Fahrenheit 451 อยากอ่านต้องเผา

Fahrenheit 451 อยากอ่านต้องเผา

เริ่มโดย etatae333, 10 พฤศจิกายน 2017, 14:23:42

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333



Super Terrain กลุ่มนักออกแบบกราฟิกชาวฝรั่งเศสได้ผลิตหนังสือ "Fahrenheit 451" ของ
Ray Bradbury ฉบับพิเศษโดยหนังสือแต่ละหน้าจะถูกเคลือบด้วยฟิลม์ดำ ที่ต้องผ่านความร้อนก่อนเท่านั้น
ถึงจะอ่านจบ...กว่าจะจบเกรียมกันทีเดียว


หลายคนคงสงสัยสินะว่าทำไมต้องทำให้มันถึงได้ยุ่งยากขนาด นั้นเพราะเนื้อหาของมันนั้นเอง..!!!
ว่าแล้วก็ขอทำเป็นกระทู้ให้อ่านเลยละดันว่าที่มาที่ไปมันเป็นยังไง..?



Fahrenheit 451 | ในเมื่อหนังสือทำให้คนคิดมาก ก็เผาทิ้งเลยดีกว่า!




จะทำยังไง ถ้าเราต้องอยู่ในโลกที่หนังสือทุกเล่มต้องถูกเผาทิ้ง เพราะมันทำให้คน

"คิดมาก" เกินไป จนไม่มีความสุข?!

"Fahrenheit 451" โดย Ray Bradbury เป็นนิยายคลาสสิกตั้งแต่ปี 1953  ที่ถูกตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ด้วยเนื้อหาที่ชวนคิดและสะท้อนสังคมได้ดีมากๆ ..... แถมยังมีปกที่หน้าตาหลากหลาย (สวยๆทั้งนั้นด้วย)
แน่นอนว่าหนังสืออมตะแบบนี้ มีแปลไทยแล้วในชื่อเดียวกันเลย - "ฟาเรนไฮต์ 451"

แล้วทำไมหนังสือต้องชื่อนี้????
เพราะ 451 องศาฟาเรนไฮต์ คืออุณภูมิที่ Ray Bradbury บอกว่าหนังสือจะลุกติดไฟได้เอง
โดยไม่ต้องพึ่งเชื้อเพลิง! โหยย เขาคิดมาแล้ววว


เรื่องย่อ



Guy Montag เป็นนักผจญเพลิง ในโลกของเขา ที่ซึ่งโทรทัศน์เป็นใหญ่และวรรณกรรมใกล้จะสูญพันธุ์
นักผจญเพลิงมีหน้าที่จุดไฟแทนที่จะดับไฟ ...หน้าที่ของ Montag คือทำลายโภคภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายที่สุด
นั่นคือหนังสือรวมถึงบ้านที่หนังสือเหล่านั้นถูกซุกซ่อนไว้

Montag ไม่เคยตั้งคำถามถึงการทำลายล้างและความพินาศที่เป็นผลจากการกระทำของเขา แต่แล้วเมื่อเขา
ได้พบกับ Clarisse สาวน้อยเพื่อนบ้านผู้แปลกประหลาดที่แนะนำให้เขาได้รู้จักกับอดีตที่ผู้คนมิได้มีชีวิต
อยู่ด้วยความหวาดกลัว และปัจจุบันที่ผู้คนเห็นโลกผ่านทางความคิดในหนังสือ แทนที่จะเป็นการพูดคุย
ไร้สาระในโทรทัศน์ Montag ก็เริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยรู้จักมา เขาเริ่มเก็บซ่อนหนังสือ
ไว้ที่บ้าน และเมื่อการกระทำอันลักลอบของเขาถูกค้นพบ Montag ก็ต้องหนีเอาชีวิตรอด...



Fahrenheit 451 เป็นหนังสือขึ้นหิ้งคลาสสิกอีกเล่มนึง ที่อ่านง่ายมากๆ และเต็มไปด้วยข้อคิดให้ตกตะกอน
โดยที่คนรักการอ่านน่าจะอินมากเป็นพิเศษ​

คอนเซ็ปและข้อคิดในเรื่องนี้ สะท้อนสังคมได้ดีเลย มันเป็นเรื่องของการที่กลุ่มคนที่มีอำนาจ (อย่างรัฐบาล)
ตัดสินใจแทนประชาชน ด้วยการจำกัดขอบเขตของสื่อที่ทุกคนเข้าถึงได้ อะไรที่ถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ 'อาจนำภัย'
มาสู่สังคม ซึ่งในกรณีนี้ คือหนังสือ...ก็จะถูกตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ด้วยการโดน ban ทิ้งทันที

เป็นการปิดหูปิดตาประชาชนไม่ให้รับข้อมูลหรือความรู้ใดๆมาประกอบการตัดสินใจ และป้อนแต่ข้อมูล
ที่คัดกรองมาแล้ว (ซึ่งอาจจะบิดเบือนจากความเป็นจริง) เพียงอย่างเดียว



....นี่เป็นระบบ censorship ที่หลายๆประเทศ รวมถึงไทยด้วยแหละ ยังต้องเจออยู่ทุกวัน มันเลยทำให้เรา
ชื่นชมหนังสือเล่มนี้มาก เพราะถึงแม้จะถูกเขียนมานานแล้ว แต่ก็ยังเข้ากับสังคมในยุคปัจจุบันอยู่เลย

(หรือคิดอีกแง่นึงคือ ปัญหานี้มีมานานแล้วแต่ไม่ได้รับการแก้ไขสักที....)

หนังสือให้ทางออกไว้ในระดับหนึ่ง เป็นทางออกที่ให้การประนีประนอมในระดับหนึ่ง นั่นคือถ้าคุณอยู่ในระบบไม่ได้
ก็มีสองทางคือออกไปเสีย หรือไม่ก็กำจัดระบบมันเสียเลย แต่ถ้าระบบมันเก่าแก่คร่ำครึมากจนแทบจะพังทลายอยู่แล้ว
ก็รอสักนิดก็แล้วกัน

คอนเซ็ปอาจจะฟังดูหนัก แต่เชื่อเราเถอะ ว่าวิธีการเล่าของผู้เขียน ทำให้เราไหลไปกับเรื่องได้เรื่อยๆ โดยไม่รู้สึกว่า
กำลังอ่านอะไรที่ซีเรียสหรือมีน้ำหนักเยอะมากๆอยู่เลย



สำหรับแฟนหนัง หนังสือเรื่องนี้มีสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วเมื่อปี ค.ศ. 1966 Fahrenheit 451
ภาพยนตร์เมื่อไม่กี่ปีมานี้ที่มีการดำเนินเรื่องทำนองเดียวกันคือ Equilibrium ปี ค.ศ. 2002


นอกจากนี้แล้ว Fahrenheit 451 ยังเป็นหนังสือที่ แทบทุกปกมีคอนเซ็ปและการออกแบบที่ดีมากๆเรื่องหนึ่งเลย



อ่านจบแล้วใครสนใจฉบับธรรมดายังไปหาซื้อได้ที่ ราคาไม่แพงด้วยนะ
https://www.se-ed.com/product/ฟาห์เรนไฮต์-451.aspx?no=9786161806149


cr. https://minimore.com/b/Vr2P0/19
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่