เจ้าแม่มาจู่ (妈祖) เทพเจ้าแห่งท้องทะเล

เจ้าแม่มาจู่ (妈祖) เทพเจ้าแห่งท้องทะเล

เริ่มโดย etatae333, 03 สิงหาคม 2018, 12:01:56

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

เจ้าแม่มาจู่ (妈祖) เทพเจ้าแห่งท้องทะเล



เจ้าแม่มาจู่ ทุกคนคงไม่ค่อยรู้จักเจ้าแม่พระองค์มากนัก แต่หากบอกว่า "เจ้าแม่ทับทิม" หลายๆคนคงพอรู้จักกันแน่
เพราะเราก็รู้จักพระองค์กันมานานมาก ยิ่งในจังหวัดแถบภาคกลางที่ติดแม่น้ำก็จะมีศาลเจ้าแม่ทับทิมตั้งอยู่เป็นที่
สักการะแก่ผู้ึคนที่พักอาศัยในแถบแม่น้ำลำคลอง


ชาวฮกเกี้ยนเชื่อว่าเจ้าแม่มาจู่เป็นเทพธิดาแห่งท้องทะเลที่คอยปกป้องคุ้มครองผู้คนที่สัญจรไปมาทางเรือ ดังนั้น
จึงเป็นเทพที่ชาวประมง นักเดินเรือ และพ่อค้าวาณิชให้ความเคารพศรัทธาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในภูมิภาค
แถบชายฝั่งทะเลทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีนอย่างมณฑลฝูเจี้ยน (ฮกเกี้ยน) และมณฑลก่วงตง (กวางตุ้ง)
รวมไปถึงในไต้หวัน ฮ่องกง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับปฎิหาริย์ของเธอจากผู้รอดชีวิตจากพายุกลางทะเล บ้างว่าเห็นเป็นนิมิตเทพธิดาชุดแดง
มาช่วยเตือนให้พวกเขาหนีพายุได้ทัน  บ้างก็ว่าเธอมาช่วยชีวิตของพวกเขาหลังเจอพายุโหดกลางทะเลเลยก็มี
บางตำนานว่าเธอว่ายน้ำข้ามทะเลไปช่วยคนที่เรืออับปางได้เป็นจำนวนมาก

เจ้าแม่มาจู่ แต่เดิมก็เป็นคนธรรมดาชื่อ หลิน มั่วเหนียง เกิดแถวๆเมืองปูเตีย ปัจจุบันก็อยู่มณฑลฟูเจี้ยน แถวๆช่องแคบไต้หวัน
มีชีวิตอยู่ระหว่างปี ค.ศ. 900-987 (ข้อมูลบางแหล่งบอกว่าเกิดปี 960) แต่ได้กลายเป็นเทพธิดาเมื่อได้เสียชีวิตลง
เพราะอานิสงฆ์แห่งคุณงามความดีที่เธอได้ช่วยเหลือชาวเรือและชาวประมงเป็นจำนวนมาก




ความจริงแล้วเจ้าแม่มาจู่กับเจ้าแม่ทับทิมเป็นคนละองค์กัน แต่คนไทยดันจับเทพทั้งสององค์นี้มารวมกัน เพราะคิดว่า
เป็นองค์เดียวกัน ซึ่งเมืองไทยบ้านเรามีความเชื่อว่าสายน้ำในแม่น้ำลำคลองนั้น เป็นทั้งที่ทำมาหากินและที่อยู่
(ชาวน้ำมักอาศัยบนเรือนแพ) และคนไทยโบราณเชื่อว่าน้ำถึงจะให้ทั้งที่อยู่ที่กินก็จริง แต่มันก็มีความอันตรายต่างๆ เช่น
จระเข้ หรือ ภูตผีปีศาจ คนไทยในสมัยนั้นจึงเกิดความกลัวในพลังอำนาจอันเร้นลับของสายน้ำ จนตั้งเคารพเทพยดา
พื้นเมืองที่เป็นเทพธิดาปกป้องสายน้ำนั้นก็คือ เจ้าแม่ทับทิม


