John List บูกี้แมนแห่งฟิลด์เวสต์

[etatae333]

John List บูกี้แมนแห่งฟิลด์เวสต์



มันอาจจะเป็นการฆ่าที่โหดเหี้ยม บ้าคลั่ง ไร้เหตุผล แต่กระนั้นแผนทั้งหมด ถูกวางอย่างรัดกุม

จอห์น ลิสต์ ชายวัยกลางคนอายุ 46 ปี แห่งเมืองฟีลด์เวสต์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ ดูเหมือนเขาจะเป็นคนที่มีความสุขบนโลกใบนี้
เขามีทั้งครอบครัว บ้านและ อาชีพการงานที่มั่งคง เขามีเป็นคฤหาสน์เลขที่ 431 ในฮิลไซด์อเวนิว ทรงวิคตอเรียที่ใหญ่สวยงาม
และแพงที่สุดกว่าในเนินเขาอเวนิว นอกจากนั้นเขายังมีภรรยาเฮเลนอายุ 46 ปี ลูกสามคน แพท อายุ 16 ปี จอห์นจูเนียร์อายุ 15 ปี
หากแต่แล้วใน 7 พฤศจิกายน 1971 นั่นเองบ้านสวรรค์ของจอห์นก็ได้กลายเป็นนรกอย่างฉับพลัน เมื่อเพื่อนบ้านของจอห์น
พบสิ่งผิดสังเกต พวกเขาเห็นไฟในบ้านเปิดทุกดวงทั้งที่สมาชิกในบ้านแห่งนี้จะต้องไปเที่ยววันหยุด อีกทั้งพวกเขาไม่พบร่องรอย
ว่ามีใครออกเข้าออกบ้านแห่งนี้เลยนานหลายวัน แต่ไฉนถึงได้เปิดไฟทั้งวันทั้งคืน พวกเขาเริ่มนึกสิ่งน่ากลัวว่ากำลังว่ามีอะไร
บางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวจอห์น พวกเขาเลยตัดสินใจโทรเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงพวกเขาพบว่าบ้านของจอห์นถูกล็อก เมื่อร้องเรียกให้เปิดประตูไม่มีใครมาตอบรับ พวกเขาเลยตัดสินใจ
เข้าไปทางหน้าต่าง ในบ้านมีอาการเย็นยะเยือก เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครอยู่ที่นี้ แม้จะมีเสียงเพลงดังผ่านเครื่องระบบเล่นเพลง
แต่มันกลับมีบรรยากาศวังเวงบรรยายอะไรไม่ถูก รู้แต่เพียงว่ามันน่ากลัวมากในเวลานั้น

   
บ้านที่เกิดเหตุของจอห์น ลิสต์



เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสำรวจบ้านอย่างระมัดระวังพร้อมกับตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับสมาชิกครอบครัวของจอห์น จนกระทั้ง
พวกเขาได้ผ่านห้องรับประทานอาหารที่ว่างเปล่าเขาก็พบกับคราบสีดำบนผนังในห้องครัว พื้นกระดานหมากรุกถูกย้อมด้วยสีดำแปลกๆ
จากนั้นพวกเขาก็ได้ลิ่นที่น่าสะอิดสะเอียนมาจากทุกทิศทุกทาง พวกเขากำลังรับรู้สิ่งที่น่ากลัวที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้เพราะเห็นได้ชัดเลยว่า
คราบสีดำดังกล่าวก็คือเลือด และร่องรอยอะไรบางอย่างที่พยายามลบรอยเลือดแต่มันไม่สำเร็จ จากนั้นพวกเขาก็เห็นรอยลากเลือด
บางอย่างไปยังห้องเต้นรำของบ้าน และเมื่อพวกเขาตามรอยเปื้อนเข้าไป และที่แห่งนั้นเอง เขาก็ได้พบสิ่งที่เขาคาดเอาไว้
ในก็คือศพของมนุษย์


