ตีแผ่ความรางชาง “ภริยาทูตสัญชาติไทย” รับบทโดย ซิลเวีย คริสเทล

ตีแผ่ความรางชาง “ภริยาทูตสัญชาติไทย” รับบทโดย ซิลเวีย คริสเทล

เริ่มโดย etatae333, 15 มิถุนายน 2013, 09:54:34

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

ตีแผ่ความรางชาง "ภริยาทูตสัญชาติไทย" รับบทโดย ซิลเวีย คริสเทล



แววตาไร้เดียงสาของหญิงสาวอายุเพียง 22 ปี ที่เธอมีความสุขอย่างยิ่งยวดกับการเริงกามในกรุงเทพฯอย่างสุดเหวี่ยง
เรียกได้ว่า "multiple erotic" อาทิ อิ่มเอมรักบนเครื่องบิน ชนิด "Mile High" หนำซ้ำเธอมีความสุขกับการถูกกระชำเรา
ในโรงสูบฝิ่น ไปจนถึงสังเวียนนักชกที่เธอเลียเลือดที่ซึมออกมาจากหน้าผากนักมวย ทั้งหมดอาจฟังดูร้ายกาจ
อีกทั้งเธอยังมีความสัมพันธ์ทางเพศชนิด ฉ.ฉิ่งตีดัง ช.ช้างวิ่งหนี ประเทศไทยจึงได้ถูกต่างชาติขนานนามว่า "SEX LAND"


Slyvia Kristle (ซิลเวีย คริสเทล) เกิดเมื่อ 28 กันยายน ค.ศ. 1952 ในครอบครัวที่ทำธุรกิจโรงแรมในเมืองอูเทร็คท์
ประเทศเนเธอร์แลนด์ (Utrecht, Netherlands) เธอเป็นลูกสาวคนโตของครอบครัว เธอมีไอคิวสูงถึง 164 พูดได้ทั้ง
ภาษาดัช, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน และอิตาลี แต่ต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่เกรด 4 พ่อแม่แยกทางกันตอนเธออายุ
ได้เพียง 14 ปี หลังผู้เป็นพ่อออกจากบ้านเพื่อไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เป็นเหตุการณ์ที่เธอยอมรับว่าเศร้าที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว


ด้วยความที่รูปร่างหน้าตาสะสวย ทำให้เธอได้เข้าสู่วงการนางแบบในวัย 17 ปี ถึงขั้นชนะการประกวดเวที European Miss TV
ในปี 1973 และโอกาสสร้างชื่อเสียงได้มาเยือนเธอพร้อมกับ ฌุสต์ แฌ็คกิ้น ผู้กำกับชาวฝรั่งเศส ซึ่งหลงเสน่ห์เธอตั้งแต่แรกเห็น
และชักชวนไปร่วมแสดงในหนัง "Emmanuelle" ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของคริสเทลโดย นางมารยาท กระแสสินธุ์
(ภรรยาเชื้อชาติและสัญชาติไทยของทูตฝรั่งเศส ที่แต่งงานตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี และได้นำประสบการณ์ทางเพศอันผาดโผน
สุดเหวี่ยงของตน มาเขียนเป็นนิยายอีโรติก จนถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์)




เรื่องเล่าถึงหญิงสาวชาวฝรั่งเศสผู้ตามหาความหมายของ Sex และความรักในประเทศไทย จากสาวไร้เดียงสาก็เริ่มอยากรู้
อยากเห็นจนมีประสบการณ์ทางเพศอย่างถึงพริกถึงขิงกับชายมากหน้าหลายตา ชื่อเสียงของคริสเทลและภาพยนตร์เรื่องนี้
เป็นที่โด่งดังทั่วโลก ผู้ที่เคยชมหนังเรื่องนี้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 350 ล้านคนทั่วโลก คริสเทลนับเป็นหญิงสาวใจกล้ามากในยุคสมัยนั้น
เธอนั่งไขว่ห้างเปลือยอกอย่างรางชางทว่าสวยสง่าบนเก้าอี้หวาย พร้อมหยิบสร้อยคอไข่มุกมาสัมผัสริมฝีปาก แสดงให้เห็นถึง
ความเป็นสาวเซ็กซี่ ซุกซน สุดเย้ายวนให้ชายหนุ่มในยุคนั้นเกิดไฟราคะเมื่อได้เห็นภาพของเธอบนแผ่นโฆษณาภาพยนตร์เรื่อง
Emmanulle ที่ติดไว้ทั่วเมือง




อีกทั้งสามารถสร้างชื่อเสียงและรายได้มหาศาลให้กับครอบครัวของตนเอง โดยผลงานภาพยนตร์ของเธอนั้นได้ถูกนำมาแสดง
ที่พระราชวังฌอง เอลิเช่ ประเทศฝรั่งเศสเป็นเวลา 13 ปี ก่อนที่ภาพยนตร์นี้จะกลายเป็นหนังภาคต่อเรื่อยมาในยุค 70's
ทั่วโลกจะรู้จักเธอในนาม

