คนอึดตายยาก...เหล่าคนดวงแข็งแบบแปลกๆ บนโลกนี้

คนอึดตายยาก...เหล่าคนดวงแข็งแบบแปลกๆ บนโลกนี้

เริ่มโดย etatae333, 30 มีนาคม 2018, 11:58:49

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

คนอึดตายยาก...เหล่าคนดวงแข็งแบบแปลกๆ บนโลกนี้

บางครั้งชีวิตของคนๆ หนึ่งก็มีเรื่องแปลกประหลาดมากมาย พวกเขาได้ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายของประวัติศาสตร์
บางเหตุการณ์ที่มีน่าเกิดขึ้น เกิดแล้วไม่น่าจะมีทางรอด แต่กระนั้นบุคคลทั้ง 7 คนในรายการต่อไปนี้สามารถ
รอดตายมาได้ และนี้คือ 7 บุคคลโชคร้ายของโลก



7.Jason and Jenny Cairns-Lawrence
 


เจสันและเจนนี่ แคนส์-ลอว์เรนซ์ เป็นสามี-ภรรยาคู่นี้ เป็นนักท่องเที่ยวที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อการร้ายบ่อยที่สุดในโลก
ซึ่งถือว่าเป็นคู่มหัศจรรย์ที่พบเจอเรื่องหวาดกลัวเหล่านี้ทั้งๆ ที่ทั้งคู่อยู่ในเมือง และแต่ล่ะเหตุการณ์ล้วนโด่งดัง
โดยเริ่มจาก เหตุการณ์ วันที่ 11 กันยายน 2001 ซึ่งตอนนี้ทั้งคู่อยู่ในระหว่างไปเที่ยวพักผ่อนวันหยุดที่นิวยอร์ค
เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 3,000 คน


อีกสี่ปีต่อมาพวกเขากำลังสัญจรไปรอบๆ ในรถบัสในกรุงลอนดอน เมื่อ 7 กรกฎาคม 2005 และอยู่ในเหตุการณ์
สี่ผู้ก่อการร้ายใช้ระเบิดฆ่าตัวตายด้วยการระเบิดรถไฟใต้ดินและรถโดยสาร ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถูกยกให้เป็น
การก่อการร้ายที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ และเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 52 คน



เรื่องยังไม่จบ เมื่อ 26 พฤศจิกายนพวกเขาทั้งคู่อนู่มุมไบในประเทศอินเดีย และทั้งคู่ก็อยู่ในเหตุการณ์ก่อการร้าย
ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อผู้ก่อการร้ายมุสลินหัวรุนแรงใช้ปืนยิงกราดและระเบิดหลายหน เหตุการณ์ดังกล่าว
มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน




6. Violet Jessop
   
ไวโอเลต เจซซอป(2 ตุลาคม 1887 – 5 พฤษภาคม 1971)เป็นพนักงานเสิร์ฟและพยาบาลบนเรือขนส่ง
ที่สามารถรอดชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่มสามครั้ง และหนึ่งในนั้นมีเรือไททานิกรวมอยู่ด้วย




ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเออายุ 26 ตอนนั้นเธอทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ บนเรือโอลิมปิก(RMS Olympic)
เรือดังกล่าวเป็นเรือพลเรือนสุดหรูที่ใหญ่ที่สุดในเวลานั้นเพราะมันยาวกว่าเรืออื่นๆ(พี่ใหญ่ไททานิคเลยทีเดียว) 
แต่แล้วตำนานของเธอก็เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 20 กันยายน 1911 เมื่อเรือโอลิมปิกดันไปชนกับเรือรบอังกฤษฮอว์ค
(HMS Hawke) แต่เหตุการณ์นั้นไม่ค่อยรุนแรงนักอย่างมากก็แค่น้ำท่วมบนเรือและใบพัดบิดงอเท่านั้นเอง

หลังจากนั้นนางไวโอเลตก็ตัดสินใจมาเป็นพนักงานเสิร์ฟอีกครั้ง บนเรือแห่งประวัติศาสตร์ไททานิก(RMS Titanic)
และถ้าผมจำไม่ผิดเธอปรากฏในภาพยนตร์ไททานิกด้วย จนกระทั้งเรือล่มเมื่อวันที่ 14 เมษายน 1912
เวลา 23:40 น. เรือก็ชนกับภูเขาน้ำแข็งและเรือก็ล่ม ตอนนั้นเธอก็พยายามหนีตายเหมือนคนอื่น และเธอถูกสั่งให้
ขึ้นบนด่านฟ้าเพราะเธอพนักงานที่พูดได้หลายภาษาที่สามารถควบคุมความวุ่นวายบนเรือได้ดี และเธอก็รอดชีวิต
จากการลงเรือชูชีพพร้อมกับเด็กทารกที่ไม่รู้เป็นลูกของใครบนอ้อมอกของเธอ

แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือกันตัน เอ็ดเวิร์ด เจ. สมิธ กัปตันไททานิกที่เธอทำงานอยู่ก็เป็นกัปดันคนเดิมจากเรือ
โอลิมปิกด้วย นับว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่หาได้ยากที่บุคคลหนึ่งอยู่ในอุบัติเหตุเรือล่ม 2 ครั้งโดยมีกัปตันคนเดียวกัน


เรื่องราวของเธอยังไม่จบ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เธอได้รับหน้าที่เป็นพยาบาลที่สภากาชาดอังกฤษ ในปี 1916
และได้อยู่ในคณะบนเรือบริทานิค (His Majesty's Hospital Ship Britannic) แต่แล้วเรือก็แล่นเข้าไปใน
ดงทุ่นระเบิด และจมลงอย่างรวดเร็ว ส่วนเธอกระโดดลงในน้ำเพราะเรือชูชีพอยู่ไกลเกินไป จนหัวของเธอกระแทก
กับกระดูกงูเรือจนเกือบตาย แต่ก็รอดมาด้วยก่อที่จะถูกเรือชูชีพช่วยเหลือ

หลังจากที่เธอรอดชีวิต เธอยังคงทำงานบนเรือเดินทะเลต่อไป จนกระทั้งเกษียณตนเองและเสียชีวิตในปี 1971
ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว




5. Robert Todd Lincoln
 
โรเบิร์ตทอดด์ ลินคอล์น (1 สิงหาคม 1843 -- 26 กรกฎาคม 1926)เป็น ชาวอเมริกัน ทนายความและ
เสนาธิการทหาร และบุตรชายคนแรกของ ประธานาธิบดี อับราฮัมลินคอล์น และ แมรี่ทอดด์ลินคอล์น
และเขาเป็นเพียงลูกคนเดียวในจำนวนสี่พี่น้องของลินคอล์นที่รอดชีวิตจนอายุเกินวัยรุ่น หลังจากนั้นเขา
ก็กลายเป็นพยานประวัติศาสตร์ที่เห็นการลอบสังหารของสามประธานาธิบดีที่แตกต่างกัน




เริ่มจากพ่อของเขา ประธานาธิบดีลินคอล์น ตอนนั้นโรเบิร์ต อายุ 21 ปี เขาต้องสูญเสียพ่อ ต่อหน้าต่อตา
จากเขาก็พาตัวเองเข้าสู่เส้นทางการเมืองโดยได้รับเลือกให้เป็น เสนาธิการทหาร ในตอนนั้น เจมส์ เอ. การ์ฟิล์ด
เป็นประธานาธิปดีสหรัฐฯ จนกระทั้งปี 1881 หลังจากเขาเข้ารับงานใหม่ได้เพียง 4 เดือน ประธานาธิบดีการ์ฟิล์ด
ชวนให้เขาไปเที่ยวที่นิวเจอร์ซี่ย์ และก่อนที่ทั้งคู่จะได้ก้าวเท้าขึ้นรถไฟ การ์ฟิล์ดถูกยิงร่วงลงไปกองกับพื้น
โชคดีที่มีคนช่วยเขาไว้ทันเลยรอดตาย

จากนั้น 20 ปีไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นเลย จนกระทั่ง เขาได้รับเชิญจากประธานาธิบดีวิลเลี่ยม แม็คกินลีย์ ที่เพิ่ง
ได้รับเลือก ซึ่งเขากลับมาดำรงตำแหน่งเป็นรอบที่ 2 ผลคือ ในระหว่างประธานาธิบดีกล่าวปาฐคถาก็มี
คนยิงเขา 2 นัด เขาบาดเจ็บหนัก 8 วันและหลังจากนั้นก็เสียชีวิตลง แม้ลินคอล์นไม่ได้เห็นเหตุการณ์เสียทีเดียว
แต่เขาอยู่ในห้องนั้น และได้ยินเสียงปืน