ศพเฮเลนและลูกสามคน

ในห้องเต้นรำใกล้เตาผิงบนพื้นได้ปรากฏศพสี่ศพที่ถูกวางราวกับทำพิธีกรรมบางอย่าง ศพทั้งสี่คือ เฮเลนและ ลูกสามคน
แพท จอห์นจูเนียร์ ศพลูกทั้งสามใส่เสื้อโค๊ตกันหนาว ถูกวางเคียงข้างโดยมีถุงนอนถูกปูบนพื้นแล้ววางศพอีกที ส่วนศพ
ของเฮเลนนั้นถูกวางไว้เหนือศีรษะศพลูกทั้งสามเหมือนลักษณะตัว T จากร่องรอยเลือดแสดงให้เห็นว่าพวกเขาถูกลากมา
จากห้องครัวแล้วมาวางไว้ในห้องเต้นรำรวมกัน จากตรวจสอบศพคร่าวๆ แสดงถึงความโหดเหี้ยมของฆาตกรเป็นอย่างดี
เหยื่อทั้งหมดถูกฆ่าด้วยกระสุนปืนที่จ่อศีรษะ(แต่กรณีของจอห์นจูเนียร์โหดกว่านั้นเพราะเขาถูกยิงซ้ำหลายครั้งที่หน้าอกและใบหน้า)
ทำให้ทุกศพโชกเลือด หัวเละ ตาโบกโพลงด้วยความสยดสยอง จากการสำรวจห้องครัวและห้องเต็นรำพบถุงกระดาษที่เปื้นเลือด
คาดว่าฆาตกรได้พยายามเช็ดเลือดอะไรบางอย่าง อย่างใจเย็น

   
อัลม่าแม่ของจอห์น

แต่เรื่องสยองยังไม่หมด หลังจากเจ้าหน้าตำรวจสำรวจบ้านที่เหลือพวกเขาก็พบสิ่งที่ขนลุกขนชันอีกครั้ง เมื่อแม่ของจอห์น อัลม่า
ถูกฆาตกรรมนอนหงายหน้าบนพื้นในห้องใต้หลังคา  ผ้าเช็ดชามถูกวางไว้บนใบหน้าของเธอและเมื่อเอาผ้าออกพวกเขาก็พบสาเหตุ
ที่เธอตาย เธอถูกฆาตกรยิงตาซ้ายอย่างโหดเหี้ยม เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสำรวจทั่วบริเวณคฤหาสน์ พวกเขาก็เริ่มมีข้อสงสัย
ตามมาก็คือ ท่ามกลางนรกแห่งนี้ จอห์น ลิสต์ อยู่ไหน?

   
จอห์น ลิสต์(John List)



จอห์น ลิสต์(1925 21 มีนาคม 2008) เป็นชาวอเมริกันที่ได้รับฉายาว่า บูกี้แมนแห่งฟิลด์เวสต์ ที่เขาได้ก่อคดีฆาตกรรมฆ่าแม่แท้ๆ
ของเขา ภรรยาและลูกสามคนในเมืองฟีลด์เวสต์ รัฐนิวเจอร์ซีย์เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 1971 แล้วหายไป เขาได้วางแผนทุกอย่าง
พิถีพิถันกว่าที่จะมีคนอื่นจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เมื่อเขาไหวตัวทันหนีออกมาได้เสียก่อน เขาสามารถหนีจากกระบวนการพิถีพิถัน
ได้นานกว่า 18 ปี  เคยติดหนึ่งในบุคคลที่ทางการเอฟบีไอต้องการตัวมากที่สุด จนกระทั้งเขาถูกจับกุมเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 1989
เขาถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต และตายในคุกเมื่อปี 2008 ในขณะอายุ 82 ปี

จอห์น ลิสต์ เกิดเมื่อวันที่ 17 กันยายน 1925 เมืองเบย์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกาฯ เขาเป็นลูกคนเดียวในครอบครัว
ชาวอเมริกาเชื้อสายเยอรมัน เคร่งศาสนา พ่อของเขาเป็นคนเข้มงวดและสอนเขาอยู่เสมอเกี่ยวกับความเชื่อในคริสตจักร
ที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ชนิดที่ว่าหากฝ่าฝืนนิดเดียวเขาต้องถูกลงโทษ อีกทั้งเขายังขีดเส้นจอห์นให้เป็นเหมือนเขา
ส่วนอัลม่าแม่ของจอห์นนั้นเป็นคนขี้ห่วงลูก เขามักถูกแม่กีดกันไม่ให้ออกไปข้างนอกเล่นกับเด็กคนอื่น เพราะว่าเธอเชื่อว่า
โลกภายนอกเป็นอันตรายสำหรับเขา

