ดร.โจเซฟ แม็งเกเล่ (Josef Mengele) เทพเจ้าแห่งความตายของเอาต์วิตซ์ Part2

ดร.โจเซฟ แม็งเกเล่ (Josef Mengele) เทพเจ้าแห่งความตายของเอาต์วิตซ์ Part2

เริ่มโดย etatae333, 04 เมษายน 2014, 14:39:17

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

Part1  :: http://www.cmxseed.com/cmxseedforumn/index.php?topic=87704.0



การวิจัยของแม็งเกเล่

แรกเริ่มเดิมที โจเซฟ แม็งเกเล่ มักอ้างเอานักโทษมาทดลองผ่าตัดแบบเล่นๆ เหมือนงานอดิเรกเท่านั้น เช่นการตัดอวัยวะเพศ
หรืออวัยวะบางส่วนเพื่อการทดสอบเรื่องยีน โดยไม่ใช้ยาสลบ การนำนักโทษหญิงมาทดลองต่อกระแสไฟฟ้าว่าชาร์ตสูงเพียงใด
ถึงจะมีชีวิต การเอานักโทษมาเอ็กซ์เรย์อวัยวะเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ โดยไม่สนใจว่าถ้าปล่อยกระแสไฟฟ้านานๆ จะทำให้อวัยวะนั้น
ถูกเผาไหม้ ฯลฯ


จนกระทั้งเขาได้ให้ความสนใจเรื่องการสร้างฝาแฝดเข้า โจเซฟ แม็งเกเล่ พยายามอย่างมากให้ศาสตราจารย์วอน เวอร์ชูเออร์
ให้ความสนใจงานวิจัยของแม็งเกเล่ในเรื่องฝาแฝด

จากเดิมที่การวิจัยของเขาถูกจำกัดอยู่แค่เพียงแค่สังเกตพฤติกรรมและห้ามไม่ให้ทำการทดลองมนุษย์ในขณะมีชีวิตอยู่ ตามมาตรฐาน
ทางจริยธรรมในเยอรมนีก่อนยุคนาซี แค่เวลานี้วันเวลาได้เปลี่ยนไปแล้วเพราะนี้เป็นยุคของนาซี พวกเขาได้ยกเลิกกฎแห่งจริยธรรมนี้
ลงหลุมเรียบร้อย วอน เวอร์ชูเออร์ เห็นชอบด้วยในโครงการของแม็งเกเล่  เนื่องจากในตอนนี้ไม่มีข้อจำกัดใดๆ ทั้งสิ้น
และสามารถทำวิจัยโดยการใช้คนเป็นๆ ได้นานตามที่ต้องการได้

"ตกลง โครงการของคุณได้รับการอนุมัติ"



โจเซฟดีใจ จนกระโดดโลดเต้น เขาได้ทำสิ่งที่อยากทำมานานแล้วเมื่อโจเซฟกลับมาถึงเอาต์วิตซ์ เขาออกคำสั่งให้หน่วยเอสเอส
ทำการคัดเลือกนักโทษที่เป็นฝาแฝดออกมา ทันที่ขบวนรถไฟมาถึง เหล่าทหารยามจูงสุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดอยู่ในมือต่าง
ก็พยายามสอดส่ายสายตาเพื่อคัดเหยื่อที่เป็นฝาแฝดออกมาจากกลุ่มนักโทษที่มาถึงฝาแฝดที่รอดชีวิตมาได้อย่างอีวา มอซเซส จากฮังการี
ยังจำความรู้สึกที่ถูกกระชากออกมาจากแถว และส่งมอบให้กับ ดร.แม็งเกเล่ได้เป็นอย่างดี


"เมื่อประตูตู้รถไฟเปิดออก ฉันได้ยินทหารเอสเอสตะโกณว่า "เร็วเข้า เร็วเข้า" แล้วก็สั่งให้ทุกคนออกไป แม่กอดฉันและมาเรียมไว้
ด้วยแขนทั้งสองข้าง แม่พยายามปกป้องพวกเราสองคนไว้อย่างสุดชีวิต เพราะเราสองคนยังเด็กมาก.....ทุกอย่างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ฉันมองไปรอบๆ ตัว เห็นพ่อและพี่สาวอีก 2 คนดึงตัวออกไปแล้ว ในขณะที่แม่จับพวกเราไว้แน่น ทหารเอสเอสเดินเข้ามาหาแล้วตะโกนว่า
"ฝาแฝด โว๊ตฝาแฝด" พวกเขาหยุดดูพวกเรา มาเรียมและฉันมีหน้าตาเหมือนกันมาก........พวกเธอเป็นฝาแฝดหรือเปล่า?พวกทหารถาม
"แล้วเป็นเรื่องดีหรือเปล่าล่ะ" แม่ตอบ