และด้วยความรู้สึกดังกล่าวนี้เองทำให้เขาปฏิเสธคำเชิญจากประธานาธิบดีทุกคน ให้มาดำรงตำแหน่ง
นับจากวันนั้นเป็นต้นมา





4. Ann Hodges
 
แอน ฮ็อด์จ เป็นมนุษย์คนเดียวในโลกที่ได้รับบาดเจ็บจากอุกกาบาตพุ่งชน เมื่อปี  1954 โดยหินดังกล่าว
มีน้ำหนักถึง 4 กิโล โดนมันพุ่งทะลุฝ้ามาปาดสะโพกของเธอ!


แอน ฮ็อด์จ มีชื่อเต็มว่า แอน อลิซาเบธ ฮ็อด์จ (1923-1972) เป็นชาวเมืองซิลาคอกา มลรัฐอลาบาม่า
สหรัฐอเมริกา เหตูการณ์ประวัติศาสตร์เกิดกับเธอเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1954 ในเวลาบ่ายเมื่อเธอ
กำลังงีบพักผ่อนอยู่บนโซฟา เกิดมีลูกอุกาบาตลุกเป็นไฟพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ก่อนจะแตกออกเป็น 3 ชิ้น
และ 1 ใน 3  ขนาดเท่าส้มโอ (หนัก 4 กิโลกรัม) ทะลุหลังคาบ้านของเธอ ลงบนคอนโซลวางวิทยุที่ทำด้วยไม้
และกระเด็นมาโดนแขนและสะโพกของเธอ ทำให้เป็นบาดแผลฉีกขาด



ระหว่างที่พุ่งสู่พื้น อุกาบาตนี้ลุกเป็นไฟจนสามารถมองเห็นได้ในสามรัฐใกล้เคียง และเนื่องจากเป็นครั้งแรก
เท่าที่มีการบันทึกมา ถึงการได้รับบาดเจ็บจากอุกาบาต ทำให้ข่าวนี้ได้รับการตีพิมพ์ไปทั่วโลก


แต่เรื่องราววุ่นวายยังไม่จบ เมื่อกองทัพอากาศสหรัฐ ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์มาเก็บอุกาบาตลูกนี้ไป แต่สามีของ
แอน ฮ็อด์จ ได้จ้างทนายต่อสู้ในชั้นศาลจนได้อุกาบาตลูกนี้กลับคืนมา แม้แต่เจ้าของบ้านที่แอน ฮ็อด์จ ก็อ้าง
กรรมสิทธิเหนืออุกาบาตนี้ เพราะต้องการที่จะขายเพื่อนำเงินมาซ่อมบ้าน มีการตั้งราคาขายไว้ที่ 5000 เหรียญสหรัฐ
(ในขณะนั้น) แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปเป็นปี ความสนใจต่อเรื่องนี้ก็จางหายไป ครอบครัว แอน ฮ็อด์จไม่สามาร
ถขายอุกาบาตรก้อนนี้ได้สำเร็จ

แอน ฮ็อด์จ รู้สึกอึดอัดกับ การตกเป็นข่าวต่อสาธารณชนและต่อปัญหาขัดแย้งเรื่องกรรมสิทธิ์ของอุกาบาต
เธอตัดสินใจบริจาคอุกาบาตรให้กับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติรัฐอลาบม่า ทุกวันนี้มันถูกจัดแสดงแก่
ประชาชนทั่วไปที่มหาลัยอลาบม่า





3. Roy Sullivan
 
จากสถิตโอกาสที่มนุษย์จะมีโอกาสถูกฟ้าผ่าได้สองครั้ง(ในวันและเวลาที่แตกต่างกัน) แต่กระนั้นก็มีมนุษย์บางคน
(และคนเดียวในโลก)ที่ถูกฟ้าผ่าเจ็ดครั้ง!! (นักคณิตศาสตร์ประเมินความเป็นไปได้ที่คนคนหนึ่งจะถูกฟ้าผ่า 7 ครั้ง
มีโอกาสเพียงแค่ 1 ใน 16,000,000,000,000,000,000,000,000 (16 ตามด้วยศูนย์ 24 ตัว)




