปฝังที่สุสานคีย์เวสต์อีกครั้งตามคำร้องขอของญาติ

คาร์ลย้ายบ้านไปอยู่ที่เมืองปาสโค แต่ความรักอมตะยังไม่หมดไป เขาสร้างหุ่นขึ้ผึ้งเท่าตัวจริงของอีเลน่าและอาศัย
อยู่กินกับเธออย่างลับๆเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งมีคนไปพบเขานอนเสียชีวิตอยู่ในอ้อมแขนของอีเลน่าภายในบ้าน
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 1952 รวมอายุได้ 75 ปี  หลังจากที่หมอคาร์ลเสียชีวิตไป เรื่องราวของเขาก็โด่งดังขึ้นเรื่อยๆ
และถูกนำไปพูดถึงในผลงานศิลปะหรือผลงานเพลงต่างๆ มากมาย รวมไปถึงทั้งซีรีส์และหนังดังๆ ด้วย






ที่มา : Another World.
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่