พอเขาพยักหน้า แม่ก็บอกว่า "ใช่พวกเธอเป็นฝาแฝด"แม้นักโทษที่เป็นฝาแฝดจะถูกกันออกมาจากการประหารอันไร้มนุษยธรรม
แต่ในที่สุดแล้วพวกเขาก็จะถูกส่งมอบให้กับการตัดสินชะตากรรมที่โหดร้ายยิ่งกว่า พวกเขาจะ๔กนำตัวไปไว้ในอาคารหลังหนึ่งที่ใช้ขัง
เฉพาะเด็กฝาแฝด นอกจากนั้นยังรวมถึงคนแคระ คนพิการ และคนที่มีลักษณะพิเศษอื่นๆคนทั่วไปในค่ายนรกมักเรียกอาคารหลังนี้ว่า "สวนสัตว์"

เมื่อฝาแฝดถูกนำตัวไปที่นั้นพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป้นพิเศษจากทหาร เช่น ไม่ต้องโกณผมและสามารถเก็บเสื้อผ้าของตนเองได้
ทหารยามมีคำสั่งไม่ให้ทำลายเด็ก และให้ดูแลเด็กฝาแฝดให้ดีไม่ให้เจ็บปวดหรือเสียชีวิต เพราะถ้าเด็กฝาแฝดนั้นป่วยหรือเสียชีวิตนั้น
จะทำให้โจเซฟ แม็งเกเล่จะเดือดดานมากถ้าต้องสูญเสีย "คนในสปีชี่ส์พิเศษไป"

พวกฝาแฝดจึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า "เด็กๆ ของแม็งเกเล่"



พวกฝาแฝดอยู่ดีกินดี ภายใต้การควบคุมของทหาร โดยมีโจเซฟถือปากกา จดผลที่ได้อย่างละเอียด เพราะนี้คือสิ่งที่เขาโปรดปรานมากที่สุด
ในสวนสัตว์ พวกฝาแฝดจะไม่ได้รับข่าวใดๆ ทั้งสิ้นกัยซะตากรรมของคนที่เป็นที่รัก พ่อแม่ของตัวเอง หรือครอบครัว ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
พวกเขาอาจถูกนำเข้าห้องรมก๊าซพิษ พวกเขาจำต้องเชื่อฟังโจเซฟ แม็งเกเล่คนเดียวเท่านั้นถึงแม้ว่าแม็งกาเล่เป็นผู้กำหนดความตายแก่สมาชิก
คนในครอบครัวที่พวกเขารัก แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นคนเดียวที่ช่วยรักษาชีวิตพวกเขาไว้


เด็กๆ ของแม็งเกเล่จะถูกกันไว้จากการถูกลงโทษหรือบังคับให้ต้องทำงานหนัก เพราะเขาต้องการให้เด็กนั้นสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ
แต่เป็นเรื่องแปลกอย่างหนึ่ง คือโจเซฟไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์อะไรไว้เลยว่า สภาพร่างกายไหนสมบูรณ์ เพราะเมื่อเขาต้องการทดลอง
ข้อมูลร่างกายทางกายภาพของเด็กให้ได้มากที่สุดและเมื่อเด็กๆ นั้นมีสภาพสมบูรณ์แบบแล้วก็ถึงคราวที่จะทดลอง! อันโหดร้าย ในเงื่อมมือ
ของโจเซฟ แม็งเกเล่
               
การทดลองที่น่าสยดสยอง


               
การทดลองเกี่ยวกับฝาแฝดนั้นเรียกได้ว่ามีลักษณะเหมือนงานประจำเริ่มต้นคือให้เด็กๆ ตอบแบบสอบถาม จากนั้นก็ชั่งน้ำหนักและส่วนสูง
ทุกๆ วันโจเซฟจะนำตัวอย่างเลือดจากเด็กๆ พร้อมกับส่งเลือดเหล่านั้นไปให้ศาสตราจารย์วอน เวอร์ชูเออร์ในเบอร์ลิน ด้วยการทดสอบฉีดตัวอย่าง
เลือดของฝาแฝดคู่หนึ่งให้กับฝาแฝดคู่หนึ่งที่มีกรุ๊ปเลือดต่างกัน จากนั้นก็บันทึกผลที่เกิดขึ้น การทดลองแบบนี้จะทำให้ร่างกายเกิดการต่อต้าน
เลือดที่ฉีดทำให้มีอาการปวดหัวและไข้ขึ้นสูงทุกวัน