รอย ซัลลิแวน (7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1912 — 28 กันยายน ค.ศ. 1983) เป็นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติชาวอเมริกัน
ประจำอุทยานแห่งชาติเชนันโดอาห์ในรัฐเวอร์จิเนีย ช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1942 ถึง 1977 โดยที่ซัลลิแวนได้เคย
ถูกฟ้าผ่ามาแล้วถึงเจ็ดครั้งในช่วงเวลาที่ต่างกัน ซึ่งสามารถรอดชีวิตมาจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้ทุกครั้ง ด้วยเหตุนี้
เขาจึงได้รับฉายา "มนุษย์สายล่อฟ้า" เขาได้รับการยอมรับในบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ในฐานะที่เคยได้รับอุบัติเหตุ
จากฟ้าผ่ามากกว่ามนุษย์คนอื่น ๆ ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งเขาถูกฟ้าผ่าเจ็ดครั้งในวันและเวลาที่แตกต่างกันต่อไปนี้

ปี 1942 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าครั้งแรกระหว่างประจำการอยู่บนหอคอยระฆังระวังไฟป่า
สายฟ้าฟาดลงมาที่ปลายเท้า ผลลัพธ์คือเล็บหัวแม่โป้งเท้าหลุด

ปี 1969 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 2 ระหว่างที่กำลังขับรถลงเขา ความแรงของกระแสไฟฟ้า
ทำให้เขาหมดสติและเผาขนคิ้วจนไหม้เกรียม

ปี 1970 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 3 ระหว่างนั่งอยู่บนสนามหญ้า ทำให้ไหล่ซ้ายเป็นแผลไหม้

ปี 1972 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 4 ระหว่างที่เขาอยู่ในที่ทำการอุทยานฯ คราวนี้เขาเสียเส้นผม
หลังจากถูกฟ้าผ่ามาแล้ว 4 ครั้ง รอยคิดว่าเขาต้องไม่ประมาท นับตั้งแต่นั้นมา เขาพกกระติกน้ำ
ติดตัวตลอดเวลาเพื่อเอาไว้ดับไฟ

วันที่ 7 สิงหาคม 1973 ขณะที่ขับรถอยู่นั้น ฟ้าผ่าก็ฟาดลงกลางศีรษะของรอยอย่างแรงจนเขากระเด็น
ออกมานอกรถ และเป็นอีกครั้งที่เขาต้องเสียเส้นผม

วันที่ 5 มิถุนายน 1976 ซัลลิแวนเห็นก้อนเมฆลอยตามเขาเหมือนจงใจ รอยเดาได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา
จึงพยายามวิ่งหนีแต่ก็ไม่พ้น เขาถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 6 ตรงบริเวณลานตั้งแคมป์

วันที่ 25 มิถุนายน 1977 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 7 ระหว่างที่กำลังนั่งตกปลา คราวนี้ค่อนข้างจะโดนหนักหน่อย
เขาถูกหามส่งโรงพยาบาลเพราะหน้าอกและท้องเป็นแผลไฟลวก

แต่การรอดชีวิตจากฟ้าผ่านั้นมันไม่ดีเสียเลย เมื่อผู้คนต่างพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่อยู่ใกล้กับซัลลิแวน ในช่วงหลัง
อันเนื่องมาจากการกลัวถูกฟ้าผ่า และนี่จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียใจสำหรับเขา ครั้งหนึ่งเขาได้เคยกล่าวไว้ว่า

"เช่น เมื่อผมเดินไปกับหัวหน้าพิทักษ์ป่าในวันหนึ่ง ได้มีฟ้าผ่าลงมา หัวหน้าได้กล่าวว่า
ผมจะขอไปหาคุณในภายหลังก็แล้วกัน"




ในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 1983 ซัลลิแวนได้เสียชีวิตลงในวัย 71 ปี ด้วยการยิงตัวเองเข้าที่ช่องท้อง
หมวกเจ้าหน้าที่สองใบของเขาได้รับการจัดแสดงในกินเนสส์เวิลด์เอ็กฮิบิทฮอลในนครนิวยอร์กและ
รัฐเซาท์แคโรไลนา





2. Jeanne Rogers



จีนน์ โรเจอร์ อาจเป็นผู้หญิงชาวอเมริกาที่โชคร้ายที่สุดในโลกที่เรื่องราวของเธอเต็มไปด้วยความโชคร้ายเล็กๆ น้อยๆ
ไปจนถึงเกือบเอาชีวิตไม่รอด เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เคยถูกยิง ถูกขโมยเงิน ถูกรัดคอ ถูกฟ้าผ่า(2 ครั้ง)
ตกลงไปท่อระบายน้ำ เกือบจมน้ำตายเพราะเมื่อแต่ถอยหลังเพื่อถ่ายรูปเพื่อน