ก่อนที่จอห์นจะได้ย้ายไปอยู่คฤหาสน์นั้นเขาเคยอยู่อพาร์ทเม้นมาก่อน เขามักชอบอยู่ในห้องนั่งคิดคนเดียว มีความเป็นส่วนตัวสูง
จอห์นเป็นคนฉลาด เขามีความศรัทธานิกายลูเธอร์ และสอนโรงเรียนวันอาทิตย์ หลังจากเรียนจบเขาได้รับเกณฑ์ทหารบก
และทำหน้าที่ในกองทัพสหรัฐในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  ต่อมาในปี 1944 พ่อของเขาเสียชีวิตจอห์นได้กลับบ้านแล้ว
เข้าร่วมงานศพ คนร่วมงานต่างสังเกตว่าจอห์นในวันนั้นไม่แสดงอาการเศร้าโศกอะไรเลย เขาดูเยือกเย็นและไม่ไหวติง
หลังจากนั้นจอห์นก็ได้เขาประจำการในแฟซิฟิคในช่วงนั้นเองเขาเลยสนใจเรื่องอาวุธปืนถึงขั้นสะสม หลังจากได้รับยศร้อยตรี
ในกองทัพบกสำรอง แม่ของเขาอยากให้จอห์นประกอบอาชีพมั่นคงและปลอดภัย ทำให้เขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ในแอนอาร์เบอร์มิชิแกน โดยเขาได้รับปริญญาตรีในการบริหารธุรกิจ และปริญญาโทการบัญชี

ในช่วงนั้นเขาก็ได้รู้จักเอ็มม่าซึ่งเป็นภรรยาของเขาในอนาคตที่ลานโบว์ลิ่ง เฮเลนซึ่งเป็นแม่ม่ายที่พึ่งสูญเสียสามีหมาดๆ
ทำให้เธอต้องการหาสามีใหม่ และเธอก็สนใจในตัวจอห์นเพราะเขาเป็นผุ้ชายที่ดูดีและมีฐานะมั่งคง แต่แม่ของจอห์นไม่เห็น
ด้วยกับลูกสะใภ้คนนี้ ทำให้เฮเลนต้องบอกจอห์นว่าเธอตั้งครรภ์(เธอโกหก) ทำให้ ทั้งคู่ต้องแต่งงานกันในวันที่ 1 ธันวาคม 1951
หลังจากแต่งงานไม่นานเขาก็เริ่มต้นชีวิตใหม่เป็นนักขายประกัน ที่ในเมืองฟีลด์เวสต์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ เขาได้ซื้อคฤหาสน์ใหญ่
สวยงามมาเป็นบ้าน หลังจากผ่านไปไม่ถึงปีครอบครัวของจอห์นก็พบความสุขอีกครั้งเมื่อพวกเขาได้สมาชิกใหม่ครอบครัว
เป็นลูกสาวหนึ่งคน(แพทเกิดเมื่อเดือนมากราคม 1958)และบุตรชายสองคน

จอห์นไม่ค่อยชอบใจภรรยาของเขาเลย ที่ว่าเฮเลนภรรยาของเขาไม่สนใจศาสนา ทำให้เขามีความรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง
เขารู้สึกโกรธและเคืองใจภรรยา และยิ่งห่างเหินยิ่งขึ้นจากการกำเนิดบุตรคนที่สาม

         
จอห์น ลิสต์และครอบครัว



ชีวิตของจอห์นนั้นดูเหมือนจะมีความสุขและงดงาม แต่ต่อมาไม่นานหลังจากผ่านไป 18 ปี หลังจากแต่งงาน จอห์นก็ได้พบว่า
ภรรยาของเขาเป็นโรคฟิลิสที่ติดเชื้อจากสามีคนแรกเธอปกปิดเขาไม่ให้รู้เรื่องนี้ และนานวันเข้าภรรยาของเขาเริ่มเกิดภาวะ
สมองเสื่อม จอห์นต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการรักษาภรรยาของเขา แต่สายไปแล้วในการรักษาให้หายขาด
ทำได้แต่ใช้ยาระงับประสาทและแอลกอฮอล์เพื่อระงับความเจ็บปวดเท่านั้น