การทดลองต่อมาคือการเปลี่ยนสีนัตย์ตาของเด็กฝาแฝด ด้วยการฉีกสารย้อมสีเข้าไปในดวงตาของฝาแฝดหลายๆ คู่ จนทำให้เกิดอาการอักเสบ
อย่างหนักจนบางครั้งถึงขั้นตาบอด และหากมีฝาแฝดใดที่เสียชีวิตแม็งเกเล่ก็จะควักลูกตาของเหยื่อคนนั้นออกมาแล้วใช้เข็มปักดวงจาเหล่านั้น
ไว้ในสำนักงานแบบเดียวที่นักชีววิทยาใช้เข็มหมุดปักตัวอย่างแมลง

เด็กเล็กๆ จะถูกแยกออกมาขังเดี่ยวเพื่อสังเกตการณ์ว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง ฝาแฝดจำนวนมากถูกตอนหรือถูกตัดรังไข่ออก หรือไม่ก็ถูก
เคลื่อนย้ายด้วยการผ่าตัดอันน่าสยดสยอง ทั้งนี้เพราะโจเซฟจะทำการผ่าตัดโดยไม่ใช้ยาสลบ บางครั้งก็ฉีดไวรัสหรือแบคทีเรียเข้าไปในร่างกายเด็ก
เพื่อที่จะดูว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่กว่าเหยื่อทดลองจะเสียชีวิตดูเหมือนว่าการทดลองของโจเซฟจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์เหมือนกับ
การทดลองในมนุษย์ของญี่ปุ่น ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นเรื่องทะเยอทะยานและการบูชาเชื้อสายอารยันที่สูงส่งกว่าชนชาติอื่นๆ มากกว่า
อย่างที่อเล็กซ์ คีเคล ผู้รอดชีวิตจากเงื่อมมือของโจเซฟให้ความเห็นไว้ว่า


"ผมไม่เคยยอมรับความเชื่อของโจเซฟ แม็งเกเล่ที่ว่า เขากำลังทำงานอันยิ่งใหญ่ เขาเพียงแต่ใช้อำนาจที่มีอยู่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
โจเซฟแค่เปิดร้านขายเนื้อ เพราะการผ่าตัดเกือบทั้งหมดของเขานั้นแทบจะไม่ใช้ยาสลบเลย
.....ครั้งหนึ่งผมเห็นเขาผ่าเอากระเพาะคนออกมาโดยไม่ใช้ยาสลบ ขณะเดียวกันเขาก็ควักหัวใจออกมาด้วย ในขณะที่เหยื่อของเขาตาย
น่าพูดเสียงอะไรไม่รู้ฟังไม่ได้ศัพท์ หายใจช้าๆ และตายลงอย่างเจ็บปวด นี้เป็นเรื่องสยดสยองโดยแท้ เขาเป็นหมอที่กลายเป็นคนบ้าเพราะอำนาจ
......ไม่เคยมีใครตั้งคำถามกับเขาว่า ทำไมเหยื่อการทดลองของเขาถึงตาย ทำไมคนคนหนึ่งต้องแตกดับลงไป คนไข้ในสายตาของโจเซฟน่ะ
ไม่ใช้สิ่งมีชีวิต บ่บอกว่าเป็นมืออาชีพในนามของนักวิทยาศาสตร์ แต่แท้จริงแล้วมันเป็นเรื่องของความบ้าคลั่งโดยแท้"

             
การร่วมมือกับปีศาจร้าย



ในสายตาของพยานจำนวนมากที่ค่ายเอาต์วิตซ์ผู้รอดชีวิต นักประวัติศาสตร์และจิตแพทย์มองว่า ดร.โจเซฟ ไม่ใช้ส่วนหนึ่งของเอาต์วิตซ์
แต่เขาก็คือเอาต์วิตซ์เลยที่เดียว เมื่อมองจากการกระทำและการวางตัวของเขา แม็งกาเล่สามารถสร้างค่ายนรกแห่งความตายที่มีความขัดแย้ง
และเป็นที่จดจำอย่างลึกซึ้งในโลกเลยที่เดียว

"การที่เขาก่ออาญากรรมในครั้งนี้เพื่อสำแดงพลังให้เห็นว่า เขาเป้นพระเจ้าที่ชี้เป็นชี้ตายคนอืนได้ที่เขาพอใจได้"

เช่น ในขณะที่บรรดานักโทษมาถึงค่าย พวกเขาจะได้รับการต้อนรับโดยดนตรีวอลซ์ ซึ่งบรรเลงโดยวงออร์เคสตร้าของนักโทษ
ในเวลาเดียวกันกลิ่นแห่งความตายได้มาที่นี้ จากระยะห่างออกไปแค่ 2-3 เมตร จากเตาเผาศพและห้องรมก๊าซ ประทับใจต่อผู้มาเยือนจริงๆ

โจเซฟ แม็งเกเล่ ซ่อนความทะเยอทะยานที่จะยิ่งใหญ่ไว้ส่วนลึก นี้คือสาเหตุที่ทำไมเขายอมเลือกทำงานกับพวกนาซีแล้วเมื่อได้ตำแหน่งที่เอาต์วิตซ์
เขาไม่ได้เลือกทำเพียงบางอย่าง แต่เขาเลือกที่จะทำหลายๆ อย่าง ในหนทางที่เขาทำได้ เขาแสดงให้คนอื่นเห็นว่า ไม่มีใครคนอื่นทำงานนี้ได้
นอกจากเขา นั้นคือความขยันและความทุ่มเทให้กับเอาต์วิตซ์ เอาต์วิตซ์เป็นเหมือนบ้านที่สองของเขาแล้ว

               
หลบหนี


               
มีสุภาษิตหนึ่งบอกว่า "ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว" ยิ่งคุณขึ้นสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งตกลงมาดังเท่านั้น ดั่งชีวิตของโจเซฟ แม็งเกเล่เช่นกัน
วันที่ 17 มกราคม 1945 เยอรมนีเป็นฝ่ายแพ้ต่อรัสเซีย ดร.โจเซฟ แม็งกาเล่ รู้ตัวว่ากำลังถูกหมายหัวอยู่ จึงได้หนีจากเอาต์วิตซ์
ช่วงแรกเขาซ่อนในฟาร์มใกล้ๆ ที่กุนสเบริร์ก พร้อมทำบัตรประชาชนปลอม และทำนาเป็นอาชีพบังหน้าพร้อมกับฟังข่าวจากเพื่อนเป็นระยะๆ
แทบไม่น่าเชื่อว่าโจเซฟยังไม่เลิกจะเป็นหมอโหด และหาทางที่จะกลับมาผงาดอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ประเทศต่างๆ ต้องการตัวเขา ชนิดตามล่า
แบบพลิกแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา อังกฤษ รัสเซีย


ปี 1949 โจเซฟหนีไปยังอิตาลีเพราะที่นั้นยังมีคนสนับสนุนเขาอยู่ และขึ้นเรือใหญ่ไปยังอาร์เจนตินา ซึ่งในขณะนั้นมีฌวน เปรอง
จอมเผด็จการปกครองประเทศอยู่ ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์กับพวกนาซียุโรปมาก่อน ทำให้โจเซฟ แม็งกาเล่สามารถซ่อนตัวในชุมชนนาซีอย่างไร้กังวล

เมื่อมาอยู่ที่นี้ เขาก็ยังไม่เลิกทิ้งนิยายเดิมๆ เขาเริ่มสร้างเครือข่ายของผู้จงรักภักดีต่อนาซีขึ้นมาอีกครั้ง และเขาได้ขยายเครือข่ายไปยัง
อาร์เจนตินา ปารากวัย และบราซิล แต่ในขณะเดียวกันประเทศอิสราเอลประเทศของชาวยิวต้องการจับดร.โจเซฟ แม็งกาเล่ อยากจับเขา
ไปขึ้นศาลมากที่สุด จึงได้ส่งสายลับเพื่อไปตามตัวมา ตั้งแต่ปีทศวรรษที่ 60 ใครเคยอ่านตามล่านาซีคงรู้เรื่องนี้ดี



น่าเสียดายทั้งๆ ที่สายลับใกล้จะได้ตัวโจเซฟแล้ว แต่เนื่องจากปัญหาภายในประเทศกับกลุ่มประเทศอาหรับ ทำให้โจเซฟหนีรอดจาก
กฎหมายอย่างหวุดหวิดนี้เองที่ทำให้ซีโมน วิทเซ็นไท นักล่านาซีชาวยิว ต้องออกมาทำงานนี้เป็นส่วนตัว แต่แล้วจู่ดร.โจเซฟ แม็งเกเล่
กับหายตัวไปอย่างลึกลับในเวลาต่อมา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามอิสราเอลก้ได้มีการพิจารณาคดีไต่สวนแม็งเกเล่ มีการเบิกความพยานในศาล
และทบทวนที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ผลคือเขามีความผิดจริงและจำเป็นต้องจับตัวมาขึ้นศาลให้ได้

31 พฤษภาคม 1985 ตำรวจเยอรมันตะวันตก ได้ค้นพบบ้านอันสเต็ด ไมเออร์ เพื่อนสนิทของโจเซฟ แม็งเกเล่ ตำรวจพบเบาะแสจาก
จดหมายของเขา ว่าตอนนี้เขาอยู่บราซิล จึงได้ขอให้รัฐบาลที่นั้นสืบว่า ใครที่ให้ที่พักผิงแก่เขา แต่มันก็สายไปเสียแล้ว


เพราะโจเซฟ แม็งเกเล่ได้จมน้ำตายตั้งแต่ปี 1979 แล้ว

จากการตรวจสอบทางนิติเวชวิทยาวิทยา จากศพที่ค้นพบในสุสาน และการตรวจดีเอ็นเอ พบว่านี้คือศพของดร.โจเซฟ แม็งเกเล่ตัวจริง
แต่ผู้รอดชีวิตจากค่ายนรกในเอาต์วิตซ์ไม่เชื่อผลการตรวจในครั้งนี้ ทุกอย่างตกอยู่ในความคลุมเครืออีกครั้งทุกวันนี้ผู้รอดชีวิตจากค่ายนรก
เอาต์วิตซ์ก็ยังออกตามหา ดร.โจเซฟ แม็งกาเล่ ต่อไป เขาอาจจะอยู่ที่ใดที่หนึ่งในโลกนี้ เพื่อสร้างอาณาจักรในฝันของเขา! อีกครั้งหนึ่ง
               
ก่อนจบ การเริ่มต้นของค่ายนรก (Concentration Camp)


               
ค่ายของนาซีทั้งหมดจะเรียกชื่อเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดว่า (Concentration Camp) มันมีที่มาครับ ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ปี 1933
ได้มีการเผาไรสตาร์กรัฐสภาเยอรนีจากฝีมือของพวกคอมมิวนิสต์ ซึ่งในเวลาต่อมาเขาก็ได้จับคอมมิวนิสต์ชาวฮอลแลนด์ชื่อ ยันเดอร์ลูปเปอร์ได้
และถูกตัดสินประหารชีวิต


อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ต้องการให้ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ถูกแขวนคอให้หมด แต่นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นไม่เห็นด้วย เนื่องจากเป็นการกระทำที่เผด็จการเกินไป
จนกระทั้งฮิตเลอร์และเกอริ่งสมุนเอกได้ขึ้นครองอำนาจ จึงประกาศที่กำจัดพวกนี้ให้หมดสิ้นไปจากเยอรมนี จากนั้นพวกเขาจึงได้สร้างค่ายดาเฮา
ค่ายคอนเซนเทรชั่น แคมป์ ค่ายแรกของเยอรมัน ใกล้เมืองมิวนิก โดยมีทีโอเดอร์ ไอเคอร์ เป็นผู้บัญชาการคนแรกของค่าย



แต่ความจริงแล้วคอนเซนเทรชั่น แคมป์แห่งแรกในโลก คือค่าย Boer War ในแอฟริกาใต้ โดยประเทศอังกฤษจัดตั้งขึ้น
หลังจากนั้นในปี 1933 ฮิตเลอร์ได้ผ่านกฎหมายที่ทำให้เขามีอำนาจอย่างสมบูรณ์แบบ และได้จัดตั้งหน่วยเกสตาโบขึ้นเพื่อจับกุม
ผู้ต่อต้านเกย์ ตุ๊ด โสเภณี ผู้ขี้เหล้าเมายา ขอทาน พวกว่างงาน เพื่อนำมาขังไว้ในค่ายนรกแห่งนี้

               
ข้อมูลจากนิตยสาร LIPS ธันวาคม 2547
credit :: Cammy@dek-d
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่