แต่คงเป็นเพราะชาวจีนที่อพยพมาประเทศไทยในอดีต เจ้าแม่มาจู่ ซึ่งเป็นเทพทางจีนและยังเป็นเทพผู้พิทักษ์รักษา
เหล่าชาวประมง และนักเดินทางในทะเลเช่นเดียวกับเจ้าแม่ทับทิม ที่คุ้มครองชาวประมงและผู้ที่สัญจรในแม่น้ำ ลำคลอง
แต่เจ้าแม่มาจู่เป็นเทพธิดาผู้พิทักษ์ท้องทะเล พระองค์ทรงมีเทวตำนานเีรื่องเล่าว่า เจ้าแม่มาจู่คือมนุษย์ปุถุชนธรรมดา
เป็นชาวมณฑลฮกเกี้ยน อำเภอเหมยโจว ตำบลผูเถียน มีชีวิตอยู่จริงในช่วงราว ค.ศ.960-987และได้ประกอบคุณงาม
ความดีจนถึงยกย่องให้เป็นเทพเจ้า ตามตำนานก็อยู่ว่า



ท่านเกิด คือ ท่านเป็นบุตรสาวคนที่ 6 ของเศรษฐีที่ชอบทำบุญทำทาน(บางตำนานว่าเป็นบุตรสาวในครอบครัวชาวประมง)
ด้วยเศรษฐีอยากได้ลูกชายสืบสกุล เลยไปขอพระโพธิสัตว์กวนอิม แต่เศรษฐีไม่มีบุญที่จะได้ลูกชาย ถึงจะได้บุตรชายก็เป็น
คนสุขภาพไม่แข็งแรง พระโพธิสัตว์กวนอิมทรงเมตตาท่านเลเห็นว่าท่านเศรษฐีไม่มีบุญวาสนาจะได้บุตรชาย พระองค์เลย
ประทานบุตรสาวที่มีบุญบารมีมาให้แทน โดยพระองค์ทรงมาปรากฏในความฝันของฮููหยินท่านเศรษฐี


พระโพธิสัตว์ทรงเสด็จมาภายในห้องฮูหยินก้มลงกราบด้วยความเคารพ พระโพธิสัตว์กวนอิมทรงมอบดอกไม้ดอกหนึ่งแก่ฮูหยิน
และฮูหยินรับดอกไม้นั้นไว้และกลืนกินดอกไม้นั้นลงไปในท้อง พอตื่นขึ้นจากความฝันจึงบอกเล่าแก่ท่านเศรษฐี ทั้งครอบครัว
ก็ปิติยินดีเป็นอันมาก หลายวันต่อมาฮูหยินก็ตั้งครรภ์ ทุกคนตั้งตารอเด็กน้อยที่จะเกิดขึ้นมาว่าจะต้องเป็นเด็กชายเป็นแน่ 
เวลาผ่านไปเป็นเวลา 14 เดือน ฮูหยินให้กำเนิดเด็กน้อยในขณะที่คลอดนั้นบังเกิดเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้นคือ บังเกิดมีกลิ่นหอม
ของดอกไม้หอมกระจายไปทั้ว ผู้คนได้กลิ่นไปทั่ว(เป็นสัญญาณแสดงถึงผู้มีบุญมาเกิด)



และแล้วเด็กน้อยก็ถือกำเนิด แต่ทุกคนกลับผิดหวังเพราะเด็กที่เกิดมานั้นเป็นเด็กหญิง แต่เด็กน้อยเกิดขึ้นลืมตาดูโลกกลับ
ไม่มีเสียงร้องเลย ผิดเด็กทารกปกติทั่วไป เศรษฐีจึงตั้งชื่อให้บุตรสาวน้อยว่า "มั่ว" (แปลว่าเงียบ) แต่ชาวบ้านทั่วไปมัก
เรียกว่า "มั่วเหนียง"


