Norse Mythology ตำนานเทพสแกนดิเนเวีย Episode 1 – บทนำ

Norse Mythology ตำนานเทพสแกนดิเนเวีย Episode 1 – บทนำ

เริ่มโดย etatae333, 23 พฤศจิกายน 2013, 11:22:13

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

Norse Mythology: Episode 1 – บทนำ
ตำนานเทพ-การเกิดโลก สงครามของชาวสแกนดิเนเวียน



ชาวเหนือที่เป็นต้นตำนานเรื่องราวของเทพเจ้าอันแสนสนุกนี้ก็คือพวกไวกิ้งนั้นเอง พวกเขาเป็นชนเผ่าเร่ร่อน
เชื้อสายเยอรมัน รักการต่อสู้ (ทั้งกับคนอื่นและในภาวะปกติก็ด้วยกันเอง) ตำนานของพวกเขามีทั้งเทพเจ้า
ซึ่งมีความตายเป็นที่ยุติ (หมายถึงตายได้ ไม่เหมือนเทพเจ้าที่เป็นอมตะของพวกโรมัน) วีรบุรุษ คนทรยศ
แม่มด คนแคระ ของและอาวุธวิเศษมากมาย ไม่ต้องแปลกใจนะครับว่า อ่านๆ ไปแล้ว ท่านอาจจะอดนึกถึงเรื่อง
วงแหวนแห่งมหันตภัย (The Lord of the Rings) และนิยายอื่นๆ ไม่ได้




แต่เห็นจะต้องบอกความเป็นมากันเสียก่อนว่า ตำนานของชาวเหนือพวกนี้ก็มาจากตำนานเทพอื่นๆ มาผสมกันบ้าง
ไม่ใช่เป็นของชาวเหนือโดยแท้ บางทีก็เป็นรูปลักษณะ บางทีก็เป็นคุณสมบัติ เช่นว่าลักษณะของรถพระอาทิตย์
ที่เห็นอยู่ในพิพิธภัณฑ์เมืองโคเปนฮาเกนก็มีรูปแบบเหมือนกับรถพระอาทิตย์ที่มาจากตะวันออก เป็นแบบที่คล้ายกับ
ความเชื่อของคนเซลท์ ลาติน สลาฟ ซึ่งนับกันว่าเป็นสาขาหนึ่งของคนอินโด-ยูโรเปียน ว่าที่จริงศาสนาของ
คนโบราณเนี่ยมันก็คล้ายกันเกือบหมดแหละ ไม่ว่าจะมาจากเปอร์เซีย กรีซหรือโรม

แล้วเรื่องราวของตำนานเทพชาวเหนือแผ่ออกไปในความเชื่อของคนในยุโรปได้อย่างไร?
อันนี้ก็ตอบได้ดังนี้



คือก่อนหน้านี้ ชาวไวกิ้งที่ตั้งบ้านเรือนอยู่แถวเดนมาร์ก นอร์เวย์หรือสวีเดน เป็นคนกลุ่มเล็กๆ ที่รักการผจญภัย
การค้าขายและการต่อสู้ ถึงขนาดมีวลีที่ว่าพวกเขามีชีวิตอยู่อย่าง "ยามศึกเรารบ ยามสงบเราไปปล้น"
คุณสมบัติสองสามข้อที่ว่านี่แหละที่ทำให้ต่อมาเขาแบ่งออกเป็นสามพวก พวกที่อยู่กับถิ่นเกิดขยายบ้านเรือน
ขึ้นไปถึงพรมแดนทางด้านเหนือจนหมดคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย


อีกสองพวกที่ออกเดินทางจากที่เกิด พวกที่ไปทางยุโรปตะวันตกเรียกกันว่า เยอรมันตะวันออก
(อย่าสับสนกับประเทศนะ เรากำลังพูดถึงคนเชื้อสายเยอรมัน ไม่ได้พูดถึงประเทศเยอรมัน
ซึ่งกว่าจะตั้งเป็นประเทศชื่อนี้ได้ก็ต้องรอไปจนกระทั่งอีกเป็นพันปีต่อมา คือก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 เล็กน้อย)
พวกนี้เดินทางจนถึงทะเลดำซึ่งต่อมาก็เรียกว่าพวก โกธ (Goth) มีพัฒนาการทางภาษาของตัวเอง
จนแตกต่างกับของเดิมมาก

กับอีกพวกที่ไปทางตะวันตก เรียกว่าเยอรมันตะวันตก พวกนี้เดินทางเข้าไปในดินแดนยุโรปแล้วแบ่งออก
เป็นสามกลุ่ม คือพวกที่ไปทางแม่น้ำดานูบพวกหนึ่ง ต่อลงใต้ถึงโบฮีเมียอีกพวกหนึ่ง และสู่แม่น้ำไรน์ทางตะวันตก
และเลยต่อไปถึงเกาะอังกฤษซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเส้นทางการเดินทาง เดินทางไปมากทางขนาดเนี่ยะ
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า นอกจากพวกเขาจะเรียนรู้อารยธรรมใหม่ของผู้คนพื้นถิ่น เขาก็ยังพกพาเอาความเชื่อของตัวเอง
ไปด้วย สิ่งนั้นก็คือเทพเจ้า ซึ่งเราค้นพบภายหลังว่า ความเชื่ออย่างเหนียวแน่นในเรื่องนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้
พวกเขาประสบความสำเร็จในการขยายถิ่น ... ด้วยการรบ !!!




พวกไวกิ้งเชื่อว่า ไม่มีสิ่งใดในโลกคงทนถาวร ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลง มนุษย์เราไม่ได้มีแค่ชีวิตเดียว
ตายแล้วก็ต้องมีที่ไป สุดแต่จะไปอยู่ที่ใด แต่ดินแดนหลังความตายที่พวกเขาถือว่าเป็นสุดยอดปรารถนา
ที่นั่นคือวัลฮัลลา ซึ่งถือเป็นสวรรค์ของนักรบ มีแต่คนตายในที่รบและต้องรบอย่างกล้าหาญเท่านั้นจึงมี
สิทธิได้รับเลือกให้ขึ้นไปอยู่ รอจะตายจริงๆ อีกครั้งในช่วงเวลาแร็กนาร็อค
(Ragnarok; Old Norse: Ragnarökr, Ragnarökkr )

ไวกิ้งจึงไม่กลัวตาย ชอบรุกรานและย่ำยีจนได้ในสิ่งที่ปรารถนา



ตำนานของชาวสแกนดิเนเวียหรือชาวเหนือ (Norse Mythology) นั้นสืบทอดมาถึงปัจจุบัน
โดยผ่านทางงานเขียนของปราชญ์ชาวไอซ์แลนด์ผู้หนึ่งคือ สนอร์ริ สเธอร์ลูสัน (Snorri Sturluson)
เมื่อประมาณปี ค.ศ.1222 สนอร์ริได้รวบรวมเรื่องราวของเทพเจ้าต่างๆ ของชนพื้นเมืองมาจากกวีหลายคน
เขาเขียนหนังสือของเขาจากแง่ของผู้ที่เป็นคริสเตียน สนอร์ริเริ่มต้นด้วยการเล่าถึงเทพเจ้าต่างๆ
และโลกของเทพเจ้าดังนี้


This book of ancient Scandinavian literature was compiled
by Snorri Sturluson about 1222

เทพเจ้าแห่งวัลฮัลลา

เทพเจ้าสำคัญของยุโรปตอนเหนือมี 3 องค์ด้วยกันคือ
โอดิน (Odin; Old Norse: Óðinn) ผู้เป็นเทพผู้ให้แรงดลใจ เทพแห่งเวทมนต์คาถาและคนตาย


ธอร์ (Thor; Old Norse: Þōrr) เทพผู้ถือฆ้อนสายฟ้าผู้ปกป้องเทพเจ้า และมนุษย์จากยักษ์และสัตว์ประหลาด


เฟรย์ (Frey) กับคู่แฝดคือเฟรย่า (Freya; Old Norse: Freyr) ซึ่งเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์


โอดินเป็นบรรพบุรุษของกษัตริย์สแกนดิเนเวีย ในขณะที่ธอร์เป็น (ลูกของโอดิน) เทพเจ้าแห่งท้องฟ้า
ผู้พิทักษ์กฎหมายและความเป็นระเบียบ ส่วนเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์นั้นเป็นที่เคารพบูชากันในทุกกลุ่มชน
ไม่เลือกชั้นวรรณะ


เทพเจ้าองค์อื่นที่ปรากฏเสมอในวรรณคดี ได้แก่

ไฮม์ดัลล์ (Heimdall; Old Norse: Heimdallr) ผู้เป็นยามของเหล่าเทพ บางครั้งได้ชื่อว่าเป็นบิดาของมนุษยชาติ,



ไทร์หรือทิร์ (Tyr; Old Norse: Týr) ผู้จับหมาป่าเฟนริส (Fenrir, Fenrisúlfr, Hróðvitnir, Vánagandr) มัดไว้ได้,


โลกิ (Loki, Loke) ผู้ชอบก่อเรื่องยุ่งยากและเป็นต้นเหตุแห่งความพินาศของปวงเทพ,


บาลเดอร์ (Baldur, Baldr) บุตรของโอดิน เป็นต้น


เทพเจ้าเหล่านี้มีที่มาแตกต่างกัน บ้างก็เลื่อนมาจากเทพเจ้าเก่าแก่ที่เคยมีอยู่แล้ว บ้างก็เป็นอีกภาคหนึ่ง
ของเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ บ้างก็เกิดมาจากปลายปากกาของนักเขียน นอกจากนั้นยังมีพวกอมนุษย์
ทั้งหลายที่อยู่ตามป่า เขา ลำธาร เช่น คนแคระ ภูติ ยักษ์ อันอาจบันดาลคุณหรือโทษแก่มนุษย์ได้


Yggdrasill



โลกของเทพเจ้าเรียกว่า อัสการ์ด (Asgard; Old Norse: Ásgarðr)
และเหล่าเทพก็อยู่ในวิมานชื่อ วัลฮัลลา (Valhalla; Old Norse: Valhöll) โดยมีโอดินเป็นผู้นำ
อาณาจักรของพวกยักษ์คือโยทุนไฮม์ (Jotunheim, Jötunheimr) ส่วนเฮลเฮม (Hel) เป็นดินแดนแห่งคนตาย
[/color]

โลกทั้งสามนี้อยู่ภายใต้รากของต้นไม้แห่งโลก (World Tree) ที่ชื่อว่ายิกก์ดราซิล (Yggdrasill; Old Norse: Yggdrasill)
ซึ่งขึ้นอยู่ใจกลางจักรวาล ส่วนมิดการ์ด (Midgard; Old Norse: Miðgarðr) หรือมิดเดิ้ลเอิร์ธ (Middle Earth)
เป็นโลกของมนุษย์ที่เชื่อมต่อกับอาณาจักรของเทพเจ้าด้วยสะพานสายรุ้งชื่อบีโฟรสท์ (Bifrost, Bifröst, Bilröst )


กำเนิดของจักรวาลและการสิ้นโลก



มีตำนานหนึ่งกล่าวว่าจักรวาลนั้นสร้างมาจากร่างของยักษ์ยีมิร์ (Ymir) ซึ่งเกิดมาจากการที่ความร้อนและความเย็น
รวมตัวกันเข้าในความเวิ้งว้างทำให้ชีวิตกำเนิดขึ้นมา แม่วัวตัวหนึ่งให้นมแก่ยีมิร์ ในที่สุดยีมิร์ก็ถูกฆ่าตายและส่วนต่างๆ
ของร่างกายถูกนำไปสร้างเป็นโลกต่างๆ มนุษย์และยักษ์นั้นเชื่อกันว่าเกิดมาจากร่างกายของยีมิร์ แม้ว่าบางตำนาน
จะว่าเทพเจ้าสร้างชายและหญิงจากต้นไม้คือต้นอัช (Ash) และต้นเอมบลา(Embla) ก็ตาม


เมื่อมีกำเนิดก็ต้องมีการแตกดับ ดังนั้นจึงเกิดมีตำนานเรื่องการสิ้นสุดของโลกหรือแร็กนาร็อค (Ragnarok, Ragnarök)
ขึ้นเช่นเดียวกับที่ความร้อนและความเย็นสร้างชีวิตขึ้นมา สองสิ่งนี้ก็รวมตัวกันเพื่อทำลายโลก พวกเทพเจ้าตื่นขึ้นมาผจญ
กับเหตุร้ายด้วยเสียงเป่าเขาของไฮม์ดัลล์และเสียงขันของไก่ที่จับอยู่บนยอดต้นไม้แห่งโลก ในตอนนี้สัตว์ร้ายทั้งหลาย
อันเป็นตัวแทนของสิ่งชั่วร้ายในธรรมชาติก็หลุดออกมาอาละวาด




สัตว์เหล่านี้ก็มีหมาป่าเฟนริสและงูใหญ่ซึ่งต่างก็เป็นบุตรของโลกิ เฟนริสนั้นเคยอยู่ในอัสการ์ด แต่ดุร้ายจนไม่มีใครกล้า
ยุ่งเกี่ยวด้วย ในที่สุดพวกคนแคระก็สร้างโซ่วิเศษขึ้นมาจากสิ่งลี้ลับต่างๆ ในโลก เช่น รากภูเขา เสียงแมวเคลื่อนไหว
ลมหายใจของปลา ฯลฯ ซึ่งดูๆ ไปมันก็เหมือนเชือกไหม แต่ไม่มีอะไรจะทำให้มันขาดได้ หมาป่ายอมให้เอาโซ่นี้ผูกมัด
แต่มีข้อแม้ว่าต้องให้เทพองค์หนึ่งเอามือใส่ปากมันไว้เพื่อเป็นประกัน ไทร์ อาสาทำหน้าที่ผูกหมาป่าได้สำเร็จ
แต่ก็ต้องเสียมือไปข้างหนึ่ง



ส่วนงูใหญ่นั้นโอดินจับไปโยนไว้ในทะเลลึกที่ล้อมรอบมิดการ์ดอยู่ งูตัวนี้ขดรอบโลกโดยอมหางของมันไว้
เมื่อวันสิ้นโลกมาถึงโอดินถูกเฟนริสกลืนกิน ส่วนธอร์ฆ่างูได้แต่ก็ถูกพิษมันถึงตาย  ในที่สุดทั้งเทพและมนุษย์
ก็ถูกซุร์ทหรือเซิร์ท (Surt, Surtr) ซึ่งเป็นยักษ์แห่งไฟทำลายล้าง




แต่ก็ยังมีผู้รอดชีวิตคือลูกชายของโอดินชื่อวีดาร์ (Vidar, Víðarr) ซึ่งฆ่าหมาป่าเฟนริสตายโดยฉีกมัน
ออกเป็น 2 ท่อน ลูกๆ ของธอร์ได้ค้อนของบิดาไว้เป็นเครื่องป้องกันโลกจากความยุ่งเหยิงและบาลเดอร์
ก็ฟื้นคืนชีวิตอีกครั้งหนึ่ง และมีมนุษย์ชายและหญิงเกิดขึ้นสืบเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่อไป แผ่นดินลอยขึ้นมาจาก
ทะเลอีกครั้งหนึ่งเขียวชอุ่มพร้อมที่จะเติบโตต่อไป



จากเรื่องราวข้างต้นนี้จะเห็นว่าตำนานของยุโรปตอนเหนือเน้นหนักไปในเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด
โดยเฉพาะวัลฮัลลาซึ่งเป็นวิมานของโอดินนั้น ความจริงเป็นสถานที่ๆ พวกวีรบุรุษและนักรบผู้กล้าหาญ
จะไปอยู่หลังจากตายแล้ว โดยมีวัลคีรี (Valkyria) หรือ Battle-maidens ซึ่งเป็นเทพธิดานักรบ
ของโอดินเป็นผู้นำไปที่วัลฮัลลาพวกเขาจะต่อสู้กันตลอดวันและคนที่ตายไปก็จะฟื้นขึ้นมาอีกในตอนเย็น
เพื่อร่วมกินเลี้ยงกันเป็นที่สนุกสนาน โดยมีหมูย่างและสุราที่ทำจากน้ำผึ้งเป็นอาหาร




เรื่องที่ปรากฏในนิยายปรัมปราของยุโรปตอนเหนือนี้เป็นที่มาของวรรณกรรมและงานประพันธ์ทางดนตรี
ของยุโรป เช่น Nibelungenlied ซึ่งเป็นมหากาพย์ของเยอรมัน ก็เป็นเรื่องของพวกวัลคีรีซึ่งสามารถ
แปลงตัวเป็นนางหงส์ (Swanmaidens) ได้ คล้ายกับนางกินรีในนิยายไทยที่สามารถถอดปีกถอดหาง
เป็นมนุษย์ได้



นอกจากนั้นในมหากาพย์เรื่องนี้ยังมีเรื่องของสมบัติคนแคระและแหวนวิเศษด้วย เรื่องเหล่านี้ได้ถูกถ่ายทอด
มายังคนรุ่นหลังในรูปของเทพนิยายโดยพี่น้องตระกูลกริมส์ และมันยังเป็นแรงดลใจให้ ริชาร์ด วากเนอร์
ประพันธ์อุปรากรชิ้นเอกของเขาคือ The Ring of the Nibelunggen ขึ้นมา
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่