แต่ที่แปลกที่สุดคือครั้งหนึ่งในขณะเดินเล่มดันจู่ๆ ก็มีค้างคาวติดบนหัวของเธอ เธอเลยขอคนมาช่วยเหลือ
แต่กลายเป็นว่าทุกคนที่เห็นเธอต่างตกใจตะโกนลั่น ทำให้ค้างคาวตกใจและข่วนหน้าเธอแถมยังฉี่ใส่หัวเธออีก

แต่กระนั้นเธอยังบอกว่าเธอไม่ได้คิดว่าเธอถูกสาปแช่ง เธอยังคิดว่ามีเทวดาอยู่บนไหล่ของเธอด้วยซ้ำไป




1.Tsutomu Yamaguchi
   
สึโตมุ ยามางูชิ(16 มีนาคม 1916 – 4 มกราคม 2010) เป็นวิศวกรของบริษัทอุตสาหกรรมหนักมิตซูบิชิ ชาวญี่ปุ่น
ที่รอดชีวิตจากฮิโรชิมาและนางาซากิจากเหตุการณ์นิวเคลียร์ถล่ม ในช่วงสงครามโ,กครั้งที่ 2 แม้ว่าเขาจะเป็นคน
ในจำนวน 160 ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดสองครั้ง แต่เขาเป็นคนเดียวที่ได้รับยอมรับจากรัฐบาลญี่ปุ่นว่า
เป็นผู้รอดชีวิตดังกล่าว




เช้าตรู่วันที่ 6 สิงหาคม 1945  ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง ตอนนั้นสึโตมุกำลังเดินเล่นยามเช้าที่สงบเงียบ
ที่เมืองฮิโรชิ เหมือนปกติทุกครั้ง จนกระทั้งเวลา 08.15 น.ทันทีที่ เขาก้าวลงจากรถราง เขาก็อยู่ในเหตุการณ์ระเบิด
นิวเคลียร์ถล่มเมือง ซึ่งห่างจากเขาไปไม่ถึง 3 กิโลเมตร   เขาได้รับบาดเจ็บ  แก้วหูฉีกขาด นัยน์ตาบอดชั่วคราว
ร่างกายท่อนบนซีกซ้ายถูกไฟเผา แต่ความเสียหายต่อร่างกายของเขายังน้อยกว่า 140,000 ชีวิตซึ่งสูญสิ้นไป
พร้อมกับฮิโรชิมาที่ราบเป็นหน้ากลองในพริบตา ทิ้งอีกหลายหมื่นชีวิตทุกข์ทรมานด้วยพิษระเบิด เขารอดชีวิตมาได้
เนื่องจากอยู่ห่างจากจุดที่ระเบิดลงสามกิโลเมตร

ผ่านหนึ่งคืนที่ฮิโรชิมา วันถัดสึโตมุก็ตัดสินเดินทางจากเมืองฮิโรชิม่ากลับบ้านเกิดที่นางาซากิ เขาถึงบ้านในวันที่
8 สิงหาคม และแน่นอนที่นางาซากิเขาก็เจอระเบิดนิวเคลียร์อีกรอบ ระเบิดครั้งนี้ทำลายนางาซากิก็พินาศย้ายยับ
70,000 ชีวิตตายอย่างอนาถ โดยเวลานั้นเขาอยู่ห่างจากจุดที่ระเบิดลงสามกิโลเมตร เขารอดชีวิตแต่กระนั้น
เขาก็เป็นโรคมะเร็งร้ายจากกัมมันตภาพรังสีครั้งนี้ และตลอดชีวิตที่เหลือ เขาเป็นผู้ที่ต่อต้านระเบิดปรมาณู เขากล่าวว่า

"ผมไม่อาจเข้าใจว่าทำไมโลกไม่สามารถเข้าใจความหายนะของระเบิดปรมาณู
ทำไมพวกเขายังพัฒนาอาวุธร้ายเหล่านี้อีกไม่หยุดยั้ง?"


สึโตมุ ยามางูชิเสียชีวิตจากโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2010 รวมอายุ 93 ปี
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่