จากนั้นเป็นต้นมาชีวิตของจอห์นก็อยู่ช่วงขาลงอย่างแท้จริง เมื่อเขาสูญเสียงานของเขาเอย่างรวดเร็วเนื่องจากเขาไม่มีทักษะ
การเข้าสังคมและหัวคิดเก้าหน้าทำให้เขาถูกไล่ออก เขาต้องเผชิญกับรายจ่ายจำนวนมหาศาลไม่ว่าจะเป็นค่าจองบ้าน
จนเริ่มประสบปัญหาด้านทางการเงินที่เป็นหนี้กว่า 11,000,000 ดอลลาร์  จอห์นพบช่วงเวลาลำบากในการหางานทำ
และเขาเลือกจะปกปิดครอบครัวไม่ปรึกษา ทุกวันเขาจะโกหกว่าเขาไปทำงานและออกจากบ้านเหมือนมีงานเร่งด่วนต้องทำ
แต่ความจริงแล้วเขานั่งอยู่ในสถานีรถไฟตลอดทั้งวันอ่านหนังสือพิมพ์และหนังสืออ่านเล่น เขาทำแบบนี้หนึ่งเดือนเต็มโดย
ใช้เงินค่าใช้จ่ายจากบัญชีของแม่

ในขณะเดียวกันครอบครัวของเขาก็เต็มไปด้วยปัญหาไม่ว่าอาการป่วยของภรรยานับวันยิ่งทรุดโทรมจอห์นเริ่มเหินห่าง
ภรรยานอกแยกห้องกันเพราะรำคาญภรรยา ลูกของเขาก็ชอบแหกกฎที่เขาตั้งเอาไว้โยเฉพาะแพทลูกสาวคนโตของจอห์น
เป็นก็มีความประสงค์อยากออกจากบ้านเพื่อเป็นนักแสดง ซ้ำยังเสพกัญชาและสูบบุหรี่ซึ่งผิดศิลต่อศาสนาที่จอห์นเคารพมาก
เมื่อจอห์นสอนสั่งลูกสาว เธอกลับไม่สนใจโดยหาว่าพ่อเผด็จการ แต่จอห์นยังยืนยันว่าสิ่งที่เขาทำนั่นถูกต้องเขามีหน้าที่
จะต้องปกป้องดูแลครอบครัวด้วยมือของเขา

และนั่นเองเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่จอห์นได้ทำการสังหารหมู่ครอบครัวของเขา และนั้นทำให้ด้านมืดเริ่มครอบงำ จนจอห์น
ได้เปลี่ยนไป เขาหนีปัญหาเหล่านี้ ด้วยการอ่านหนังสือยุทธศาสตร์การทหาร อาชญากรรม และอาวุธ ทำให้เขาเริ่มมีความคิด
ที่จะใช้การฆ่าเพื่อการแก้ปัญหา เขาเชื่อว่าการฆ่าคนในครอบครัวด้วยมือเขาเองน่ะจะช่วยส่งวิญญาณพวกเขาสู่สวรรค์
   
วันที่ 5 พฤศจิกายน 1971 จอห์นเริ่มถามคำถามแปลกๆแก่ลูกตอนหลังรับประทานอาหารเย็น เขาถามว่าหากพวกเขา
เตรียมพร้อมที่จะตายพวกเขาต้องการให้ศพของพวกเขาฝังหรือเผาในเวลานั้นสมาชิกของจอห์นตกใจมากกลับคำถามนี้
แต่กระนั้นทุกคนก็ตอบว่าต้องการที่จะฝังจอห์นเงียบไปพักใหญ่เขาไม่พูดอะไรเลยในเวลานั้น ก่อนที่จะเดินออกไปในช่วง
เวลานั้นเองลูกของจอห์นเริ่มมีลางสังหรณ์เชื่อว่าพ่อตั้งใจจะฆ่าพวกเขา.....ในเร็วๆนี้

และแล้ววันนั้นก็มาถึง การฆ่าของจอห์นได้เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน 1971 เมื่อจอห์นพบภรรยาและแม่ของเขา
ในห้องนั่งเล่น เขาติดสินใจใช้อาวุธปืนพกอัตโนมัติสไตเออร์มัลลิเคอร์9 มม และปืนพก .22 ของพ่อ สังหารครอบครัว
ทั้ง 5 ชีวิตด้วยมือของเขาเอง เริ่มจากเขายิงภรรยาของเขาที่ด้านหลังที่หัว และยิงแม่ที่ตาซ้ายในขณะที่เด็กไปโรงเรียน
เมื่อแพทและเฟรเดอริกลับมาบ้านพวกเขาก็ถูกยิงเข้าที่หัว ส่วนจอห์นจูเนียร์บุตรชายคนโตเขามีเล่นฟุตบอลในช่วงบ่าย
ซึ่งจอห์นได้ขับรถไปดูจอห์นเล่นพร้อมทานอาหารกลางวันไปด้วย เมื่อกลับถึงบ้านเขาก็ถูกพ่อยิงที่หัว เขาล้มลงกับพื้น
แต่ปรากฏว่าเขาไม่ได้ตายในทันที เขายังมีอาการชักดิ้นชักงอทุรนทุราย ทำให้จอห์นตัดสินใจยิงลูกของเขาอย่างน้อย
สิบครั้งเพื่อให้ตายคาที่

จอห์นได้ลากร่างของภรรยาและบุตรทั้งสามที่ตายแล้วมาวางทาบกับถุงนอนในห้องเต้นรำของบ้าน เขาทำความสะอาด
ที่เกิดเหตุ เปิดไฟทุกดวงในบ้าน และเปิดวิทยุ เขาเอาอาหารแห้งที่เก็บไว้ในตู้เย็นทำมาอาหารและรับประทานอาหาร
แบบใจเย็น

จากนั้นจอห์นก็ได้ลากศพแม่ของเขาไว้ในห้องใต้หลังคา ศพของเธอถูกห้อมล้อมด้วยข้าวของของเธอ แล้วเขาก็นั่งบนโต๊ะ
ทำงานของเขาเขียนจดหมายถึงบาทหลวงที่เขานับถือไว้ว่าแม่ของผมอยู่ห้องใต้หลังคา เธอตัวหนักเกินไปที่จะย้ายนอกจากนี้
จดหมายของเขายังเขียนเรื่องขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นเหล่านี้ไว้ว่าผมขอโทษทุกคนที่ผมเลือกวิธีจบชีวิตทุกคนด้วยวิธีนี้
ผมไม่สามารถปกป้องครอบครัวของผมไว้ได้ ผมไม่อยากให้ครอบครัวของผมได้พบอนาคตที่ลำบาก

จอห์นก็ส่งข่าวไปให้คนใกล้ชิดและที่โรงเรียนของเด็กว่า ครอบครัวเขาไปเที่ยวแคโรไลนาตอนเหนือหลายสัปดาห์กว่าที่
จะกลับไม่ต้องเป็นห่วง เขาหยุดบริการส่งหนังสือพิมพ์และคนส่งนมทางจดหมาย จากนั้นเขาก็หลบหนีไปโดยใช้รถ
เชฟโรเลตอิมพาลา กว่าที่จะมีใครมาพบศพก็เวลาผ่านไปถึงหนึ่งเดือน ศพทั้งหมดเริ่มเน่าอย่างสมบูรณ์พร้อมจเหมาย
ของจอห์นที่จับเป็นฝุ่นอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา

หลังจากนั้นคดีของจอห์นได้กลายเป็นคดีที่อื้อฉาวอันดับสองในประวัติศาสตร์นิวเจอร์ซีย์ในทันที เป็นรองเพียงคดีลักพาตัว
และฆ่าหนูน้อยลินเบิร์กเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามตามหาจอห์นจาระหวั่น แต่กระนั้นผลจากการค้นหาล้มเหลว
พวกเขาพบแต่เพียงรถของจอห์นที่ใช้หลบหนีเท่านั้น มันจอดที่จอดรถในสนามบินเคนเนดี หากแต่จากการตรวจสอบ
ไม่พบประวัติของจอห์นอยู่ในรายชื่อผู้ใช้บริการการเดินทางด้วยเครื่องบินแต่อย่างใด ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้จอห์นไปอยู่ที่ไหน

ตอนแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจคิดว่าจอห์นจะถูกจับตัวภายในสองสัปดาห์ เนื่องจากแผนของเขาค่อนข้างบ้าระห่ำ อีกทั้งชื่อ
และรูปของเขาถูกเผยแพร่ในหน้าสื่อไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ทั้งประเทศรู้จักจอห์นในฐานะฆาตกรฆ่าล้างครัวที่โหดเหี้ยม
ที่สุดในนิวเจอร์ซี่ หากแต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือน หลายปีเข้า ปรากฏว่าจอห์นก็ไม่ถูกทางการจับเสียที แม้ว่าจะมี
เงินรางวัลนำจับมากมายก็ตาม หลายฝ่ายพยายามตามหาตัวจอห์น แต่เขาได้หายไปจากโลกนี้อย่างสมบูรณ์แบบ
ราวกับเขาเป็นบูกี้แมน สัตว์ประหลาดจากจิตนาการที่ผู้ใหญ่มักนำมาขู่เด็กให้หวาดกลัว มันจะปรากฏตัวในตอนกลางคืน
และหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับหมอกควัน

วันที่ 30 สิงหาคม 1972 บ้านเลขที่431 ฮิลไซด์อเวนิว ซึ่งเป็นบ้านมรณะของครอบครัวจอห์น ลิสต์ ซึ่งตอนนี้เป็น
บ้านร้างได้เกิดเพลิงไหม้โดยไม่ทราบสาเหตุบ้านสวรรค์ที่จอห์นหมายมั่นจะเป็นสวรรค์ในตอนแรกมาบัดนี้กลายเป็น
ความฝันที่หายวับไปกับกองเพลิงและเถ้าถ่าน


การปั้นใบหน้าของจอห์น ลิสต์ใน18ปีให้หลัง



18 ปีต่อมาหลังจากคดีฆ่าล้างครัวของจอห์น ลิสต์ ชาวอเมริกันหลายคนแทบจะลืมคดีดังกล่าวแล้ว อีกทั้งคดีนี้ก็เกือบ
เป็นฆาตกรลอยนวลอีกคดีหนึ่ง จอห์นอาจจะเสพสุข ณ ที่ใดที่หนึ่งในอเมริกา มีครอบครัวใหม่ และเปลี่ยนบุคลิก
และตัวตนใหม่ ไม่สำนึกผิดสิ่งที่ตนเคยทำแม้แต่น้อย

หากแต่สุดท้ายจอห์นก็จนมุมเพราะวิทยาการสืบสวนสมัยใหม่ ในปี 1989 ทางนิวเจอร์ซี่ได้บังคับใช้กฎหมายให้
ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ออกเรื่องราวของจอห์นในรูปแบบรายการบุคคลที่อเมริกาต้องการตัวมากที่สุดที่ติดตาม
ความคืบหน้าของคดี โดยเนื้อหาดังกล่าวได้นำเสนอการคาดเดาของจอห์นในลักษณะที่ว่าสมมุติหากจอห์นมีชีวิตอยู่
เขาจะหน้าตาแบบใดโดยในรายการได้นำเสนอเทคนิคการปั้นของนักปั้นที่ชื่อแฟรงค์ เบนเดอร์ที่ได้สร้างกะโหลก
จากรูปถ่ายของจอห์น แต่ปรับเปลี่ยนให้เขากับอายุเมื่อผ่านไป 17 ปีว่ารอยย่น เส้นผมควรออกมาแบบไหนใบหน้า
สันนิษฐานของจอห์นดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ผ่านรายการนั้น



ผลปรากฏว่ามีโทรศัพท์จากทางบ้านเข้ามามากมายที่มาแจ้งเบาะแสว่า พวกเขาเคยบุคคลที่มีใบหน้าที่ถูกปั้นดังกล่าว
เขาชื่อ โรเบิร์ต คลาค เขาอาศัยอยู่ในแถบริชมอนด์ รัฐเวอร์จีเนีย


