สัตววัตถุ ไก่ป่า

สัตววัตถุ ไก่ป่า

เริ่มโดย teareborn, 02 ธันวาคม 2017, 11:10:49

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

teareborn


ไก่ป่า
ไก่ป่าเป็นต้นเครือญาติของไก่บ้าน
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gallus gallus (Linnaeus)
อยู่ในวงศ์ Phasianidae
มีชื่อสามัญว่า red jungle fowl
มีถิ่นกำเนิด แถบเอเชียใต้ (ศรีลังกาแล้วก็ประเทศอินเดีย) มาทางตะวันออก จนถึงหมู่เกาะมลายู
ไก่ป่าที่พบในประเทศไทยมีเพียงแค่ประเภทเดียวเป็น Gallus gallus (Linnaeus) จำพวกนี้มีหน้าสีแดง ไม่มีขน หงอนสีแดง มีเหนียงสีแดงและติ่งหูอย่างละคู่ ขนบริเวณคอ หลัง ถึงสะโพกมีสีส้ม ขนปีกสีเขียวเป็นมันขลิบสีส้มใต้ท้องสีน้ำเงินดำ หางโค้งลาด ปลายพริ้ว สีเขียวแซมดำรวมทั้งสีน้ำเงินเข้มเป็นเงา ความยาวของตัววัดจากปลายปากถึงปลายหางราว ๖๐ ซม. ตัวผู้หนัก ๘๐๐ – ๑๓๐๐ กรัม ไก่ป่าเพศผู้มีลักษณะสำคัญที่ต่างจากนกอื่นๆเป็น
๑.มีหงอนบนหัวที่เป็นเนื้อ ไม่ใช่หงอนที่เป้นขน
๒.มีเหนียงเป็นเนื้อห้อยลงมาทั้งสองข้างของโคนปากแล้วก็คาง
๓.มีหน้าและคอเป็นหนังเกลี้ยงๆ ไม่มีขน
๔.โดยทั่วไปขนตามตัวมีสีงาม มีขนหาง ๑๔ – ๑๖ เส้นตั้งเรียงกันเป็นสันสูงกึ่งกลาง คู่กลางยาวกว่าคู่ อื่น ปลายแหลมและอ่อนโค้ง เรียก หางกะลวย
๕.หน้าแข้งมีเดือยข้างละอันเป็นอาวุธ
ไก่ป่า ตัวเมียมักมีขนาดเล็กกว่าเพศผู้ ขนไม่สวยสดงดงาม สีไม่บาดตา หน้าแข้งไม่มีเดือย หงอนรวมทั้งเหนียงเล็กมากมาย หรือบางตัวแทบเป็บศูนย์ ไก่ป่าอาศัยตามพุ่มเล็กๆในป่าทั่วๆไป บินได้เร็ว แต่ว่าในระดับที่ค่อนข้างต่ำๆและก็ระยะทางสั้นๆเป็นปกติอยู่เป็นฝูงใหญ่ตลอดตัวผู้และตัวเมียรวมกันราว ๕๐ ตัว แต่ว่าจะแยกเป็นฝูงเล็กๆในช่วงฤดูผสมพันธุ์ ซึ่งตัวผู้จำเป็นต้องต่อสู้กันเพื่อครอบครองพื้นที่และก็ฉกชิงตัวเมียกันตัวละ ๓ – ๕ ตัว หลังสืบพันธุ์แล้วตัวเมียจะทำรังเป็นหลุมตื้นๆบนพื้นดินหรือบนกองใบไม้แห้งๆในที่ปลอดภัย  แล้ววางไข่คราวละ ๕ – ๖ ฟอง ไข่สีขาวหรือน้ำตาล ใช้เวลาฟักโดยประมาณ ๒๑ วัน ลูกไก่ป่าอายุ ๘ วันก็เริ่มบินเกาะตามกิ่งไม้ได้ รวมทั้งเมื่ออายุโดยประมาณ ๑๐ วัน ก็เริ่มบินได้ในระยะทางสั้นๆ

ไก่ป่าที่พบในประเทศไทยมี ๒ ชนิดย่อย คือ
๑. ไก่ป่าติ่งหูขาว หรือ ไก่ป่าอีสาน (Cochin Chinese red jungle foml) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gallus gallus gallus (Linnaeus) มีติ่งหูสีขาว พบได้ทั่วไปทางภาคทิศตะวันออกและก็ภาคอีสาน
๒. ไก่ป่าติ่งหูแดง หรือ ไก่ป่าประเภทพม่า (Burmese red jungle fowl) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gallus gallus  spadiceus (Bonnaterre) มีติ่งหูสีแดง พบได้มากทางภาคเหนือ ภาคตะวันตก แล้วก็ภาคใต้
ประโยชน์ทางยา
สมุนไพร โบราณไทยใช้ตับไก่เป็นอีกทั้งอาหารแล้วก็เป็นยา  หนังสือเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณบันทึกไว้ว่า  ตับไก่ใช้แก้โรคตาฝ้าตามัว ตอนนี้พึ่งจะรู้ว่าโรคนี้เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการขาดวิตามินเอ ซึ่งพบบ่อยในตับไก่ แพทย์แผนไทยรู้จักใช้เปลือกไก่ฟัก ไข่แดง ตับไก่ และเล็บไก่ป่า เป็นเครื่องยามานานแล้ว หนังสือเรียนโบราณว่า ไข่แดงมีรสมัน คาว มีสรรพคุณบำรุงกำลังสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่ร่างกาย ตับไก่มีรสมัน คาว มีคุณประโยชน์บำรุงเลือด แก้โลหิตจาง บำรุงร่างกายให้แข็งแรง แก้โรคตาฝ้าตาฟาง รวมทั้งเล็บไก่ป่าใช้แก้พิษไข้ ไข้กาฬ ไข้หัวทุกชนิด นอกจากไข่ขาวยังใช้เป็นตัวยาแต่งทางการปรุงยาสำหรับทำยาขี้ผึ้ง ตามที่ปรากฏในยาขนานที่ ๗๙ ใน ตำราพระยารักษาโรคพระนารายณ์ ดังต่อไปนี้
ขนานหนึ่ง ให้เอาพิมเสน ๒ สลึง การบูร ๓ สลึง มาตะกี่ ๕ สลึง ชันตะคียน กำยาน สิ่งละ ๗ สลึง ขี้ผึ้งขาว ๑๐ ตำลึง น้ำมันที่ทำจากมะพร้าวอันใหม่ดีนั้นครึ่งทนาน เคี่ยวขึ้นร่วมกันให้สุกดี  แล้วกรองกากออกเสีย เอาไว้ให้เย็น จึงเอาไข่ไก่ เอาแต่ไข่ขาว ๒ ลูก เอาสุรากลั่นโดยประมาณจอกหนึ่ง กวนกับไข่ให้สบกันดี แล้วจึงแบ่งออกให้เป็น ๓ ภาคๆหนึ่งนั้น เอาน้ำทะแลงไซ้ ๓ สลึง การบูร ๓ สลึง กวนเข้าด้วยกันให้สบก็ดี เป็นขี้ผึ้งแดง จึงเอาสีผึ้งขาวภาค ๑ นั้น มากวนด้วยจุที่สีพอเหมาะ เป็นสีผึ้งเขียว ภาคหนึ่งเป็นขี้ผึ้งขาว ปิดแก้มองดูม์ แสบร้อนให้เย็น
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions