ลองเข้าไปมาอ่านสอบราชการ แนวข้อสอบวิชาคอมพิวเตอร์ กฎหมาย พรบ.ต่างๆ

[belive2528]

งานที่เกี่ยวกับสอบราชการ แนวข้อสอบตำรวจ ติดตามบทความดีๆเกี่ยวกับสอบราชการอ่านเนื้อหาที่มีสาระประโยชน์ได้จากที่นี่ เตรียมตัวสอบเข้ารับราชการ งานที่สร้างรายได้ดีราชการต้องทำอย่างไร

1. Importance

ในการสอบวัดผลคะแนนเข้ารับราชการทุกสังกัดทั้ง ก.พ. ครูผู้ทำหน้าที่อบรมสั่งสอนสังกัด ก.ค., สพฐ. ข้าราชการที่ทำงานเพื่อประชาชนสังกัด กทม. อบต. เทศบาลมีการแข่งทางธุรกิจขันกันในปริมาณที่สูงมากสรุปด้วยเหตุที่ว่ามีผู้ ต้องการอย่างแรงกล้าเป็นข้าราชการที่รับผิดชอบต่อหน้าที่เป็นสถิติมาก แต่ยอดรวมอัตราที่บรรจุมีน้อย เพิ่มเติมกับมีผู้สำเร็จการหมั่นทบทวนตำรับตำราใหม่ในแต่ละปี มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ Competition ขันจึงนับวันจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นแล้วผู้ที่ ปรารถนาจะสอบแข่งขันที่น่าตื่นเต้นเข้ารับราชการในสังกัดต่าง ๆ จะต้องเตรียมตัวในการสอบราชการให้พร้อม ปัจจัยที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆอันหนึ่งก็คือ การมี Book ที่ช่วยในการสอบแข่งขันทักษะความรู้แข่งขันที่เข้มข้นกับคนอื่นๆ ได้ Problem ที่ละเลยไม่ได้อันหนึ่งที่ผู้เขียนถ่ายทอดประสบการณ์ทราบก็คือ การขาด Book ที่ตรงกับหลักสูตรที่กระทรวงศึกษาธิการบรรจุไว้และเนื้อหาสาระที่อธิบายให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ Subjects การทำอย่างละเอียดยิบเหมาะสมกับ Reader ซึ่งโดยส่วนใหญ่มีขั้นต้นทางวิชาที่สอนเกี่ยวกับคณิตศาสตร์น้อย ภาคความสามารถในการศึกษาวิจารณ์และสรุปเนื้อหาเหตุผลที่ฟังขึ้น

2. Step การสอบวัดผลคะแนนแข่งขันตัดสินผู้ชนะเข้ารับราชการ

Step ในการสอบแข่งขันทักษะความรู้แข่งขันหาตัวผู้ชนะเข้ารับราชการในสังกัด ก.พ. ครูเพื่อถ่ายทอดความรู้สังกัด ก.ค. ข้าราชการที่มีความจงรักภักดีสังกัด กทม. และเทศบาล จะมี Exam 3 ภาค คือ

   ภาค ก. ความรู้ก่อให้เกิดประโยชน์ความสามารถทั่วไป เป็นข้อสอบ ปรนัย 100 ข้อ 200 คะแนนจากคณะกรรมการ แบ่งออกเป็น

   1) หลักสูตรการเรียนการสอนความย่อมในการศึกษา (Education) วิเคราะห์และคาดคะเน และสรุปให้เข้าใจง่ายเหตุและผล เป็นข้อสอบ ปรนัย 50 ข้อ รวม 100 คะแนนที่รวบรวมแล้ว

   2) หลักสูตร Language ไทย เป็นข้อสอบปรนัย 50 ข้อ รวม 100 แต้ม

ในส่วนของภาค ก.ความรู้ที่สร้างคุณประโยชน์ความสามารถทั่วไป โดยส่วนมากจะตัดผ่านที่ 60 % ของคะแนนที่บริสุทธิ์ยุตธรรม รวม (และไม่นำมาคิดแต้มจากคณะกรรมการรวมกับภาค ข. ) คือสรุปเนื้อหาสำคัญสกอร์ที่บริสุทธิ์ยุตธรรมผ่าน 60% ของแต้มทั้งหมดรวมก็จะตรวจข้อสอบ ภาค ข. ต่อไป ถ้าไม่ผ่าน 60 % ของแต้มที่รวบรวมแล้วรวม ก็ถือว่าสอบตก

  ภาค ข. ความรู้ที่ได้จากการลองผิดลองถูกความย่อมเฉพาะตำแหน่งที่ตั้ง (รายวิชาชีพ) รวม 200 Score

- ข้อสอบในส่วนนี้ อาจจะเป็นปรนัยทั้งหมดทั้งมวล หรือ ปรนัยผสมอัตนัย ก็ได้ แต่โดยส่วนมากเกิน 80 %ของทุกหน่วยงานที่ใช้สติปัญญาจะเป็นปรนัย ( มีตัวเลือก ก ข ค ง)

ในการสอบวัดผลทางการศึกษา ภาค ข. จะมีประกาศ (Announced) ออกมาเมื่อเปิดรับยื่นคำร้องงานว่าจะสอบใน Topic ใดบ้าง โดย Mainly จะเป็น พรบ.(กฏหมาย) ที่ต้องรู้และข้อปฎิบัติในหน่วย Work ที่จัดสอบ และความเข้าใจเฉพาะ Position เช่น นักพัฒนาและปรับปรุงความสามารถต่างๆให้ดีมากขึ้นกลุ่มคนที่อยู่รวมกันในบริเวณเดียวกัน ก็ต้องมีความรู้ที่มีคุณประโยชน์เกี่ยวกับพัฒนาสร้างสรรค์ให้ดียิ่งขึ้น Community เป็นต้น ( ในส่วนนี้ทาง Sheetram จะแจ้งให้ทราบครับเมื่อมีประกาศให้ผู้อ่านรับทราบจัดสอบขึ้น )

- ภาค ค. ภาคความเหมาะสม (Appropriate) กับตำแหน่งที่กำหนดไว้ รวม 100 คะแนน (Score)

  ในส่วนนี้จะคัดมาจากผู้ที่สอบได้แต้มที่บริสุทธิ์ยุตธรรมในภาค ก. และ ข. ตามกฎเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดในการสอบ (Exam) จะดู บุคลิกภาพ และสัมภาษณ์ พร้อมกับดูผลการศึกษาหาความรู้ จากประวัติการเรียนเพื่อฝึกทักษะความรู้ความเข้าใจในบางตำแหน่งอาจจะมีการสอบแข่งขันทางวิชาการอย่างอื่นด้วย เช่น ในตำแหน่งปลัดอำเภอและผู้ช่วยทำงานนายทะเบียน จะมีการสอบให้ผู้สมัครพูดในหัวเรื่องสั้น ๆ ที่ได้เตรียมเอาไว้ให้ และมีการสอบแข่งขันทักษะความรู้วิ่งในระยะทางที่กำหนดใน Time ที่กำหนดให้ ซึ่งผู้ลงทะเบียน (Register) จะต้อง Study จากหลักสูตรการเรียนรู้ในการสอบในแต่ละครั้ง ไป ซึ่งในที่นี้พูดเฉพาะหลักสูตรความรู้ที่ได้จากการตั้งใจศึกษาความสามารถทั่วไปเท่านั้น

โดยสรุปรวบยอด การสอบวัดผลทางการศึกษาได้ระดับที่ 1 2 3 ไล่ลงมาเรื่อย อยู่ที่คะแนนที่บริสุทธิ์ยุตธรรม ภาค ข.+ ภาค ค. ผู้ใดที่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้จะได้คะแนนที่บริสุทธิ์ยุตธรรมมากกว่ากันครับ

3. การสอบวัดผลทางการศึกษาหลักสูตรความรู้จริงรู้ชัดความย่อมทั่วไป ตามหลักสูตรพื้นฐานของ ก.พ. วิชาความย่อมทั่วไปของ ก.พ. ถือว่าเป็นวิชา (Subjects) ที่ยากที่สุด

- หลักสูตรการเรียนความรู้ที่ถูกต้องความสามารถทั่วไปของ ก.พ. ถือว่าเป็น Subjects ที่ยากทีสุด ยากกว่าข้อสอบของ ก.ค., กทม., และเทศบาล ดูจาปริมาณผู้ที่สอบผ่านวิชา (Subjects) นี้มีเพียง 10 - 20% ของผู้ที่สอบรวมยอด ข้อสอบของ ก.พ. มีทั้งส่วนที่ง่ายเพียงไม่กี่ขั้นตอน ปานกลาง และยาก ที่ Significant ก็คือผู้เข้าสอบจะไม่สามารถทำข้อสอบได้เบ็ดเสร็จในระยะเวลาที่กำหนดให้ ผู้สอบจึงมีความสำคัญต้องศึกษาทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าข้อสอบประเภทใดง่ายกว่าวิธีการอื่นๆหรือปานกลาง หรือยาก และมีปริมาณข้อสอบเท่าใดและตนเองถนัดในเรื่องใดที่จะต้องเลือกทำก่อนเรื่องอื่น อย่าใช้วีทำจากข้อ 1 ไล่ไปเรื่อย ๆ เสมือนกับที่เคยทำข้อสอบสมัยเรียนในระดับมัธยมหรืออุดมเรียนรู้ ซึ่งจะใช้ไม่ได้กับการทำข้อสอบของ ก.พ. แต่จะต้องเลือกทำจากข้อสอบที่ง่ายมากมายและถนัดก่อน ตามด้วยข้อสอบ
ยากปานกลาง ส่วนข้อสอบยากไว้ทำภายหลัง

- องค์ประกอบของข้อสอบหลักสูตรการเรียนความรู้ที่เป็นประโยชน์ความย่อมทั่วไปของ ก.พ. จะแบ่งเนื้อหาวิชาการออกเป็น 2 Subjects คือ หลักสูตรการเรียนความย่อมในการตั้งใจศึกษาเล่าเรียน วิเคราะห์และสรุปเรื่องราวผล กับหลักสูตรภาษาไทย

ดังมี Detail ดังที่ปรากฏ

- รายวิชาความรู้ที่เป็นผลมาจากการศึกษาค้นคว้าความสามารถในการหาความรู้ Analyze และสรุปบทความดังกล่าวผล ซึ่งตามหลักสูตรที่กำหนดของ ก.พ. ได้กำหนดเนื้อหาที่มีสาระของหลักสูตรการเรียนการสอนไว้ดังที่ปรากฏ

  ทดสอบความรู้ที่ถูกต้องความย่อมในการศึกษาเรียนรู้โดยเชื่อฟังครูอาจารย์ การวิเคราะห์และคาดคะเนและสรุปใจความสำคัญผล โดยให้แสดงความคิดเห็นจับประเด็นจากข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วหรือ Reason ทางการเมือง เศรษฐกิจ (Economy) และ Social การหาแนวโน้มหรือการเปลี่ยนแปลงจากค่าเดิมที่น่าจะเป็นไปตามข้อมูลที่เขียนจากประสบการณ์ หรือสมมุติฐาน การคิดพิจารณาแล้วสรุปบทความดังกล่าวความเป็นอุปมา อุปไมย โดยอาศัยความรู้ที่เป็นผลมาจากการศึกษาค้นคว้าทั่วไป และคิดหา Reason ด้วยตัวเลขทางคณิตศาสตร์" บทความที่อ่านแล้วได้รับความรู้ของข้อสอบ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ ความสามารถทางด้านตัวเลข ด้านความมีเหตุผลที่ถูกต้อง และด้านภาษา (Language) แต่ละกลุ่มมีสถิติข้อสอบโดยประมาณการณ์และความยากง่ายและสะดวก ดังที่เห็น

   1. ความสามารถด้านตัวเลข แบ่งเป็น

    1.1 Mathematics ทั่วไป สถิติข้อสอบโดยที่คาดหมายไว้ 5 ข้อ - ยาก

    1.2 อนุกรม ยอดรวมข้อสอบโดยที่คาดหมายไว้ 5 ข้อ - ยาก

    1.3 การวิเคราะห์ข้อมูลที่เขียนจากประสบการณ์จากตาราง ปริมาณข้อสอบโดยที่ประมาณการณ์ไว้ 5 ข้อ - ปานกลาง

   2. ความสามารถด้านความีเหตุและผล แบ่งเป็น

    2.1 อุปมาอุปไมย ยอดรวมข้อสอบโดยประมาณ 5-10 ข้อ - ปานกลาง

    2.2 การสรุปรวบยอดความจากเงื่อนไขทางภาษา (Language) ยอดรวมข้อสอบโดยคาดหมาย 10 ข้อ - ยากมาก

    2.3 การสรุปความจากสัญลักษณ์ทางวิชาคณิตศาสตร์ ปริมาณข้อสอบโดยน่าจะประมาณ 10 ข้อ - ยากมาก

    2.4 ความมีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกันจากภาพ (มิติสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน) (ระดับ 3 มักไม่ค่อยออก) จำนวนข้อสอบโดยประมาณ 0-5 ข้อ - ปานกลาง

   3. ความย่อมทางด้านภาษา (Language) (ความเข้าใจอย่างดีภาษา (Language) ) ปริมาณข้อสอบโดยคาดคะเน 5 ข้อ - ปานกลาง

   - จะเห็นได้ว่าข้อสอบ Category นี้ ใช้ความรู้จริงรู้ชัดทางคณิตศาสตร์และตัวเลขที่ 20 - 25 ข้อ จึงนับว่าเป็นอุปสรรคสำคัญมากที่สุดสำหรับผู้ที่อ่อนคณิตศาสตร์ (Mathematics) หรือทิ้ง Mathematics มา นาน ผู้เรียนจะต้องทำความเข้าใจ (Understand) หลักองค์ความรู้ที่ได้จากการทดลองทางวิทยาศาสตร์หรือมีความรู้ที่ถูกต้องหลักเบื้องต้น และหมั่นทำแบบฝึกหัดและข้อสอบเก่า ๆ ให้เกิดความชำนาญให้มาก

   - ส่วนที่จะต้องให้ความสำคัญอันดับต้นๆค่อนข้างมากคือคณิตศาสตร์ทั่วไป แม้ว่าคณิตศาสตร์ทั่วไปจะมีข้อสอบที่ถามตามตรงเพียง 5 ข้อ แต่ความรู้ที่มีคุณประโยชน์คณิตศาสตร์ (Mathematics) ทั่วไปจะช่วยในการทำข้อสอบกระทู้อื่นๆ ในเรื่องของอนุกรม การพินิจพิจารณาข้อมูลที่มีประโยชน์จากตาราง การรวบยอดใจความความจากเงื่อนไขทาง Language (บางส่วน) และการสรุปข้อมูลสำคัญความจากสัญลักษณ์วิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งมีข้อสอบประมาณการณ์ 20-25 ข้อ ผู้ที่อ่อนคณิตศาสตร์ (Mathematics) ก็ควรจะทำแต้มที่บริสุทธิ์ยุตธรรมเหล่านี้ไว้บ้าง ไม่ใช่ปล่อยทิ้งไปเลย ซึ่งจะเป็นการยากที่จะคะแนนจากคณะกรรมการส่วนอื่น ๆ ให้ได้ถึง 50 ข้อ

   - หนังสือสำหรับศึกษาเรียนรู้ที่ควรจะ Read เพิ่มเติมส่วนที่ขาดหายในด้านความย่อมด้านตัวเลขเท่านั้น

    1. Book Knowledge ความสามารถทั่วไป ตามหลักสูตร (Course) ก.พ.

    2. วิชาคณิตศาสตร์ชั้น ม.1-3 ดูในเรื่องการคำนวณขั้นรากฐาน ซึ่งต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกมาก

    3. คณิตศาสตร์ (Mathematics) ชั้น ม.4-6 ดูในเรื่องค่าของสถิติที่เก็บรวบรวมไว้พื้นฐาน, ตรรก, สัญลักษณ์ทางวิชาที่สอนเกี่ยวกับคณิตศาสตร์, ระบบสถิติและเซท

    4. คณิตศาสตร์ระดับปริญญาตรี ดูในเรื่องดังข้อ 3 ข้างต้น

   - ข้อสอบ ก.พ. นั้นออกข้อสอบในความรู้ (Knowledge) ในระดับ ม.1-6 ดังนั้น ถ้าจะดูวิชาที่สอนเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ระดับปริญญา (Degree) ตรีให้ Understand ว่า เนื้อหา (Content) จะสูงกว่าที่ออกข้อสอบ แต่ถ้าหากอ่าน (Read) ในระดับปริญญาตรีอันจะทำได้เปรียบกว่า แต่ถ้าหากไม่มีเวลาก็ไม่จำเป็นแต่อย่างใด

- รายวิชาภาษาไทย 50 ข้อ 100 แต้มจากคณะกรรมการ แบ่งออกเป็นข้อสอบ ประเภทต่าง ๆ โดยราวๆ ดังที่ปรากฏ

  1. ศัพท์

   1.1 การเขียนเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านตัวสะกด ยอดรวมข้อสอบ 0-5 ข้อ - ยาก

   1.2 สัมพันธภาพระหว่างคำกับสัญลักษณ์ในภาษาของคำและกลุ่มคำ สถิติข้อสอบ 10 ข้อ - ปานกลาง

  2. ความเข้าใจพร้อมทั้งสามารถนำไปประยุกต์ต่อได้ Language ยอดรวมข้อสอบ 25 ข้อ - ยาก

   2.1 ข้อความ (ทั้งร้อยกรองและร้อยแก้ว)

   2.2 บทความที่เขียนขึ้นด้วยการสรุปใจความสำคัญ

  3. การเขียนเนื้อหาที่มีคุณค่า

   3.1 การเลือกใช้คำหรือกลุ่มคำ จำนวนข้อสอบ 5 ข้อ - ปานกลาง

   3.2 การเขียนข้อความประโยคคำถามได้ถูกต้องตามขั้นตอนตามหลัก Language ยอดรวมข้อสอบ 5 ข้อ - ปานกลาง

   3.3 การเรียงความ ปริมาณข้อสอบ 5 ข้อ - ปานกลาง

   - จะเห็นได้ว่า ภาษา (Language) ไทยตามหลักสูตรการเรียนการสอนของ ก.พ. ส่วนใหญ่ (Mainly) จะเน้นความเข้าใจ Language และการเขียนเนื้อหาที่มีประโยชน์เป็นหลัก ส่วนการเขียนบทความที่มีสาระตัวสะกดจะมี หรือไม่มีก็ได้ (แต่ควรจะดูไว้บ้างเผื่อว่าจะออกมา) ผู้สอบจะต้องอ่านอย่างขยันขันแข็งเกี่ยวกับความรู้ที่ได้จากการตั้งใจศึกษาชั้นต้นของ Language ไทย และหมั่นทำแบบฝึกหัดมาก ๆ ไม่แตกต่างกัน

   - หนังสือที่ใช้ประกอบการเรียนที่ควรอ่านอย่างขยันขันแข็งเกี่ยวกับเพิ่มเติมให้ครบบริบูรณ์เกี่ยวกับภาษาไทย คือ

    1. หนังสือแบบเรียนความรู้ที่ได้จากการศึกษาเรียนรู้อย่างจริงจังความสามารถทั่วไป ตามหลัดสูตร ก.พ.

    2 . หลัก Language ไทย (TH101) ของ ม.รามคำแหง ดูเฉพาะเรื่องการใช้ Language มากกว่า จะดูเรื่องไวยากรณ์

    3 . การเตรียมตัวเพื่อการพูดและเขียนให้อ่านเข้าใจง่ายเกี่ยวกับ (TH 103) ของ ม.รามคำแหง

    4 . การใช้ Language ไทย ตำรับตำรางของ University เช่น ของ มสธ.

    5 . การใช้ Language ไทย ระดับ ม.1-6

    สำหรับผู้ที่อ่อนคณิตศาสตร์ (Mathematics) จำนวนไม่น้อยย่อมสอบรายวิชา ก.พ. ผ่านได้ โดยให้มามุ่งทำข้อสอบภาษาไทยให้ได้คะแนนจากคณะกรรมการดี ๆ เพราะดังที่ได้เรียนให้ทราบแล้วว่า โดยส่วนใหญ่แล้วไม่ย่อมทำข้อสอบได้หมดทุกข้อ มักจะเพราะเหตุใด่ทันระยะทางของวันเวลา จะต้องข้าม หรือใช้แนวทางเดาในการทำข้อสอบ เพราะฉะนั้นผู้ที่อ่อน Mathematics ไม่ควรท้อถอยหรือหมดกำลังใจที่มาจากการปลอบโยน

4. การสอบ Subjects ความรู้และความเข้าใจความย่อมทั่วไป ตามหลักสูตรสากลของ ก.ค. สพฐ.

4.1 วิชา (Subjects) ความรู้ (Knowledge) ความสามารถในการศึกษา (Learning) วิเคราะห์จากข้อมูลทางสถิติ และสรุปใจความสำคัญผล ในข้อสอบของ ก.ค. สพฐ. ที่ผ่านมา ไม่มีข้อสอบแบบการรวบยอดใจความความจากสัญลักษณ์ จะเน้นหนังที่คณิตศาสตร์ ในแนวการวัดความถนัด (APTITUDE TEST) ซึ่งจะวัดความเข้าใจและความสามารถในเชิงวิพากษ์วิจารณ์มากกว่าความย่อมในการจำ (ซึ่งหมาความว่าไม่เน้นในการจำสูตรต่างๆ) ส่วนเนื้อหาสาระในส่วนอื่น ๆ ก็มีข้อสอบพอสมควร เช่น อนุกรม การพินิจพิจารณาข้อมูลที่มีการอัพเดทล่าสุดจาก Table อุปมาอุปไมย ความย่อมด้านภาษา การสรุปบทความดังกล่าวความจากเงื่อนไขทางภาษา

4.2 หลักสูตรการเรียนภาษา (Language) ไทย ข้อสอบของ ก.ค. จะมีเนื้อหาที่อ่านแล้วได้รับความรู้ที่เกี่ยวกับเขียน (Write) ตัวสะกด สัมพันธภาพระหว่างคำกับสัญลักษณ์ในภาษาของคำและกลุ่มคำ ความเข้าใจทางด้านหลัก Language หรือไวยากรณ์ การอ่านหลายๆรอบให้เข้าใจเกี่ยวกับ การใช้ราชาศัพท์ การเลือกใช้คำและกลุ่มคำ การเขียนเนื้อหาประโยคบอกเล่าที่ถูกต้องตามแนวปฏิบัติ ความเข้าใจจากเรื่องราวต่างๆภาษามาจากการอ่านและทำความเข้าใจข้อความที่สื่อความหมายและบทความที่ทำให้ผู้อ่านได้รับความรู้ความเข้าใจ สรุปบทความดังกล่าวว่าหลักสูตรการเรียนการสอนภาษา (Language) ไทยของ ก.ค. จะต่างไปในขณะที่ข้อสอบ ก.พ. มักจะไม่เรื่องข้างต้น

5. การสอบ (Exam) วิชาความเข้าใจความย่อมทั่วไปของ กทม.

5.1 หลักสูตรการเรียนการสอนความรู้ที่มีคุณประโยชน์ความารถในการมีจิตแน่วแน่ในการเรียน วิพากษ์วิจารณ์ และ Summary เหตุผลที่น่าเชื่อถือ ในข้อสอบของ กทม. จะไม่มีข้อสอบการสรุปรวบยอดความจากสัญลักษณ์ ลักษณะข้อสอบจะเป็นเรื่องต่างๆ นอกจากนั้น ผู้ยื่นสอบควรจะดูเนื้อหาที่มีประโยชน์เรื่อง Mathematics รากฐานให้มากหน่อย เพราะจะเป็นเริ่มต้นของการทำข้อสอบเรื่องการวิจารณ์ข้อมูลที่มีประโยชน์จาก Table และแผนภูมิด้วย สำหรับเงื่อนไขภาษา (Language) ของ กทม. จะมีเนื้อหาสาระที่ง่ายนิดเดียวและซับซ้อนมากนัก สรุปได้ดังนี้ผู้ที่ชอบอ่านบทความเพื่อแสวงหาความรู้อาจจะอ่านอย่างจริงจังเกี่ยวกับในส่วนแรก ๆ เท่านั้น ส่วนที่ยากและซับซ้อนอาจจะอ่านเมื่อมีวันเวลาอันมีค่าเหลือก็ได้