"ดาราสาวเจ้าบทบาทที่กล้าลองประสบการณ์แปลกใหม่ในความรักก่อนหน้าที่โรคเอดส์(AIDS)ระบาดในประเทศไทย"

หนังที่ใช้ทุนสร้างเพียง 5 แสนเหรียญฯ กลับสามารถทำเงินได้ถึง 100 ล้านเหรียญฯ จากการฉายซ้ำวนเวียนหลายปี
และยังขายดิบขายดีเมื่อผลิตจำหน่ายในรูปแบบโฮมวิดีโอ ถือว่าโด่งดังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก มีส่วนอย่างยิ่งที่ทำให้หนัง
แนวอีโรติกได้รับความนิยม และได้รับการยอมรับขึ้นมาในวงกว้าง แต่ทั้งหมดทั้งมวล Emmanulle ถูกมองว่าเป็นที่
ปลาบปลื้มใจของผู้ชมในปี 1974 หากแต่เป็นสมัยนี้อาจเปรียบได้กับ "Cinquante Nuances de Gris"
ที่ฝรั่งเศสสั่งแบนในตอนแรก แต่กลับเป็นหนังทำเงินสูงสุดของปีนั้น




Columbia picture ไม่รีรอที่จะเผยแพร่ Emmanulle ไปทั่วโลก ท้ายที่สุด มีผู้ชมกว่า 650 ล้านคน เสียงในตัวอย่างหนัง
บอกว่า "หนังเรื่องแรกในแนวนี้ ทำให้คุณรู้สึกดีโดยปราศจากความรู้สึกแย่" ผู้ที่ทำให้เกิดความรู้สึกดังกล่าวเป็นความรู้สึก
ที่ไม่ลามกจกเปรตก็คือ ซิลเวีย คริสเทล ที่ยั่วกิเลสตัณหาคนดูได้อย่างมีสไตล์นั่นเอง

คริสเทลมีผลงานระดับนานาชาติทั้งจอแก้วและจอเงินมากกว่า 50 เรื่อง อย่างเช่น "Lady Chatterley's Lover" ในปี 1981
หนังที่สร้างจากนิยายอีโรติคขายดีด้วยฝีมือการกำกับของ แฌ็คกิ้น และยังมีเรื่อง "Mata Hari" อีก 4 ปีต่อมา โดยเป็นเนื้อหา
เกี่ยวกับสายลับในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งแน่นอนว่าเป็นแนวอีโรติคหวือหวาอีกเช่นเคย


แม้จะเดินทางไปทำงานที่สหรัฐฯ คริสเทล ก็ยังคงต้องรับบทที่คล้าย ๆ เดิมต่อไปในหนังตลกเซ็กซี Private Lessons (1981)
ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ นิโคล มาลโล สาวใช้ผู้พยายามยั่วยวนเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ซึ่งหนังก็ประสบความสำเร็จพอสมควร เป็นหนังทำเงิน
อันดับที่ 28 ในปีนั้น และเป็นหนังอิสระที่ทำเงินมากที่สุดเรื่องหนึ่งในปี 1981 นอกจากนั้นความอื้อฉาวของเนื้อหาที่ว่าด้วย
ความสัมพันธ์ระหว่างสาว วัย 30 ปี กับหนุ่มน้อยที่เพิ่งก้าวสู่เข้าช่วงวัยรุ่น ก็ทำให้หนังกลายเป็นที่พูดถึงมากมาย ถือว่าเป็นงานที่สหรัฐฯ
ซึ่งมีอยู่ไม่มากนักของ คริสเทล ซึ่งก็มี The Nude Bomb (1980) หนังแนวสายลับเป็นงานที่ฮอลลีวูดอีกเรื่องของเธอ



ซิลเวีย คริสเทล ยังมีผลงานต่อไปอีกหลายปี จนกระทั่งมาถึงจุดสิ้นสุดกับบท Emmanulle อีกครั้งในปี 1993 ในหนังเรื่อง
Emmanuelle au 7?me ciel หรือเรียกสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า Emmanuelle 7 เป็นหนังภาค 7 ที่สร้างโดยผู้สร้างชาวฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นเธอยังรับงานแสดงต่อไป รวมถึงเคยกำกับหนังการ์ตูนอนิเมชั่น Topor and Me (2004)
ซึ่งคว้ารางวัลมาแล้ว