จอห์น ลิสต์ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับหลังลอยนวลถึง 18 ปี

ย้อนกลับวันที่จอห์น ลิสต์หลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในตอนนั้นเขาได้ปลอมตัวและเปลี่ยนชื่อ เป็นโรเบิร์ต พี. คลาค
หนีไปทางเดนเวอร์ คโรลาโด ก่อนจบลงที่ริชมอนด์ รัฐเวอร์จีเนีย เขาปลอมหมายเลขสังคมและทำงานกะกลางคืน
เป็นผู้ช่วยผู้จัดการและการบัญชีในร้านอาหารที่ฮอลลิเดย์ อินน์ เขายังคงนับถือคริสต์จักรอย่างเคร่งครัดและเป็นยังเป็น
คณะกรรมการการเงินของคริสตจักร

ในช่วงเวลานี้จอห์นไม่กังวลกับเรื่องของคดี เขาไม่คิดว่าจะมีใครจำหน้าเขาได้ และเขาไม่มีวันถูกจับ จอห์นได้เริ่มชีวิตใหม่
ของเขาเรื่อยๆ เขาตกหลุมรักอีกครั้งกับม่ายสาวที่พึ่งหย่าร้างคนหนึ่ง ในงานซิลเกิ้ลสังคม หลังจากพูดคุยกันถูกคอ
จอห์นก็บอกกับคนรักใหม่ว่าเขาเคยมีภรรยาหากแต่เธอเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง และในปี 1895 พวกเขาก็แต่งงานกัน

แม้ว่าจอห์นจะมีชีวิตใหม่ แต่ความล้มเหลวยังตามติดเขาไม่ลดละ เขาถูกไล่ออกเพราะทำงานล้มเหลว จากนั้นเขาก็ทำ
อาชีพเป็นครูสอนวันอาทิตย์แต่เพราะเขาเข้มงวดกับเด็กเกินไปก็ออกจากงานอีก อีกทั้งด้วยสภาพเศรษฐกิจไม่ดี
ประกอบกับจอห์นเริ่มอายุมาก(55 ปี) ทำให้เขากลายเป็นคนว่างงานโดยสมบูรณ์ วันๆ เขานั่งอยู่คนเดียวในบ้าน
ออกไปไหนมาไหนก็ไม่ได้ ต้องให้ภรรยาใหม่ช่วยเหลือเขาตลอด กว่าจะได้งานใหม่อีกครั้ง


จอห์นในชั้นศาล



แวนดา แฟลนเนอรีซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของโรเบิร์ต คลาร์ก(จอห์น) เริ่มสังเกตเห็นว่าเพื่อนบ้านคนใหม่ของเธอนั้นช่าง
หน้าตาละม้ายคล้ายจอห์น ลิสต์ที่ฆ่าล้างครัวเมื่อ 18 ปีก่อน เธอเป็นคนชอบข่าวสะสมบทความมากมาย อีกทั้งหลัง
จากเธอได้ดูรายการ บุคคลที่อเมริกาต้องการตัวที่สุด เธอได้เห็นรูปปั้นสันนิษฐานของจอห์น เธอจึงมั่นใจอย่างที่สุด
ว่าโรเบิร์ตและจอห์นเป็นคนเดียวกัน และเธอก็ได้โทรไปหาเอฟบีไอดังกล่าว

เอฟบีไอมาถึงเขาได้ติดต่อกับภรรยาใหม่ของโรเบิร์ต คลาร์ก(จอห์น) และเมื่อภรรยาใหม่ว่าสามีของเธอแท้จริงแล้ว
เป็นฆาตกรฆ่าล้างครัวสุดโหด เธอให้การว่าเธอไม่รู้มาก่อน เพราะเขาเป็นคนดีและเคร่งศาสนา จอห์นถูกจับในที่ทำงาน
บริษัทบัญชีซึ่งเขาทำงานอยู่ภายใต้ชื่อปลอม ตอนแรกเขาปฏิเสธ เขาอาจเปลี่ยนชื่อ หน้าตา แต่เขาไม่สามารถ
เปลี่ยนลายพิมพ์นิ้วมือได้ ในที่สุดเขาก็ถูกจับฐานฆาตกรรมห้าศพเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 1989

หลังจากจอห์นถูกจับ เขาได้เผชิญหน้ากับน้องสาวเฮเลน เธอถามเขาว่าทำไมเขาถึงทำมัน จอห์นตอบว่า เพราะมันไม่มีวิธีอื่น
จอห์นถูกส่งตัวข้ามแดนไปยังนิวเจอร์ซี่ จนกระทั้งเขาอยู่ในศาลเขายังคงไม่ยอมรับว่าเขาคือจอห์น ลิสต์ เมื่อเขาถูกศาล
ถามชื่อของแค่บอกว่าตนเองคือ บ๊อบ หรือ คลาร์ก นี้อาจเป็นลูกเล่นของจอห์นเท่าเขาพอคิดได้ จิตแพทย์เขามาตรวจสอบ
อาการทางจิตของจอห์นก่อนที่สรุปว่าเขาเป็นผู้ป่วยที่อยู่ภาวะซึมเศร้าจากสถานการณ์วิกฤติ และบุคคลภาพที่ถูก
ครอบงำ-บังคับ(Obsessivecompulsive personality disorder)ซึ่งเป็นบุคลิกภาพที่เกิดจากผู้ป่วยถูกเลี้ยงดู
ภายใต้ความมีระเบียบวินัยมากเกินไป ทำให้โดนครอบงำจนขาดความหยืดหยุ่นและผู้ป่วยมักหงุดหงิดจนควบคุมอารมณ์
ไม่อยู่หากพวกเขาเห็นสิ่งที่ตนคิดว่าไม่ถูกต้องนำไปสู่ความรุนแรงและกฎระเบียบในการแก้ปัญหานั้นๆ

และแล้ววันที่ 12 เมษายน 1990 ผลการตัดสินปรากฏว่าจอห์นมีความผิดจริงและเขาต้องรับโทษจำคุกตลอดชีวิตห้าวาระ
ติดต่อกัน โดยไม่มีการทัณฑ์บน เมื่อจอห์นได้ยินคำพิพากษาสีหน้าของเขาในตอนนั้นไม่แสดงถึงความรู้สึกสำนึกผิดหรือ
เสียใจใดๆ ทั้งสิ้น

ต่อมาในปี 2002 มีการสัมภาษณ์จอห์นในคุกเมื่อนักข่าวสาวดังมี คอนนี่ถามว่าทำไมเขาไม่ฆ่าตัวตายพร้อมกับครอบครัว
ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 1971จอห์นตอบว่าเขาเชื่อว่าหากเขาฆ่าครอบครัวของเขาจะทำให้พวกเขาขึ้นสวรรค์ แต่เขาไม่
สามารถฆ่าตัวตายได้เพราะมันจะตกนรก เขาหวังว่าหากเขาตายเขาจะได้ขึ้นสวรรค์และอยู่กันพร้อมหน้ากับครอบครัว
จอห์นเสียชีวิตด้วยภาวะแทรกซ้อนจากโรคปอดบวมภายใต้การดูแลในคุกที่เทรนตันในนิวเจอร์ซีย์เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2008
รวมอายุ 82ปี ศพของเขาปราศจากการชันสูตรและถูกฝังในหลุมสุสานถัดจากแม่ของเขาในแฟรงเกนมัท มิชิแกน



เรื่องราวของจอห์น ลิสต์ถูกนำมาดัดแปลงในภาพยนตร์เรื่องThe Stepfather (1987)ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับพ่อเลี้ยง
ที่หวังค้นหาครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ เขาได้พบกับครอบครัวใหม่ซึ่งนานวันเขาก็รู้สึกว่าไม่ได้อย่างที่ตัวเองตั้งใจไว้
เขาก็ลงมือฆ่าทีละคนอย่างเลือดเย็น

https://www.youtube.com/v/C6dg84FhA9k

[ขุนแผน นกป.]

คลั่งแล้ว

[PLAYBOY ขั้นเทพ]

khjhgg khjhgg จิตคงหลอน  roister red001

[Daddy Cm]

บ้าไปแล้ว

[lamborghini]

โรคจิตอย่างหนัก