5.2 วิชา (Subjects) ภาษา (Language) ไทย ข้อสอบภาษาไทยของ กทม. มีลักษณะมีลักษณะเหมือนกันกับข้อสอบ Language ไทยของ ก.พ. จะเน้นเรื่องความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดภาษา (Language) คือ การอ่านและทำความเข้าใจประโยคและบทความที่ทำให้ผู้อ่านได้รับความรู้ความเข้าใจ นอกจากนี้ยัง มีความหมายของคำและกลุ่มคำ การใช้คำและกลุ่มคำ การเขียนบทความที่มีประโยชน์ข้อย่อยตามหลัก Language การเรียงเนื้อหา สิ่งที่ไม่เน้น คือการเขียนบทความเชิงให้ความรู้ประโยค (Sentence) (อาจจะมีหรือไม่ก็ได้)

6. การสอบ Subjects ความรู้ที่มีคุณประโยชน์ความสามารถทั่วไปของ อบต. เทศบาล อบจ.

- ข้อสอบความสามารถทั่วไปของเทศบาล อบต. จะคล้ายแนวข้อสอบของ ก.พ. (โปรดดูในหัวเรื่อง) และผู้สอบควรจะเรียนรู้เกี่ยวกับความรู้ทั่วไป และเหตุการณ์ที่ปรากฏช่วงนี้เอาไว้ด้วย ซึ่งเคยมีข้อเสนอคำถามในเรื่องดังกล่าวด้วย

7. คำแนะนำ (Recommend) ในการเตรียมตัวก่อนสอบ

- 1. ศึกษาอย่างกระจ่างแจ้งหลักสูตรที่กำหนดของ Exam และแนวการสอบแข่งขันทางวิชาการให้ละเอียด โดยวิจัยจากคู่มือที่แนะนำวิธีใช้งานการับลงทะเบียน (Register) และหนังสือแนะนำ (Recommend) ในการเตรียมสอบหลักสูตรการเรียนความรู้ (Knowledge) ความย่อมทั่วไป ซึ่งจะบอก ถึงหลักสูตรและ Content ในการสอบแข่งขันทักษะความรู้โดยละเอียด พร้อมทั้งยกตัวอย่างให้ผู้อ่านเข้าใจข้อสอบ (อย่างง่ายแบบไม่ยากๆ) เอาไว้ หนังสือสำหรับเรียนรู้เล่มดังกล่าวถือว่าเป็นแนวกว้าง ๆ ของเนื้อหาที่อ่านแล้วได้รับความรู้ข้อสอบเท่านั้น

- 2. หากหนังสือแบบเรียนหรือคัมภีร์ที่ดีและตรงกับแนวการเข้าสอบไว้อ่านอย่างจริงจังเกี่ยวกับและทำแบบฝึกหัด หนังสือในท้องตลาดมีมากมาย ไม่ใช่ว่าจะต้องแนวกับการสอบแข่งขันทักษะความรู้ตลอดเวลา หรือบางเล่มก็เฉลยผิด ๆ ซึ่งจะทำให้ผู้อ่าน (Reader) เข้าใจและสามารถเผยแพร่ความรู้ให้ผู้ที่สนใจผิด และสอบตก ควรพยายามออกแบบคำถามบุคคลที่เคยสอบมาแล้ว และถามว่าหนังสือสำหรับศึกษาเรียนรู้เล่มใดที่ตรงและถูกต้องบ้าง อาจจะได้หนังสือที่ใช้ในการประกอบการเรียนการสอนที่อย่างถูกต้องไม่ทำให้เราและเพื่อนร่วมงานหลงทางและสอบตกในที่สุด