แม้จะประสบความสำเร็จในด้านการ แต่ชีวิตคู่แลดูจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก หลังแต่งงานกับ ฮูโก้ เคล้าส์ (สามีคนแรก)
นักประพันธ์สัญชาติเบลเยี่ยม ซึ่งอายุมากกว่าเธอถึง 23 ปี หลังจาก "Emmanuelle" เข้าฉายได้ 1 ปี จนมีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน
ในปี 1975 ปัจจุบันอายุ 37 ปี แต่ความรักของทั้งคู่ก็ไม่ราบรื่น คริสเทล เป็นฝ่ายตีจาก


ก่อนจะมาพบรักกับนักแสดงหนุ่ม เอียน แม็คเชน ระหว่างถ่ายทำหนังเรื่อง The Fifth Musketeer ในปี 1979 ซึ่งอายุมากกว่าเธอ 10 ปี
เขาได้ชักชวนคริสเทลไปใช้ชีวิตที่ฮอลลีวู้ด ในนครลอสแอนเจลีส ซึ่งที่นั่นทำให้เธอจมลงสู่โลกของสุราและยาเสพติด ในตอนที่เริ่มคบกับ
แม็คเชน ได้ 2 ปี คริสเทล ก็เริ่มใช้โคเคน ยาที่ทำให้ชีวิตของเธอเลวร้ายลงไปอีก เธออ้างในตอนนั้นคิดไปว่า โคเคน คือยาประเภท
"Super-vitamin" เป็นของที่ทันสมัยสุด ๆ และไม่มีอันตรายใด ๆ ราคาอาจจะแพงนิดหน่อย แต่ก็ตื่นเต้นกว่าการเมาเหล้าหลายเท่า
โดยเธอเคยกล่าวกับหนังสือพิมพ์ในบ้านเกิดว่า "ฉันหวังว่าฉันจะสามารถข้ามส่วนนั้นของชีวิตไปได้"



ในการให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2006 กับสารคดี Hunting Emmanuelle คริ สเทล อ้างว่าการใช้โคเคนอย่างหนัก ทำให้เธอตัดสินใจ
ผิดพลาดไปไม่น้อย รวมถึงการขายส่วนแบ่งผลประโยชน์จากหนัง Private Lessons ให้กับเอเยนต์ส่วนตัวแค่ 150,000 เหรียญฯ
ซึ่งเทียบไม่ได้เลยเมื่อหนังประสบความสำเร็จอย่างสูงทำเงินได้ถึง 26 ล้านเหรียญฯ และแล้วความรักของทั้งคู่ก็ไปไม่รอด
ครั้งหนึ่งดราสาวเจ้าบทบาท เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศถึงการใช้ชีวิตคู่ครั้งใหม่นี้ว่า

"Worst (แย่สุดๆ)"

สุดท้ายเธอกลับมาใช้ชีวิตในฮอลแลนด์หลังจากนั้นเธอแต่งงานใหม่อีก 2 ครั้ง กับนักธุรกิจชาวสหรัฐฯคนหนึ่งที่มีอายุรักเพียง 5 เดือน
และปิดท้ายด้วยการแต่งงานกับโปรดิวเซอร์ ฟิลลิปเป บล็อต และใช้ชีวิตคู่กับโปรดิวเซอร์รายการวิทยุ เฟรด เดอ วรี อีกประมาณ 10 ปี
จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ.2001

เมื่อสามีคนล่าสุดสียชีวิตลง เธอก็เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพของเธอ ก่อนจะตรวจพบว่าเป็นมะเร็งกล่องเสียงหลังจากสูบบุหรี่มาตั้งแต่
อายุ 11 ปี ต้องเข้ารับการทำเคมีบำบัดถึง 3 ครั้ง และต้องผ่าตัดหลังเนื้อร้ายลุกลามมาถึงปอด ครั้งหนึ่งเธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ด้วยอาการทางเส้นเลือดในสมอง เธอเคยกล่าวไว้กับหนังสือพิมพ์ในบ้านเกิดเมื่อปี 2005 ว่า

"ฉันไม่คาดหวังอะไรมากจากชีวิตหลังความตาย ฉันคิดว่าฉันรู้ดีว่าความเจ็บปวดคืออะไร เมื่อฉันคิดถึงช่วงบั้นปลายชีวิต
หลักๆ ฉันคิดว่าคงไม่ทำอะไร แต่ฉันทำได้มากกว่านั้น"


http://www.youtube.com/v/Cl5kA6j0-tQ


หลังจากต่อสู้มานานนับสิบปี เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2012 คริสเทลได้เสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบ ขณะกำลังนอนหลับที่บ้านพัก
ของตัวเอง (Amsterdam, Netherlands) ด้วยโรคมะเร็งปอด สิริอายุ 60 ปี บ้างถึงกับเอ่ยว่านี่คือจุดสิ้นสุดแห่งยุคสมัย
ของภาพยนตร์ฮีโรติกแบบคลาสสิก


credit :: Kittisak Kandisakunanont@hiclasssociety.com

friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่