พอมั่วเหนียงอายุได้ 5 ขวบก็สามารถสวดมนต์บูชาพระโพธิสัตว์กวนอิมได้ แล้วยังทานอาหารเจตั้งแต่ยังเล็ก ทานอาหาร
ที่ปรุงแต่งด้วยเนื้อสัตว์ไม่ได้และอาหารที่รสชาติจัด และบางตำนานกล่าวว่า มั่วเหนียงมีวาสนากับพระพุทธศาสนา กล่าวกันว่า
พอมั่วเหนียงยังแบเบาะ พอนางเห็นพระพุทธรูปก็จะยกพนมมือน้อยๆขึ้นเป็นรูปดอกบัวตูมสวยงาม ทำเองโดยไม่มีผู้ใดสอน
เป็นเหตุอัศจรรย์นั้น และยิ่งมีพลังพิเศษกว่าคนทั่วไป

โดยเล่าว่ามีนักพรตมอบยันต์วิเศษในกับมั่วเหนียงตั้งแต่อายุได้ 16 ปี มั่วเหนียงจึงมีความสามารถพยากรณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าได้
ทำนายพยากรณ์อากาศได้อย่างแม่นยำ ชาวประมงเวลาจะออกเรือหา่ปลาก็จะมาขอคำแนะนำจากมั่วเหนียงเสียก่อน และบางครั้ง
มีความสามารถถอดกายทิพย์ไปช่วยชาวประมงที่เกิดพายุได้ ความสามารถในการรักษาให้หายได้ ซึ่งมีเรื่องเล่าว่า  ถ้ามารักษา
กับท่านไม่กี่วันหายเป็นปกติโดยไม่คิดค่ารักษา ในตำนานกล่าวว่ามั่วเหนียงรักษาผู้คนได้หายขาดสารพัดเพราะคัมภีร์ไร้อักษร
ที่ไท่เสียงเหล่ากุนประทานให้
(ไท่เสียงเหล่ากุนปรากฏในทุกเรื่องจริงๆ)



บางตำนานว่าท่านออกเดินทางไปตามหาโสมคน ซึ่งเป็นสุดยอดยาวิเศษเพื่อจะมารักษาคน โดยระหว่างทางท่านพบชาวบ้าน
ที่เกิดทุกข์เรื่องปีศาจอาละวาด ท่านจึงรับอาสาปราบปีศาจและสำเร็จ ซึ่งปีศาจสองตนนี้มีความสามารถพิเศษคือ มีหูทิพย์กับ
ตาทิพย์ ปีศาจสองตนไม่สามารถทำอะไรท่านได้เลยขอเป็นศิษย์และขอติดตามไปทุกที่เท่ากับเป็นองครักษ์พิทักษ์ท่านเลยทีเดียว


ต่อมาเกิดเหตุฝนฟ้าแล้งท่านก็มาทำพิธีให้ แต่เทพเจ้าประจำฝนคีอ เทพฝน เทพลม เทพฟ้าแลบ เทพฟ้าร้อง บอกว่าไม่สามารถ
จะให้ฝนตกที่นี้ได้ เพราะที่นี้มีปีศาจอยู่ คือว่าท่านต้องปราบมันเสีย ท่านเลยปราบมันแต่เจ้าปีศาจตนนี้เป็นญาติกับเจ้ามังกร
เจ้ามังกรโกรธจึงทำให้น้ำท่วม เจ้าแม่ท่านเลยปราบมังกรตนนั้นได้ และความสงบสุขก็กลับมาอีกครั้ง ชาวบ้านพากันเคารพ
ท่านดั่งเซียน



ตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งมั่วเหนียงกำลังนั่งเย็บผ้าอยู่นั้นก็บังเกิดทราบด้วยญาณวิเศษว่า บิดาและผู้ชายกำลังตกอยู่ในอันตราย
เพราะเกิดมรสุมในทะเลทำให้เรือจม มั่วเหนียงจึงถอดกายทิพย์ไปช่วยบิดากับพี่ชาย แต่แล้วฮูหยินซึ่งเป็นมารดามาเห็น
มั่วเหนียงนิ่งไป ก็ตกใจคิดว่ามั่วเหนียงจะเป็นโรคลมชักจึงเข้าเขย่าตัวให้มั่วเหนียงรู้สึกตัว แต่แล้วพอมั่วเหนียงตื่นขึ้น
นางร้องไห้ใหญ่อย่างเจ็บใจ นางไม่สามารถจะช่วยพี่ชายของนางเองได้เพราะฮูหยินมาปลุก


ตอนแรกฮูหยินไม่เข้าใจมั่วเหนียง แต่พอท่านเศรษฐีกลับมาก็ปรากฏว่าบุตรชายเสียชีวิตในทะเล ฮูหยินถึงกลับเข่าอ่อน
และเสียใจที่ตนเองทำผิดไปกับมั่วเหนียง มีลูกเรือเล่าว่าเห็นหญิงสาวปรากฏกายขึ้นกลางอากาศและนางก็ห้ามพายุห้าม
ลมห้ามฝน จากนั้นก็กลับคืนสู่ภาวะปกติ และนางก็เข้าช่วยเศรษฐีและลูกเรืออุ้มเข้าชายฝั่ง แต่นางกลับช่วยบุตรชาย
ท่านเศรษฐีไม่ได้ หญิงสาวคนนั้นก็คือ กายทิพย์ของมั่วเหนียงนั้นเอง   



บางตำนานกล่าวว่า เศรษฐีผู้เป็นบิดาของท่านต้องเดินทางไปรับราชการที่เมืองหลวงซึ่งต้องนั่งเรือสำเภาไป แต่เกิดมรสุม
มั่วเหนียงท่านพยากรณ์ด้วยลางสังหรณ์ว่าท่านพ่อจะหมดอายุขัย ด้วยความกตัญญูของมั่วเหนียงจึงเดินทางไปยังทะเล
หมายจะห้าม แต่เรือไม่ให้ออกเรือ แต่แล้วมรสุมเกิดพักเข้าเรือล่มในทะเล มั่วเหนียงเลยลุกลงทะเลไปนำร่างของท่านพ่อ
ขึ้นมาจากทะเล แต่ท่านพ่อหมดลมแล้ว เจ้าแม่จึงขอต่อรองกับสวรรค์ว่า

" ข้าแต่สวรรค์ข้าขอสละอายุขัยที่เหลืออยู่ในแก่ท่านพ่อของข้า ขอสวรรค์โปรดเมตตา "

จากนั้นท่านพ่อของมั่วเหนียงก็ฟื้นขึ้นจากความตาย ทันใดนั้นก็ปรากฏแสงรัศมีที่ขอบฟ้าขบวนเทพยดาและนางฟ้าลงมา
จากสวรรค์ โดยในมือของนางฟ้าแต่ละนางเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวยงามและเครื่องประดับที่งามยิ่งกว่าเครื่องประดับใดในโลก
นางฟ้าองค์แรกกล่าวว่า

" พระแม่แห่้งสวรรค์ต้องการให้ท่านเป็นเซียน เพราะท่านสละอายุขัยให้ผู้เป็ยบิดา พระแม่แห่งสวรรค์เมตตา
จึงให้พวกข้าพเจ้ามารับท่านขึ้นสวรรค์ "


มั่วเหนียงจะเศร้าก็ใช่การเพราะการเป็นเซียนคือสิ่งที่ปรารถนา แต่การอยู่รับใช้ครอบครัวก็เป็นสิ่งที่ต้องการยิ่ง แต่ท่านเลือก
การเป็นเซียนเพราะท่านหมดอายุขัยบนโลกแล้ว ท่านทรงเครื่องที่นางฟ้านำมา นางฟ้าองค์หนึ่งกล่าวว่า

" องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ประมุข ทรงแต่งตั้งให้ท่าน เป็นเซียนด้วยคุณงามความดีที่ทำมาจึงให้ดำรงตำแหน่งเป็น
เจ้าแม่มาจู่ หรือ เจ้าแม่สวรรค์ และสถิตเป็นเทพพิทักษ์ผู้คนที่สัญจรไปในทะเล และชาวประมง ท่านโปรดรับเทวบัญชา "




ตามตำนานกล่าวว่า มั่วเหนียงสละอายุขัยของตนในตอนนั้นมีอายุเพียง 28 ปีเท่านั้น จากนั้นเป็นต้นมาเจ้าแม่มาจู่จึงเป็น
เจ้าแม่แห่งทะเลอีกด้วย คอยดูแลผู้คนที่สัญจรและทำการประมงในทะเล ชาวบ้านก็พากันไปสร้างวัดที่เกาะเม่ยโจว
เมืองปูเตี้ยน ในมณฑลฟูเจียน ไว้บูชาเธอในนามของเจ้าแม่มาจู่ ผู้เป็นเทพแห่งท้องทะเล ตั้งแต่ปี ค.ศ. 987
วัดแห่งนี้เลยกลายเป็นวัดแห่งบรรพบุรุษของคนแถบนั้นเรื่อยมาจนปัจจุบัน


ชาวเรือทุกคนนับถือเจ้าแม่มาจู่ แม้แต่เจิ้งเหอ ขันทีนักเดินเรือที่ยิ่งใหญ่ของจีน (หรือที่คนไทยรู้จักกันในนามเจ้าพ่อซันปอกง)
ก็ต้องมาแวะเซ่นไหว้เจ้าแม่มาซุเพื่อขอความคุ้มครองการเดินเรือออกสำรวจโลกตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ด้วยเช่นกัน

นานวันเข้ามาจู่กลายเป็นลัทธิหนึ่งของจีน อยู่ในกลุ่มพุทธและเต๋า ตามประวัติแล้วมาซูตอนเป็นมนุษย์นั้นได้ศึกษา
พุทธศาสนาและลัทธิเต๋าด้วย ปัจจุบัน มีคนนับถือมาซูประมาณ 200 ล้านคน ทั้งในจีนและในหมู่คนจีนโพ้นทะเล
โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีนฮกเกี้ยนจะนับถือเจ้าแม่มาจู่กันมาก มีวัดมาจู่ 53 แห่งในสิงคโปร์ 47 แห่ง
ในมาเลเซีย สถิติทางการจีนบ่งชี้ว่า น่าจะมีวัดมาซูแบบเดียวกันนี้ 5000 แห่งใน 26 ประเทศทั่วโลก



วัดมาซู บนเกาะเม่ยโจวนั้นเป็นที่ดั้งเดิม แต่ความนิยมของวัดแห่งนี้ก็ขึ้นๆลงๆตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ตามแต่ว่า
ราชวงศ์ใดจะนับถือมากน้อยหรือทำนุบำรุงแค่ไหนด้วย จักรพรรดิของแต่ละราชวงศ์จะพากันไปสร้างรูปปั้นบ้าง อาคาร
สถานที่บ้าง จารึกบ้าง ต่อๆกันเรื่อยมา ทำให้อาณาเขตของวัดขยายออกหรือหดตัวลงได้เรื่อยๆ ในตลอดยุคสมัยที่ผ่านมา
ปัจจุบันวัดมาซูเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เปิดสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป สำหรับผู้มีศรัทธานับถือเจ้าแม่มาซูก็ไปสักการบูชาได้
ดอกไม้ธูปเทียนจุดกันได้ตามสะดวก มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้เรียบร้อย





Credit
มะเดหวีมาตา@ dek-d
khundee.com
mgronline.com
wikipedia
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่