- 3. ควรหาโอกาสเข้าสอบ Subjects Knowledge ความย่อมเมื่อมี Chance จะทำได้ เพื่อหาประสบการณ์และดูแนนข้อสอบมากขึ้น

- 4. ควรทำสรุปเนื้อหาย่อบทความที่เป็นมิตรกับผู้อ่านของวิชาที่เรียน ทำโน้ตย่อเฉพาะบทความคุณภาพต้องคำนึงเป็นอันดับแรกสั้น ๆ ใช้ภาษาของตนเองเพื่อสะดวกในการทบทวน

- 5. หมั้นทำแบบฝึกหัด การทำแบบฝึกหัดจะช่วยให้เราและทีมงานเข้าใจอย่างดีเยี่ยมและจำเนื้อหาสาระได้ดียิ่งขึ้น

- 6. ควรจับกลุ่มดูหนังสือกับเพื่อนสนิท เพื่อจะได้มีการให้กำลังใจในการดูหนังสือแบบเรียน ไม่ว้าเหว่ และเมื่อสงสัยต้องการสอบถามก็สามารถช่วยเหลือกันได้ กลุ่มเพื่อดูหนังสือที่ใช้ในการประกอบการเรียนการสอนไม่ควรมากเกินไป หรือน้อยเกินไป คือคาดคะเน 4-5 คน

- 7. ให้นึกถึงความสำเร็จจากการทำงานอย่างหนักทางชีวิต (Life) หรือเป้าหมายที่วางไว้ของชีวิตที่มีอิสระภาพให้เราและผู้อ่านทุกคนมีมานะมากขึ้น โดยความพยายาม Read ชีวประวัติบุคคลสำคัญหรือบุคคลที่ประสบผลสำเร็จในชีวิตที่มีความหมาย จะช่วยให้เราและเพื่อนร่วมงานมีมานะมากขึ้น

- 8. ให้ความสำคัญอย่างปฏิเสธไม่ได้ของการรักษาทะนุถนอมสุขภาพและสุขภาพจิต ซึ่งจะเป็นส่วนต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกที่จะช่วยให้การเล่าเรียนและการดูหนังสือที่มีความรู้ได้เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง

- 9. ควรมีแผนการ (Plan) ดูหนังสือความรู้ เขียนเป็น Table ไว้ แล้วปฏิบัติโดยเคร่งครัด

-10. ควรมีที่ตั้งดูหนังสือที่ใช้ประกอบการเรียนที่เป็นสัดส่วนของตนเอง และเงียบเงียบ ซึ่งจะช่วยให้มีสมาธิในการดูหนังสือเรียนได้มาก

-11. ควรหาคนช่วยสอนในเรื่องที่เราและเพื่อนรับวิชาชีพไม่ถนัด เช่น คณิตศาสตร์ (Mathematics) เรื่องบางเรื่องถ้าอ่าน (Read) เองจะเสียงช่วงของวันเวลามาก แต่ถ้

รูปสอบราชการ แนวข้อสอบวิชาคอมพิวเตอร์ กฎหมาย พรบ.ต่างๆ
สอบราชการ ติวเข้มข้อสอบ
อ้างอิงจาก: สอบราชการ
บทความอยู่ในกลุ่ม: สอบราชการ

สอบราชการ แนวข้อสอบวิชาคอมพิวเตอร์ กฎหมาย พรบ.ต่างๆ

ประเภทของเว็บ: สอบราชการ งานราชการ ข้อสอบราชการ
ผู้โปรโมทเว็บ: ข้อสอบราชการ
หน้าแรกของเว็บ: http://www.ข้อสอบราชการ.com
Detail: http://www.ข้อสอบราชการ.com/index.php/topic,457.0.html
Contact Us: http://www.ข้อสอบราชการ.com/index.php/topic,499.0.html
Page: สอบราชการ แนวข้อสอบวิชาคอมพิวเตอร์ กฎหมาย พรบ.ต่างๆ
Name: ข้อสอบราชการ
โทรศัพท์: 0870708815
Email: nas_za.za@hotmail.com
Address: ไม่ระบุ
ประเภทงาน: เว็บข้อสอบราชการ งานราชการ แนะแนวข้อสอบ สอบ ก.พ.